ถุงเท้าแห่งความหวัง
ความหวังเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงที่ช่วยชโลมดอกไม้ในจิตใจไม่ให้แห้งเหี่ยว เราทุกคนล้วนมีหยดน้ำอยู่ภายใน แต่เมื่อวันใดที่น้ำหยดนี้แห้งเหือด ขอเพียงอย่าสิ้นหวังและอย่าหยุดยั้งที่จะก้าวเดิน
ยังจำช่วงเวลาเทศกาลคริสมาสต์ตอนเด็กๆ ได้ไหมครับ สำหรับผม ... จำได้ดี เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนในโรงเรียนคริสต์มีความสุขที่สุด ถึงเทศกาลนี้ทีไร โรงเรียนเป็นอันต้องปิดยาวทุกที
ก่อนหน้าที่โรงเรียนจะหยุดยาวคุณครูประจำชั้นได้เล่าถึงซานตาคลอส คุณลุงหนวดขาวยาวเฟื้อย ใส่เสื้อคลุมสีแดง แบกถุงขนมและของเล่นใบใหญ่มาแจกเด็กๆ ที่แขวนถุงเท้าไว้ในคืนวันคริสมาสต์ พร้อมกับเสียงหัวเราะแห่งความสุข ‘โฮะ โฮะ โฮะ’
บ่ายวันนั้นหลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมนึกสนุกอยากได้ของขวัญจากซานตาคลอสบ้าง เรื่องราวของคุณลุงคนนี้ที่ได้ฟังจากคุณครู จริงหรือไม่จริง ผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ตอนนี้เท้าทั้งสองข้างของผมยืนอยู่บนดาดฟ้า ในมือข้างหนึ่งของผมมีถุงเท้านักเรียนเก่าๆ 1 ข้าง พร้อมไม้หนีบอีก 1 ตัว
ผมแขวนถุงเท้าข้างนั้นอย่างตั้งใจ แขวนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน และหมั่นวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าตรวจตราดูถุงเท้าเก่าๆ ข้างนั้นว่ายังอยู่ดีใช่ไหม และเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันยังไม่ถูกแม่เก็บลงตะกร้าผ้า
ตอนที่แขวนผมจำความรู้สึกนั้นได้ดี ความรู้สึกที่อยากได้ของเล่นหรือขนมอะไรสักอย่างที่ซานตาคลอสมอบให้ ความรู้สึกตื่นเต้น อยากให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเร็วๆ บอกตามตรงว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมมีความหวังมากที่สุด มันทั้งสนุกและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
คืนนั้นผมแทบนอนไม่หลับ ใจหนึ่งก็คิดว่าถุงเท้าที่แขวนไว้บนดาดฟ้าจะถูกพัดปลิวไปตามสายลมหนาวหรือเปล่า ใจหนึ่งก็คิดว่าจะได้ของเล่นอะไรกันนะ รถแข่ง หุ่นยนต์
หรือลูกอม ใจหนึ่งก็อยากเห็นคุณลุงสวมชุดแดง จนแทบอยากจะย่องออกจากห้องนอนกลางดึก เพื่อขึ้นไปดูที่ดาดฟ้า แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นมีหวัง คงโดนไม้เรียวของแม่ที่ทำจากก้านมะยม หวดจนก้นลายแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมจึงข่มตาหลับปี๋ ซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเหมือนเดิม และรอให้ถึงเช้าวันพรุ่งนี้
เช้าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เสียงนกร้องเล็ดลอดมาจากหน้าต่างทำให้ผมลืมตาตื่น สิ่งแรกที่แว่บเข้ามาในหัวคือ ถุงเท้า!!! แล้วผมก็เด้งสปริงตัวจากที่นอน วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยความเร็วดุจเสือชีตาห์กำลังไล่ล่าเหยื่อ
ผมยืนนิ่ง พร้อมเสียงหอบหายใจเล็กน้อย ภาพเบื้องหน้าคือเสื้อผ้าของทุกคนในบ้านที่แม่เอาขึ้นมาตาก (ตอนไหนก็ไม่รู้) ผมสอดส่องหาถุงเท้าเก่าๆ ข้างนั้น
มันหายไปแล้ว!!!
ความรู้สึกของผมตอนนั้นเหมือนถูกครูสั่งทำโทษให้ยืนกอดอกหน้าห้องเรียน เหมือนแม่ถูกบังคับให้กินผักใบเขียวและแตงกวา เหมือนว่าเสือชีตาห์ที่กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ตะครุบเหยื่อ แต่ดันสะดุดขอนไม้ใหญ่แล้วล้มลง
ถุงเท้าคู่นั้น ... ผมได้แต่หวังว่าแม่คงจะเก็บมันไว้
แต่ถ้ามันปลิวไปกับสายลมแล้วล่ะ ... ผมถอนหายใจพร้อมเดินคอตกไปอย่างสิ้นหวัง วันนี้เป็นวันที่หม่นหมอง คล้ายว่ามีเงาดำปกคลุมอยู่รอบตัวเต็มไปหมด
ผมไม่ได้โทษว่าแม่เป็นคนทำลายถุงเท้าแห่งความหวังของผม มันอาจเป็นเหตุสุดวิสัย ลมพัดถุงเท้าข้างนั้นลอยไปก็เป็นได้ หรือเป็นความผิดของผมเองที่หนีบถุงเท้าไว้ไม่แน่นพอจนมันปลิวไปไหนต่อไหน
เย็นวันนั้นระหว่างที่แม่นั่งพับผ้าอยู่หน้าทีวีซึ่งเปิดละครหลังข่าวอยู่ แม่ก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้และถามผมว่าแขวนถุงเท้าไว้ข้างหนึ่งบนดาดฟ้าใช่ไหม มันอยู่ในลิ้นชักใส่เสื้อผ้า แม่เก็บรวมไว้ให้เข้าคู่แล้ว แต่มันเก่านะ ทำไมยังจะใส่อยู่หรอ?
ใบหน้าผมกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง ทันทีที่เอื้อมมือเปิดลิ้นชัก ผมเห็นถุงเท้าเก่าๆ 2 ข้าง วางอยู่ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีวี่แววของรถแข่ง หุ่นยนต์ หรือลูกอมสักอย่าง
ตอนนี้พอหวนคิดกลับไป มันช่างตลกสิ้นดี เรื่องซานตาคลอสที่คุณครูเล่าเป็นแค่นิทานก่อนนอนหรือนิทานหลอกเด็กเท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมต้องขอบคุณถุงเท้าเก่าๆ ข้างนั้น ที่ทำให้รู้ว่า ‘ความหวัง’ มันมีค่าแค่ไหนสำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง และทำให้รู้ว่ารสชาติของความผิดหวังมันเป็นอย่างไร
ผมเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีความหวัง อย่ากลัวว่าวันใดวันหนึ่งความหวังที่มีอยู่จะพังทลายลงมาและอย่ากลัวที่จะต้องเป็นเพื่อนกับความผิดหวังอีกครั้ง เพราะเมื่อใดที่ปราศจากหยดน้ำแห่งความหวังคอยชโลมจิตใจ ชีวิตก็ไร้ความหมาย
คริสมาสต์ปีนี้ผมไม่ได้แขวนถุงเท้าไว้บนดาดฟ้า และไม่ได้อยากเจอซานตาคลอสอีกแล้ว แต่เชื่อไหม ถ้าวันข้างหน้าผมมีลูก ผมก็จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุณลุงใส่เสื้อคลุมสีแดง หนวดขาวยาวเฟื้อยให้พวกเขาฟัง และถ้าวันนั้น วันที่ผมยังเป็นเด็ก ซึ่งตื่นมาแล้วพบว่าในถุงเท้าเก่าๆ มีรถแข่ง หุ่นยนต์ หรือลูกอม ผมรับรองว่าขณะนี้ บนดาดฟ้าคงเต็มไปด้วยถุงเท้าอีกหลายข้างเป็นแน่
อย่าสิ้นหวัง ตราบใดที่ยังมีชีวิต ... แด่ค่ำคืนวันคริสมาสต์