กิติชัย เตชะงามเลิศ
แน่นอนว่าการที่จะมาถึงวันนี้ได้นั้นต้องมีทั้งความเก่งบวกกับเฮงผสมกัน แต่เหนืออื่นใด การที่จะสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ก็ล้วนแต่ต้องมาจากความพยายามทั้งสิ้น
คุณกิติชัยเป็นคนสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เหตุเพราะโชคร้ายที่ต้องสูญเสียคุณพ่อและคุณแม่ตั้งแต่อายุ 12 ปี ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากขึ้น โดยมีเงินที่หักลบกลบหนี้ของคุณพ่อแล้วเหลืออยู่ประมาณล้านกว่าบาท เขานำเงินส่วนนี้มาทำธุรกิจขายเสื้อยืดต่อจากคุณพ่อ และต้องหยุดการเรียนในภาคปกติไว้
อย่างไรก็ตาม ด้วยความใฝ่เรียน ในที่สุดคุณกิติชัยก็สามารถจบคณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ภายใน 3 ปีโดยได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 เท่านั้นยังไม่พอ เขาสอบติด MBA ได้ทั้ง 3 มหาวิทยาลัยพร้อมๆ กันคือ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ และนิด้า แต่สุดท้ายก็เลือกเรียนที่จุฬาฯ และเป็นที่นี่เองที่ทำให้เขารู้จักกับการลงทุนเป็นครั้งแรก
แต่ในสนามค้าหุ้นเวลานั้นไม่สวยหรูสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่อย่างเขา เพราะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ ทำให้หุ้นตกลงไปมากยิ่งบางส่วนเขาใช้มาร์จิ้น (กู้เงินเล่นหุ้น) ด้วย ก็ยิ่งบาดเจ็บหนัก เขาก็กลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างไม่ผลีผลาม มีการศึกษาข้อมูลและคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบมากขึ้น แล้วเขาก็ได้มาพบกับหุ้นประวัติศาสตร์ หุ้นตัวที่ทำรายได้ให้กับเขาอย่างถล่มทลาย นั่นก็คือหุ้นไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต (SCNYL)
“ตอนนั้นผมซื้อไว้เกือบสามแสนหุ้น ราคาหุ้นละประมาณ 70 กว่าบาท คิดเป็นเงินลงทุนก็เกือบ 20 ล้าน ถือมาประมาณ 3 ปีกว่า หุ้นขึ้นไปถึง 618 บาท ในระหว่างที่ขึ้นมาผมก็ทยอยขายไปบ้าง ตอนนี้เหลือไว้ประมาณแสนเจ็ดหมื่นหุ้น ซึ่งที่ถืออยู่ก็ได้กำไรจนไม่มีต้นทุนแล้ว”
นอกจากการเล่นหุ้นที่ทำกำไรให้เขาแล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันเขายังเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องของการประมูลบ้านเก่ามาทำใหม่แล้วขาย และการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า
“กำไรจากอสังหาริมทรัพย์ต่อชิ้นนั้นไม่ใช่ก้อนใหญ่แบบหุ้น แต่ผมก็ค่อยๆ สะสมไว้จนมากพอสมควร ตอนนี้ก็กว่าร้อยชิ้นแล้วผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และมีความมั่นคงกว่าหุ้น เพราะหุ้นบางทีอาจจะแย่ก็ได้ในอนาคต แต่อสังหาริมทรัพย์
มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ
“ผมคิดว่าเรื่องการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนนะครับ คิดง่ายๆ ว่าถ้าเรามีเงินทุนปีละประมาณ 50,000 บาท ซึ่งก็ออมเดือนละ 4,000 บาทเอง พอ 20 ปีผ่านไป ถ้าเราออมเท่านี้เงินจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ถ้าเราฝากธนาคารดอกเบี้ย 3% แต่ถ้าเราเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุน ได้อัตราผลตอบแทน 10% หรือ 20% พอดอกเบี้ยทบต้นเป็นเวลา 20 ปี ตัวเลขจะต่างกันอย่างเหลือเชื่อ
“หลายคนอาจจะมองว่าการเล่นหุ้นมีความเสี่ยง แต่ผมอยากจะบอกว่าทุกอย่างมันก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น การฝากเงินในธนาคารก็ยังเสี่ยง แม้กระทั่งคุณเดินออกจากบ้านก็ยังไม่รู้เลยว่าจะโดนอะไรบ้าง ผมว่าทุกอย่างมีความเสี่ยงแม้แต่เรื่องของการใช้ชีวิตนะครับ”
Know Him
• ในขณะที่คนรวยส่วนใหญ่มักแข่งกันมีรถยนต์หรูหราราคาแพง แต่เขาคนนี้กลับไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง แม้แต่คันเดียว
• นอกจากการลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในห้องบนคอนโดมิเนียมย่านอโศกของเขานั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะกว่าร้อยชิ้น แต่ที่เขาชอบมากเป็นพิเศษก็คืองานศิลปะภาพปักด้วยมือจากเวียดนามที่ดูแล้วเหมือนภาพวาดมากๆ