ภาวุธ พงษ์วิทยภาน TARAD.com
ต้องยอมรับว่าโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน พฤติกรรมของคนเราก็เริ่มเปลี่ยนไป เสมือนมีอีกโลกหนึ่งที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แทบจะทุกอย่างถูกจับเข้ามารวมไว้ที่นี่ โดยเฉพาะเรื่องของสินค้าและบริการ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า E-Commerce เติบโตขึ้น ธุรกิจในกลุ่มนี้ แผ่ขยายกลายเป็นอาณาจักรใหม่ของสินค้าและบริการที่น่าสนใจ
TARAD.com คือร้านออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้นำด้าน E-Commerce & E-Marketing ที่เรียกว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยในขณะนี้ก็ว่าได้ และผู้ที่เป็นเจ้าของปลุกปั้น TARAD.com ให้โด่งขึ้นมาก็คือคุณป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้เชี่ยวชาญด้าน E-Commerce & E-Marketing ที่มีประสบการณ์การันตีผลงานมากกว่า 10 ปี
เขาเริ่มต้นชีวิตด้านนี้ตั้งแต่สมัยที่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยยังไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เมื่อเริ่มสนใจในเรื่องของเว็บไซต์ จึงรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ ทำเว็บไซต์ขึ้นมาชื่อว่า Thaisecondhand.com เว็บนี้เหมือนจะไปได้ดี แต่ก็ติดปัญหาตรงที่ว่าเป็นเรื่องของมือสอง ทำให้คนอยากลงสินค้ามือหนึ่งนั้นถูกตัดออกไป ในเวลาต่อมาเขาจึงตัดสินใจทำเว็บไซต์ TARAD.com ขึ้นมา ครั้งนี้เว็บที่ทำเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง และปัจจุบันจึงได้กลายเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมด้านธุรกิจไปแล้ว
“ตลาดดอทคอม 14-15 ปีแล้ว เป็นคนทำไทยทั้งหมด แต่ในปี 2009 บริษัท Rakuten ซึ่งเป็นบริษัทเบอร์หนึ่งในเรื่อง E-Commerce ของญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนกับ TARAD.com ตอนนี้ญี่ปุ่นถือหุ้นอยู่ 67% ผมถือ 33% ก็ถือเป็นจุดสำคัญนะครับ เพราะ E-Commerce ของคนไทยมันไม่ได้โตเท่าไหร่ มันโต แต่ไม่ได้เป็น E-Commerce100% คือเป็น Semi E-Commerce คือคนเปิดหน้าเว็บไซต์ แต่พอจะจ่ายเงินกลับเป็นออฟไลน์ ก็เลยยังไม่เป็นมืออาชีพเท่าที่ควร แต่พอมีญี่ปุ่นเข้ามามันก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ
“เราเปลี่ยนโมเดลให้เป็นร้านค้าออนไลน์ แต่การทำให้เกิดยอดขายมันยาก เราก็เลยเปลี่ยนจากที่ให้บริการเช่าเว็บไซต์ก็เปลี่ยนเป็นให้บริการ E-Commerce คือทำยังไงจะให้ขายของให้ได้ดีกว่าวิธีการโฟกัสก็คือเรามีที่ปรึกษาส่วนตัว มีอบรม สัมมนา การกระตุ้นให้เกิดยอดขาย คนที่เข้ามาก็จะเกิดยอดขายได้ไม่ยาก เพราะประเทศไทยคนยังไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ เราก็เลยมี Case Study คนที่ทำสำเร็จมาเป็นตัวอย่างให้ดู
“ภาพรวมตอนนี้ผมว่าเราเป็นเบอร์หนึ่งนะ ในแง่ร้านค้าคนที่เข้าเว็บ จากการสำรวจเราเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ เพราะว่าเราทำมาเป็นสิบปีแล้ว เราเหมือนเป็นห้างสรรพสินค้า แล้วมีคนเข้ามาเช่าพื้นที่ขายของ เขาซื้อของมา 100 บาท ต้องได้กำไร 30 เราคือผู้ประกอบการ จึงสามารถเช็คราคาได้หมด
“การซื้อของออนไลน์ ต้นทุนมันจะลดลงเยอะ เพราะมีคนมาส่งถึงบ้าน ยกตัวอย่างเมื่อก่อนต้องแบกข้าวสาร แบกไข่ อาหารสด แต่ตอนนี้เราไม่ต้องออกไปซื้อ เพราะฉะนั้นเราประหยัดเวลาได้ เวลาคือต้นทุนอย่างหนึ่ง ถ้าเราต้องออกไปซื้อของ ก็ต้องขับรถไป ค่าน้ำมันอีก แล้วมันเป็นของเดิมซ้ำที่เราซื้ออยู่ และโปรโมชั่นที่เขาขาย กับโปรโมชั่นออนไลน์มันก็เหมือนกัน มันประหยัดและคุ้มค่า แถมช่วยชาติเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยนะครับ”
“ข้อดีการซื้อของออนไลน์คือ เราสามารถกระจายเม็ดเงินไปต่างจังหวัดได้ เพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ไกลๆ เขาสามารถขายของออนไลน์ได้ โดยที่มีเวลาอยู่กับบ้าน บางเจ้าขายดี อย่างมีคนขายชุดการแสดงลิเก และขายดีจนทำไม่ทัน ก็กระจายไปให้พวกแม่บ้านในหมู่บ้านใกล้ๆ ได้มีรายได้มีอาชีพ
“ผมมองว่าถ้ามีธุรกิจอยู่แล้ว การเพิ่มช่องทางออนไลน์มันก็จะเพิ่มลูกค้า เพิ่มโอกาสมากขึ้น เช่น ขายของอยู่ขอนแก่นก็ขายให้กับคนขอนแก่น แต่พอออนไลน์ ใครที่ไหนก็ซื้อได้ มีลูกค้าต่างพื้นที่ออกไป
“ในอนาคตผมว่า Mobile Social Commerce จะเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มาก Social Network เป็นตัวกระตุ้น Mobile ตอนนี้โตขึ้นเยอะ มีการใช้ไปดูข้อมูลสินค้า และพฤติกรมการซื้อของออนไลน์มากขึ้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย เทรนด์แบบนี้ตอนนี้ญี่ปุ่นมาแล้ว ยุโรปมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาของเอเชียแล้วครับ”
Know Him
• คุณภาวุธ จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรังสิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญด้าน Internet & E-Commerce และปริญญาโทใบที่สองที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์ ด้าน Executive MBA
• เขาคือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถด้าน และเชี่ยวชาญในด้าน Digital Technology, E-Commerce & E-Marketing จึงเป็นที่มาของการได้รับตำแหน่ง และทำงานมากมาย อาทิ เป็นนายกสมาคม E-Commerce, อาจารย์คณะไอซีที มหาวิทยาลัยศิลปากรและศรีปทุม เป็นผู้เขียนหนังสือ “E-Commerce เจาะเทคนิคการตลาดออนไลน์” รวมทั้งคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ