สาลินี ปันยารชุน
“สมัยเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ เราก็ทำกิจกรรมในคณะ แล้วก็มีกิจกรรมตามใจฉันนอกคณะ อย่างงานจิตอาสาอะไรพวกนั้น ถามว่าตอนนั้นมีแววเป็นดีเจไหม บอกเลยว่าไม่มี แต่ใจเรามันไป เพราะรู้สึกว่ามันเท่ดีเวลาที่ได้สัมภาษณ์ศิลปินจากเมืองนอก ได้ใกล้ชิด ไม่ต้องมาเบียดเสียดกับแฟนคลับ ก็เลยทำให้อยากเป็นดีเจ
“ดิฉันเริ่มทำหน้าที่ดีเจวันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่เรียนอยู่ปี 2 จนทำเป็นทุกอย่าง ทั้งประสานงาน ประชาสัมพันธ์ แล้วตอนนั้นก็เรียนละครเป็นวิชาโทอยู่ด้วย วงการบันเทิงตอนนั้นยังไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ไม่น่าจะยึดเป็นอาชีพได้ แต่พอได้มาทำปุ๊บ ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด”
คุณเอื้อง สาลินีเล่าย้อนวันวานให้ฟัง และถ้ายังจำกันได้ เธอถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งค่ายเบเกอรี่ มิวสิค ก่อนที่ในเวลาต่อมา ค่ายเพลงขวัญใจของใครหลายคนมีอันต้องหยุดการบรรเลงลง ทว่าเธอคนนี้ก็ยังคงเดินตามความชอบที่ค้นพบตั้งแต่เด็ก พร้อมๆ ไปกับการเป็นพีอาร์ เพราะชอบเข้าสังคม จนใครๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอมีเทคนิคในการจัดสรรเวลาอย่างไร
“ดิฉันจะใช้ระบบพาร์ทเนอร์หรือเน็ทเวิร์ค จะพูดคุยทำความเข้าใจในเนื้องานแต่ละส่วนให้ทีมที่รับผิดชอบเข้าใจตรงกัน โลกออนไลน์ก็มีส่วนที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ถึงเราจะไม่อยู่ออฟฟิศ แต่งานก็เดินตลอด ออกไปข้างนอกก็ได้ข่าวมาลงเยอะ ลูกค้าก็แยะ ดิฉันเป็นพีอาร์ที่ไปแต่งานปาร์ตี้ เทคโนโลยีทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ยิ่งเราเป็นพวกไฮเปอร์แอ็กทีฟ มันก็ยิ่งสะดวก
“เวลาอินกับเรื่องอะไรแล้ว ดิฉันจะไม่ยอมหลับยอมนอน ปกติก็เป็นคนนอนน้อยตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ช่วงไหนร่างกายแข็งแรง นอน4-5 ชั่วโมงก็พอแล้ว เพราะมันสนุกกับชีวิต สนุกกับการตื่น แต่กลางวันถ้าง่วงก็แอบมาสปา หลับสักชั่วโมงสองชั่วโมง ก็โอเคแล้ว
“สำหรับดิฉัน งานคือวันหยุด ก็เลยไม่รู้จะไปเกษียณมันทำไม คงหยุดไม่ได้ มองเห็นตัวเองแล้วว่าอีกหน่อยก็คงเหมือน วิเวียนเวสต์วู้ด ที่อายุ 70 กว่าแล้ว แต่ยังขี่จักรยานไปทั่วลอนดอน ทำโน่นทำนี่ แต่งตัวสวยๆ นี่แหละคือความสุขของเรา”
ยิ่งได้คุยกับเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เห็นพลังในตัวที่ใช้ไม่มีวันหมด อีกอย่างที่เห็นชัดก็คือความเป็นคนอารมณ์ดีที่ซ่อนยังไงก็ไม่มิด แล้วมุมที่คนอื่นไม่ค่อยได้เห็นล่ะ มีบ้างหรือเปล่า?
“ใครๆ เขาก็เห็นมาหมดแล้วนะ มุมปี๊ด มุมวีน มุมแรง มุมร้าย มีหมดทุกอารมณ์ เพราะเราเป็นคนเปิดเผย กับลูกอาจมีมุมดุบ้าง กลับบ้านไปก็ต้องแอ็คเป็นแม่ใจร้าย ซึ่งเป็นมุมที่ไม่อยากเล่นเลย อยากเป็นแม่ใจดี ก็ได้แต่บอกลูกว่าแม่ขี้เกียจดุนะ แม่เหนื่อย ไม่ใช่เหนื่อยอะไรหรอก เหนื่อยแอ็ค (หัวเราะ)
“ตอนนี้ดิฉันอยู่ในหมวดกึ่งรีไทร์ แพลนไว้ว่าอีก 2-3 ปีจะเตรียมตัวถอนสมอจากประเทศไทยไปอยู่เมืองนอกสัก 3 ปี พอลูกโตก็จะหาลู่ทางไปทำมาหากินในต่างประเทศ ไปเปิดธุรกิจในแอฟริกา ตอนนี้ก็คุยกันเรื่องมีเดีย อยากจะทำบริษัท PR กับเพื่อน
“สิ่งสำคัญในชีวิตที่เหลือก็คงเป็นการดูแลเตรียมความพร้อมให้กับลูก เพื่อเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า และเราก็ต้องทำหน้าที่ลูก ดูแลพ่อแม่ในช่วงบั้นปลายด้วย แล้วก็คงสร้างโลกความสุขส่วนตัวให้ตัวเองด้วยค่ะ”