จรัญ ผู้พัฒน์

จรัญ ผู้พัฒน์

เดินทางอย่างมั่นคง

“บริษัท ซีคอน เท่าที่คนภายนอกมองเข้ามา เราอาจไม่ได้ขยายธุรกิจมากมายก็จริง เราช้าแต่ชัวร์ เรามองว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันต้องดีในทุกๆ ด้าน ก่อนที่เราจะก้าวต่อไป เราเป็นศูนย์การค้าที่กำไรดีมากในระดับประเทศ การเป็นศูนย์การค้าสาขาเดียว บางทีอาจจะกำไรมากกว่าสองศูนย์รวมกันด้วยซ้ำไป หากเราทำให้ดี ดูแลลูกค้าดีแล้วผลประกอบการก็จะดีตามมา พออยู่ตัวแล้วก็ค่อยขยายไปที่อื่น อย่างโรงแรมที่ภูเก็ตที่บริษัทของเราก็ทำอยู่ ตอนนี้ก็อยู่ตัวแล้ว เราเริ่มจะขยายไปที่กระบี่ ทำที่มีอยู่ให้มันมั่นคงแล้วค่อยขยายไป ไม่ใช่วางเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ ลักษณะการทำงานของเราจะเป็นแบบนี้ครับ

“ตอนนี้เราขยายห้างอีกสาขาก็คือ ซีคอน บางแค จากเดิมที่ฟิวเจอร์ปาร์ค บางแคมีผลประกอบการไม่ดี เราก็เลยสนใจเข้าไปขอซื้อกิจการต่อ แล้วก็ทราบว่ามีกลุ่มบริษัทหลายกลุ่มให้ความสนใจเยอะ เป็นบริษัทใหญ่ๆ ทั้งนั้น แต่จับพลัดจับผลูปรากฏว่าเราได้ในราคาที่ไม่แพง และหลังจากเปิดแล้วเราก็ทำได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้

“ช่วงแรกเราไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะได้ที่นี่ แต่ก็เก็งที่ดินแถบชานเมืองไว้ เพราะเราเองไม่เก่งทำห้างในเมือง ลักษณะลูกค้าในเมืองกับกลางเมืองผมว่าต่างกันมาก อย่างศูนย์การค้าในเมืองบางทีไปเปิดชานเมืองไม่ประสบความสำเร็จก็เยอะ อย่างเราถนัดชานเมืองก็ไปทางนั้น จริงๆ คนในเมืองมีไม่เยอะหรอกครับ จะเป็นคนชานเมืองที่ไปทำงานในเมือง ลักษณะการใช้ชีวิตมันแตกต่างกันมาก พฤติกรรมการบริโภคก็ต่างกันมาก

“สมัยนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ปรับโฉมให้ทันกับความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของลูกค้า ถ้าเมื่อไหร่ที่ปล่อยร้านเซ้ง การจะไปบอกให้ร้านเหล่านั้นตกแต่งใหม่เปลี่ยนสินค้าใหม่มันยากมาก หน้าตามันก็จะเก่าอยู่แบบนั้น สิบปียี่สิบปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคลื่อนไหว ผมบอกได้เลยว่ารอวันตาย ลูกค้าก็จะหนีไปหาอะไรที่ใหม่กว่า ดีกว่า 

“เราคิดว่าเรานำเสนอศูนย์การค้าใหม่ สวยงามทันสมัย และที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือเราจัดกิจกรรมทั้งปี มีเป็นร้อยกิจกรรม และเราจัดเอง ไม่ได้ให้ Organizer มาใช้พื้นที่แล้วก็ปล่อยให้เขาจัดอะไรก็ได้ พอเราจัดเองก็มีคอนเส็ปต์ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเองก็ต้องบอกว่าใช้เงินเยอะมาก แต่เราเห็นว่าเป็นการทำการตลาดที่ต่อเนื่องและเป็นการผูกใจลูกค้า มันก็เลยสนุก เราอยากให้ศูนย์การค้าของเราลูกค้าเดินได้เลย เมื่อไหร่ที่ไม่มีอะไรจะทำ ก็มาเดินซีคอนได้เลย แล้วจะเจออะไรดีๆ กลับบ้านไปก็มีรอยยิ้มเราพยายามจะสร้างให้เป็นไปตามนั้น และผมก็เชื่อว่าได้ผลพอสมควรนะ ลูกค้าก็อยู่กับเราเรื่อยๆ ถ้าดูกราฟก็มีแต่ขาขึ้น ไม่เคยลงเลย”

เล็กไม่ ใหญ่ทำ

“ผมว่าการบริหารห้างที่ใหญ่ง่ายกว่าทำห้างเล็กนะ การที่เป็นห้างใหญ่ได้เปรียบที่มีทุกอย่าง ลูกค้ามาแล้วทุกคนมีกิจกรรมที่ทำได้พ่อก็มี แม่ก็มี ลูกก็มี การเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่คือมาทั้งครอบครัวก็ได้ทุกอย่าง มาที่เดียวจบ ง่ายกว่าศูนย์เล็กๆ ที่มีแม่เหล็กดึงดูดไม่กี่อย่าง 

“เนื่องจากเราเป็นศูนย์การค้าที่แมส ลูกค้าจะไม่ใช่ไฮเอนด์ จะเป็นกลุ่ม B+ หรือ B การทำศูนย์การค้าเรามีพื้นที่ให้ร้านค้าเช่าร้านค้าอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ เราจึงต้องดึงลูกค้าเข้ามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อการจับจ่ายต่อไป ผมว่าหน้าที่ของศูนย์การค้ามีอยู่สองส่วนคือ เราดึงลูกค้าเข้ามา กับร้านค้ามีหน้าที่หาสินค้าที่ลูกค้าต้องการมาขาย ถ้าสองส่วนนี้ดี ลงตัว ผลประกอบการก็จะดี เราจึงคิดว่าการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกปี เอาของดีๆ มาให้ลูกค้า การลงทุนด้านนี้สูง เรามีงานใหญ่ปีละ 30กิจกรรม กิจกรรมละประมาณ 5 ล้านบาท ลานน้ำพุที่จัดกิจกรรมมีวันว่างสองวันต่อปี ให้ลูกค้าเดิน นอกนั้นจัดกิจกรรมหมด และเรารู้ว่าลูกค้าเริ่มรู้แล้วว่ามาแล้วซีคอนจะให้อะไรเขาและเขาจะได้อะไรกลับไป

“การบริหารห้างขนาดใหญ่ผมว่ามันอยู่ที่วิธีการจัดการ ซีคอนโชคดีที่เรามีทีมงานที่ดีมาก เราได้ทีมงานที่มีความสามารถ ถ้าเราได้คนเก่งมารวมกันวางใจได้ คนที่อยู่ในระดับบริหารไม่เหนื่อยมาก เราอยากได้อะไรมอบหมายไปให้พวกเขาทำ ลองสังเกตว่าพนักงานหลายคนของซีคอนอยู่มานานไม่ค่อยออกครับ เพราะเราทำงานกันแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรยาก ที่นี่ไม่มีอะไรแอบแฝง วันๆ
คุยงานกันมีแต่เรื่องหัวเราะ แทบจะไม่มีเรื่องตำหนิติเตียนอะไรเลย บรรยากาศการทำงานดีมาก หัวเราะกันไปทำงานกันไป แบบนี้ผมว่ามี Productivity ที่ดีกว่า”

ถ้าชอบ ก็ไม่มีคำว่ายาก

“หน้าที่การทำงานของผมมีหลายด้าน ทั้งด้านการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาดกิจกรรม และราชการสัมพันธ์ จริงๆงาน 3-4 อย่างที่ถืออยู่นี่มันก็มีลักษณะต่างกันเยอะเหมือนกัน ผมว่าผมโชคดีที่ไม่ค่อยรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันยาก ถ้าเราได้งานที่เราชอบและเป็นธรรมชาติของตัวเราเองมันก็จะง่าย เพราะเราไม่ต้องฝืนตัวเองที่จะทำในสิ่งที่ไม่ชอบ งานของผมส่วนใหญ่คือการพูดคุยเจรจาต่อรอง ซึ่งมันเป็นธรรมชาติที่ผมชอบทำ ด้านกิจกรรมก็เป็นอะไรที่เคลื่อนไหวเรื่อยๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็เลยไม่เคยคิดว่ามันยาก ผมคิดว่าสนุกดีครับ

“งานที่ผมชอบมากที่สุดก็คือการเจรจาเรื่องเงินมูลค่าเยอะๆ อย่างเงินลงทุนเป็นหมื่นล้าน หรือโรงแรมประมาณสองพันล้าน อย่างซีคอน บางแคก็สามพันกว่าล้านแล้ว ส่วนใหญ่ผมจะรับหน้าที่ในการเจรจาทุกเรื่อง ผู้รับเหมามูลค่ากี่ร้อยล้านก็ตาม ผมจะเป็นคนคุย การซื้ออะไรต่างๆ ผมก็เป็นคนเจรจาต่อรองราคา มันก็สนุกดี คือเราเจรจาแล้วเราได้ราคาที่เหมาะสม 

“บางบริษัทใช้วิธียื่นซอง แต่ของเราใช้ส่งราคามา เราเรียกผู้รับเหมาหลายเจ้ามาสอบถาม มาเจรจา ซึ่งผมว่าบริษัทได้ประโยชน์จากตรงนี้เยอะมาก เพราะได้พูดคุยลงรายละเอียดกัน จะราคาก็ลงมาอีก 20-30% พอเรามีหลายเจ้า เราก็เปรียบเทียบราคาเท่านี้ก็จะรู้ว่าราคาที่ควรจะเป็นคือเท่าไหร่

“ศูนย์การค้าในปัจจุบันผมว่า การขยายตัวในกรุงเทพอาจจะมีไม่มากแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มขยายออกชานเมืองแล้ว มีบางกลุ่มที่ขยายตัวไปต่างจังหวัด แต่ก็ยังน้อยมาก จะเห็นว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ขยาย ที่มีอยู่ก็คือที่ดินที่มีอยู่แล้ว แล้วก็ทำศูนย์การค้าขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ใหญ่นัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มใหม่ แต่ผมว่ามันไม่ง่ายนะ เพราะการทำศูนย์การค้ามันมีเคล็ดลับว่าต้องทำให้คนติดตั้งแต่แรกช่วงเดือนแรกนี่สำคัญมากถ้าติดตั้งแต่แรกก็รอด ถ้าเดือนสองเดือนแรกไม่ติด ก็มีโอกาสเจ๊งสูงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีแม่เหล็กโอกาสจะดึงคนก็ยาก หรือถ้าร้านค้าเติมพื้นที่ได้ไม่เต็ม มีของน้อย ก็เสร็จแน่ จะมีลูกค้าที่ไหนอยากมาเดินศูนย์การค้าที่ร้านค้าเปิดอยู่ไม่กี่ร้าน บรรยากาศมันไม่น่าเดิน 

“ผมว่าถนนสายนี้ไม่มีคู่แข่งนะ คือแถวไหนที่มีห้างไปเปิด มันก็เอื้อกันทั้งนั้น อย่างถนนศรีนครินทร์ มันเอื้อกันทางการค้าขาย มีการมาจับจ่ายมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกศูนย์การค้าได้ประโยชน์ทั้งหมดจากการเติบโตของพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราก็แข่งกับตัวเองแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรให้เราเป็นที่นิยมมากกว่าที่อื่น พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จับตาดูที่อื่นไปด้วย แต่ไม่ใช่คู่แข่งนะ เพราะทั้งประเทศเรามีสมาคมศูนย์การค้าไทย ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด เดือนนึงก็ไปประชุมกินข้าวเฮฮากันตลอด”

เปิดใจชีวิตเบื้องลึกผู้บริหาร

“ผมต้องขอเล่าย้อนไปเลยนะว่า ตอนเด็กๆ ผมค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองเยอะ เช่น ไปสอบที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ก็นั่งรถเมล์ไปสอบเอง คือผมเป็นครอบครัวคนจีน พ่อแม่ค้าขาย เราก็เลยทำอะไรเอง คือต่างคนต่างมีภารกิจ ผมไม่ใช่เด็กเรียนเก่งหรือเด็กเกเร แต่บังเอิญสอบติด พอโตขึ้นมาหน่อย ตอนนั้นคนจบปริญญาตรีก็ไม่เยอะเท่าไหร่ พ่อผมก็แนะนำให้เรียนพาณิชย์ ผมบอกไม่เอา ผมจะอยู่แบบคนเล็กๆ ไม่ได้ ก็เลยไปเรียนปริญญาตรี ผมเลือกมาสอบที่ธรรมศาสตร์ 

“ทุกอย่างก็ทำด้วยตัวเอง ไม่ค่อยได้พึ่งพาใคร อย่างเสื้อผ้าที่ใส่ผมก็ตัดเย็บเอง แก้เอง ไม่บอกพี่สาวให้ช่วยทำ อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเรียนธรรมศาสตร์ ในคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์นี่มีหลักคำสอนที่ผมชอบมาก ทุกวันนี้ผมยังนำมาถ่ายทอดให้ลูกๆ ก็คือ ‘บัณฑิตอย่าเป็นคนรกโลก’ อีกประโยคก็คือ ‘ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน’ ประโยคนี้เอามาใช้หลอกลูกให้เข้าธรรมศาสตร์ได้สองคน ผมว่าหลักคำสอนนี้สำคัญกับประเทศ เพราะสอนให้มองส่วนรวมมากกว่ามองตัวเอง ผมว่าสังคมไทยปัจจุบันมันแย่ลงเรื่อยๆ การมีอะไรเป็นเครื่องเตือนใจไว้สักอย่างจึงเป็นสิ่งที่ดี 

“พอเรียนจบ ผมก็ไม่สนใจเรื่องการไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ว่าคนจะว่าระบบการศึกษาไทยแย่อย่างไร ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนเก่งที่สุด ผมอยากเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าการประสบความสำเร็จใหญ่โต ทำไมเราต้องใช้เวลาห้าปีไปเรียนต่อต่างประเทศคนเดียว ห่างพ่อแม่และครอบครัว ผมหาคำตอบไม่ได้ว่าเพื่ออะไร ผมว่าตัวเราเป็นส่วนสำคัญมากกว่าการศึกษา ลูกผมก็ไม่ได้ให้ไปเรียนเลย

“หลังจากนั้นพอเรียนจบมาหนึ่งเดือน ผมก็ได้มาทำงานที่บริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ผมอยู่ตรงนั้นมา 8 ปี ได้ประสบการณ์เยอะ ผมดูแลเรื่องประชาสัมพันธ์ ได้เรียนรู้การทำงานแบบญี่ปุ่น ระดับบริหารกับระดับพนักงานใกล้ชิดกัน ไม่มีห้องส่วนตัว ความใกล้ชิดกันมันทำให้ดีต่อการทำงาน เย็นๆ ก็พากันไปกินเลี้ยง ตีกอล์ฟ และอีกอย่างคือเราตรงต่อเวลามาก แต่ข้อเสียก็คือระบบอาวุโสค่อนข้างแรง จากนั้นก็ย้ายงานมาอยู่หลายที่ ทั้ง TPI, Toyota, CPN แล้วถึงมาอยู่ที่ซีคอน”

งานศิลปะกล่อมเกลาชีวิต

“แรกๆ ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะ แต่หลังจากที่เราได้จัดงานกับศิลปินระดับชั้นนำของประเทศ ผมมีนัดกินข้าวกับอาจารย์ศิลปะที่ศิลปากรแทบทุกเดือน ก็เลยค่อยๆ ซึมซับในศิลปะ ผมพบว่าคนทำงานศิลปะอารมณ์ดี จิตใจดี ทำให้เรายิ้มได้ทั้งวัน มีความสุขไปด้วย

“ผมมีความสุขเวลาเห็นงานศิลปะ ผมชอบอยู่สองอย่างคือจิตรกรรมและประติมากรรม รูปที่บ้านผมมีมากกว่าพื้นที่ผนังที่จะติดได้อีก การได้ไปยืนดู เราไปดูเราก็ได้มุมบางอย่างออกมา อย่างภาพแอบสแตร็ค มองแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน งานของอาจารย์บางท่านเป็นงานสีน้ำละเอียดมาก ต้องใช้ความพยายามอดทนมาก เป็นภาพหยดสีมาต่อๆ กัน แต่ดูแล้วก็สบายใจ

“ที่บ้านผมมี 40-50 ภาพ ไม่เยอะครับ ผมซื้อจากอาจารย์ที่รู้จักกัน ก็ได้ราคามิตรภาพ ผมชอบสีน้ำสีน้ำมัน บางทีไปบ้านเขา ก็หิ้วไวน์ไปฝากขวดนึง แล้วหิ้วภาพกลับมาภาพนึง (หัวเราะ)

“คนไทยให้ความสำคัญกับศิลปะน้อย ถ้าคิดว่าภาพวาดเป็นการลงทุนก็อาจจะให้ผลตอบแทนมากกว่าอสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นด้วยซ้ำ อย่างภาพของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี หรืออาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ถ้าในแง่ลงทุน ได้ผลตอบแทนดี แต่ในแง่ความสุนทรียะ ผมว่าได้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าอีก 

“ผมเป็นพวกที่ต้องดำเนินชีวิตด้วยความสมดุล ผมเคยนั่งนับว่าสถานภาพของคนเรามีเป็นร้อย เยอะมาก อย่างนี้แล้วเราจะทำอย่างไรให้ชีวิตสมดุล ผมอยากเป็นในทุกหน้าที่ให้ดีที่สุด ภาพใหญ่ก็คือครอบครัวกับงาน ทั้งผมและภรรยาต้องหาจุดสมดุลไม่ให้งานมามากกว่าส่วนอื่นๆ แล้วเวลาทำงานหาเงินมา ผมก็ไม่ได้เก็บหมด ผมเก็บด้วย ใช้ด้วย ผมเป็นพวกใช้เงิน ซื้ออะไรเยอะแยะไปหมด ผมว่ามันต้องรู้จักให้รางวัลกับชีวิตบ้าง” 

KNOW HIM

แม้เวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังทำอยู่ก็คือทำตัวเองไม่ให้ล้าสมัยต้องทันโลกทันเหตุการณ์อยู่เสมอ 

“ผมเป็นคนไม่ยอมล้าสมัย อาจจะด้วยเพราะทำงานการตลาด ด้วยนิสัยใจคอ ผมฟังเพลงดูหนังวัยรุ่นนะครับ ฟังเพลง Taylor Swift, Maroon5 ดูซีรี่ส์เกาหลี ผมว่าเราจะตกเทรนด์ไม่ได้ และมันก็เป็นเรื่องสนุกดีด้วย เราต้องทำตัวให้เข้ากับยุคสมัยและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมให้ได้ ไม่ยอมแก่ ต้องดูแลตัวเองเสมอ 

“แม้ยุคสมัยจะทำให้คนสบายขึ้น แต่คนทำงานเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยสู้งานเท่าไหร่ การเกี่ยงงานไม่อยากทำเยอะ ผมคิดว่าเป็นการเสียโอกาส การได้ทำเยอะสิ่งที่ได้ตอบแทนก็คือประสบการณ์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา เราเป็นตัวกำหนดทุกเรื่อง ทำตัวให้มีคุณค่าเราก็จะได้กับตัวเองโดยตรง ผมคิดว่าคนเราต้องซื่อสัตย์และจริงใจ มองเรื่องส่วนรวม มีจริยธรรมในการดำรงชีวิต ซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ แล้วชีวิตเราจะมีความสุขครับ”

การบริหารห้างสรรพสินค้าต้องรู้ว่าลูกค้าเราเป็นใคร