บทสัมภาษณ์ “ดีเจอาร์ต-มารุต ชื่นชมบูรณ์” อีกหนึ่งสีสันความฮาสยองใน “ไรเดอร์” (Rider)

บทสัมภาษณ์ “ดีเจอาร์ต-มารุต ชื่นชมบูรณ์” อีกหนึ่งสีสันความฮาสยองใน “ไรเดอร์” (Rider)

“ไรเดอร์” (Rider) ภาพยนตร์ไทยฮาสยองส่งท้ายปีจาก “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ผลงานล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ “กังฟู นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ” กับการเปิดภารกิจสุดจะบันเทิงของแก๊งแฮปปี้ไรเดอร์ นำโดย “มาริโอ้ เมาเร่อ” (รับบท “นัท”), “อาร์ต มารุต ชื่นชมบูรณ์” (รับบท “น้าไก่”) และ “โน่ ภูวเนตร สีชมภู” (รับบท “เสือยอด”) สามเพื่อนซี้เดลิเวอรีขั้นเทพ เจ้าของเสื้อคลุมสีเหลืองสดใส พร้อมมอเตอร์ไซค์เรืองแสงคู่ชีพ บริการดียิ่งกว่าญาติมิตร จนดึงดูดผีให้อยากใกล้ชิดไม่เว้นวัน กับหลากหลายมิชชันสยองที่เลี่ยงไม่ได้ ผ่านพิกัดกะโหลกไขว้สุดหลอน และลุ้นไปกับออเดอร์สุดเฮี้ยนที่มีเรื่องวุ่นวายหัวใจจากสาวสวยลึกลับอย่าง “ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ” (รับบท “พาย”) เป็นเดิมพัน!

ตัวอย่างแค่น้ำจิ้ม ของจริงทั้งเฮี้ยนทั้งฮาเป็นทวีคูณ เตรียมตัวรับมหึมาความบันเทิงกันได้เลยกับภารกิจส่งของสุดสยอง สู้ผีตะลุยวิญญาณ งานนี้ทำเพื่อเธอเท่านั้น ในภาพยนตร์เรื่อง “ไรเดอร์” (Rider) 10 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ที่มาที่ไปในการร่วมงานโปรเจกต์นี้

ดีเจอาร์ต : เริ่มต้นจากหญิงนิรนามคนหนึ่งโทรมาหาผมครับ แล้วบอกว่าพี่อยากจะชวนมาเล่นหนัง ผมบอกเขาว่าพี่ครับพี่เคยได้ติดตามผลงานผมมั้ย ผมเป็นคนเล่นหนังไม่ดีเอาซะเลย ผมเป็นคนเล่นหนังไม่ได้เลยนะ  ยิ่งตอนที่รู้ว่าเรื่อง “ไรเดอร์” เป็นแนวสยองขวัญ ผมก็มีความกังวลอยู่ ผมเลยย้ำถามพี่ทีมงานว่าจะเอาผมเล่นจริงๆ เหรอ ผมเล่นได้แค่ประมาณหนึ่งนะครับ เป็นคนที่แสดงอะไรไม่เก่งเลย แต่สุดท้ายก็ได้กำลังใจ แล้วคิดว่าจะลองดูอีกสักตั้ง คือถ้าย้อนกลับไปหลายๆ เรื่อง หนังของ “สหมงคลฟิล์ม” ผมก็เคยเล่นเรื่อง “มหา’ลัยสยองขวัญ” (2552) นานมากครับประมาณ 15 ปีที่แล้ว ขอบคุณที่ยังนึกถึงกันครับ 

เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่อง “ไรเดอร์” 

ดีเจอาร์ต : พวกเราเป็นกลุ่ม “ไรเดอร์” ที่สนิทสนมรักกันมากๆ สามคน มี “นัท” (มาริโอ้ เมาเร่อ), “เสือยอด” (นีโน่ ภูวเนตร)  และ “น้าไก่” ซึ่งผมรับบทเองก็จะเป็นไรเดอร์รุ่นพี่รุ่นเก๋านิดนึง น้าไก่เป็นคนที่มูเตลูมาก เครื่องรางของขลังเพียบ ธรรมมะธรรมมู มีคาถาอาคม คำสวดสารพัด อุปกรณ์ที่จะปราบผีมีเยอะมากครับ สายสิญจน์ พระเครื่อง ข้าวสารเสก มีดหมอ แต่ที่มีทุกอย่างเนี่ยก็เพราะเป็นคนกลัวผีมาก

ภารกิจของพวกเราตอนกลางวันก็จะไปส่งของให้ลูกค้าทั่วไป พอตกกลางคืนก็จะเจองานอีกแบบหนึ่ง แล้วนัทเป็นไรเดอร์ที่เห็นผี เวลาที่มีภารกิจหลอนพวกเราจะไปทำร่วมกันเพื่อให้อุ่นใจ นัทก็จะเป็นเหมือนดวงตาคอยเตือนพิกัดหลอนให้ ส่วนเสือยอดไอ้นี่รวมมิตรทุกอย่างในคนเดียวกัน เดี๋ยวฮา เดี๋ยวกลัว เดี๋ยวอะไรก็ไม่รู้ ติดโซเชียลเอะอะ Live อย่างเดียว 

แล้ววันหนึ่งนัทเริ่มไปชอบ “พาย” (ฟรีน สโรชา) ที่ได้รู้จักกันตอนส่งของให้ แต่อยู่ๆ พายก็กลับหายตัวไปโดยไม่รู้สาเหตุ ด้วยความที่พวกเรารักกันสนิทกันผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมาเยอะก็เลยไปช่วยนัทมันตามหาพาย ซึ่งทำให้พวกเราต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวลึกลับ หลอน สยองขวัญที่มีทั้งความสนุกและน่ารักปนอยู่ด้วย

มีการเตรียมตัวที่จะรับมือกับบทนี้ยังไงบ้าง

ดีเจอาร์ต : สิ่งที่ต้องเตรียมและปรับมีอย่างเดียวเลยคือเราต้องทำความเข้าใจกับบุคคลิกของคนที่เขานับถือ บูชาพระ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาต้องทำยังไง ควรทำตัวแบบไหน กลัวว่าการสวดหรือการแสดงอะไรออกไปมันไม่ถูกต้อง เดี๋ยวคนดูจะมาติกันจริงจัง เลยต้องพยายามศึกษาอยู่ครับ แต่ก็พอได้อยู่ด้วยคำแนะนำของ “กังฟู” ผู้กำกับครับ   

ส่วนเรื่องการขี่มอเตอร์ไซค์ผมพอขี่เป็นอยู่แล้วไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ที่ไม่ขี่เพราะเมียไม่อนุญาตครับ แต่มาถ่ายหนังเขาก็ไม่ได้ซีเรียส  ในเรื่องการแสดงของผม ผมคิดว่ามีความแตกต่างกันเยอะมาก พอเรามีประสบการณ์เยอะมากขึ้น รู้จักมุมกล้องมากขึ้น เข้าใจสิ่งที่ผู้กำกับต้องการ เราก็จะเข้าใจและตีความได้ แต่ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับผู้กำกับและผู้ชมตัดสินใจเอาเองครับ

ได้มีการรีเสิร์ชกับอาชีพ “ไรเดอร์” ก่อนที่จะมาถ่ายทำบ้างไหม

ดีเจอาร์ต : ก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้นะครับ ผมพยายามสั่ง “ไรเดอร์” มาส่งของเยอะมาก เพราะผมอยากดูคาแร็กเตอร์ของแต่ละคน มีแบบพี่โล (โลเคชัน) ไม่ตรง พี่ครับรบกวนขอถ่ายรูปได้มั้ยครับ มีหลายอย่างหลายแบบ จะคอยดูเขาส่งแล้วจะกดอะไร จะกดกริ่งมั้ย จะโทรตอนไหน คอยสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ครับ ทำให้ผมเข้าใจไรเดอร์มากขึ้น เดี๋ยวนี้คนหนึ่งก็รับหลายเจ้า อยากเร็วต้องจ่ายเพิ่ม ตอนนี้เริ่มคุ้นเคยกับการสั่งอาหาร เพราะใช้บริการบ่อยครับ

แล้วตัวจริงกลัวผีไหม มีพกของขลังบ้างไหม โดยเฉพาะเวลาถ่ายหนังสยองแบบนี้ 

ดีเจอาร์ต : ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยพกติดตัวครับ ผมไม่ค่อยชอบ Accessory ที่คอ ที่แขน ไม่ค่อยชอบเพราะเหงื่อออกเยอะ เกะกะ จะออกจากบ้านก็ไหว้พระบอกท่านสักหน่อยแล้วค่อยออกมาทำงานมากกว่าครับ 

เป็นคนกลัวผีถึงขั้นไหน

ดีเจอาร์ต : เวลาไปทำงานพิธีกรต่างจังหวัด ผมจะขอเป็นเตียงเดี่ยวแบบนอนคนเดียว ถ้าเปิดเข้าไปจะลุ้นทุกครั้ง ภาวนาขอให้เป็นเตียงเดี่ยวพอ ถ้าเปิดไปแล้วเห็นเป็นสองเตียง เอาแล้วไง ผมต้องเอาของไปวางที่เตียงอีกอันหนึ่งให้เต็ม บางคนบอกต้องเอาเหรียญบาทวางซื้อเตียง พอตอนมืดจะนอน จะเปิดทีวี เปิดไฟเอาไว้หมด แต่ถ้าเขายังจะมาอยู่ หรือมีอะไรที่ผิดปกติก็วิ่งครับ แล้วบอกไว้เลยว่าผมไม่ได้สุภาพบุรุษอะไร ผมขอออกไปก่อน เอาชีวิตผมก่อนแน่นอนครับ 

แต่ละโลเคชันที่ถ่ายทำเรื่องนี้ การันตีหลอนทุกที่ มีที่ไหนที่อยากพูดถึงบ้าง 

ดีเจอาร์ต : ผมชอบ “วัดร้างแถวปทุมธานี” วันนั้นคือมีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก ตั้งแต่ต้องไปถ่ายที่เจดีย์เก็บกระดูกและที่เมรุจริง แล้วมีป่าช้าอีก ตอนที่จะถ่ายลังเลว่าของจริงหรือของปลอม ผมไปถามทีมงานว่าป่าช้าตรงนี้ของจริงไหม ทีมงานบอกว่าเป็นเซต แต่เราใช้พื้นที่ของวัดเลย วันนั้นถ้าทางกองถ่ายจะคิดเงินผมเพิ่มค่ารถห้องน้ำ ผมไม่โกธรเลยนะครับ เพราะผมท้องเสียเข้าห้องน้ำอยู่คนเดียวเลย โชคดีที่กองถ่ายมีรถห้องน้ำอย่างดีให้ใช้ ที่ชอบที่นี่เพราะว่าไม่คิดว่าจะลงไปพื้นที่หลอนมากจริงจังกันขนาดนี้ ตอนต้องไปลุยกันตรงเจดีย์มีรูปตายายที่ล่วงลับไปแล้วของจริงแปะไว้ ผมยกมือไหว้ตลอด อย่าถือสาผมนะครับ ผมมาถ่ายหนังครับ

นอกจากที่วัดยังมีที่ “โรงพยาบาลร้าง” อีกที่ครับ ซึ่งแปลกมากเป็นโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยแต่ร้าง แล้วเราต้องมีคิวบู๊กันเยอะมาก ผีก็เยอะมาก ควันเยอะที่สุด ปอดจะพังเลยวันนั้น เป็นคิวแรกๆ ที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะมาก เสื้อก็แน่น อับลม จังหวะที่ต้องแอ็กชันคือเหนื่อยมาก วันนั้นผมโพสต์รูปลง IG เลยว่าเหงื่อออกเยอะมากขนาดไหนจนลืมบรรยากาศความสยองไปช่วงขณะเลยครับ แต่มีตอนที่เราไปถ่ายกันที่ห้องเก็บศพ ไปถ่ายรูปกันในห้องผ่าตัด มันก็กลับมาหลอนสลับเหนื่อยอีก เพราะมันคือโรงพยาบาลของจริงใช่มั้ยครับ ยังมีกลิ่นของยา มีข้าวของเครื่องใช้ทั้งของหมอ ของคนไข้บางชิ้น จนต้องหันหน้ามาถามกันให้ชัดๆ ว่าของทีมอาร์ตหรือของที่นี่ 

ร่วมงานกับผู้กำกับ “กังฟู” เป็นยังไงบ้าง

ดีเจอาร์ต : ครั้งนี้ได้ร่วมงานกับ “พี่กังฟู” ครั้งแรกในชีวิตเลยครับ เขาเป็นผู้กำกับที่น่ารัก ผ่านง่าย นักแสดงท่านไหนที่พี่กังฟูติดต่อไปนะครับจำไว้เลยว่าผ่านง่าย พี่ฟูมีภาพในหัวครบแล้วไงครับ พอถึงเวลาหน้างานจริง ตรงไหนชัดเจนแล้วพี่ฟูจะโอเค จะมีก็แต่อันที่พวกผมเล่นเสริม พี่เขาก็จะปล่อยให้เราเล่นไปแล้วค่อยตัดทิ้ง (หัวเราะ)

การทำงานร่วมทีมนักแสดงในเรื่องนี้

ดีเจอาร์ต : เมื่อ 10 ปีที่แล้ว “โอ้” น่ารักแบบไหนมาครั้งนี้มันก็ยังน่ารักเหมือนเดิม เป็นเด็กที่ขยันคอยบอกผมตลอด พี่ลุย พี่เอาเลย จนผมต้องบอกพี่โอ้มึงช่วยบ่นเหมือนกูหน่อยได้ไหม กูเหนื่อยแล้วเนี่ย เขาจะคอยดึงผม ไปลุยกันพี่ คือไม่แปลกใจที่ทุกคนรักโอ้ เพราะเขาน่ารักจริงครับ พอหลังจากถ่ายหรือว่ารอเข้าซีน พวกเราจะมานั่งจับกลุ่มกันเล่นกีตาร์ 3 คน เป็นผู้ชายเหมือนกันมันก็เลยชอบอะไรคล้ายๆ กัน คุยกันเรื่องรถเพลินมาก ส่วน “โน่” ก็ขับรถขับมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน ผมก็พอมีความรู้บ้างเลยได้คุยกับเขา อยู่กองถ่ายพวกเราจะจอยๆ กันทั้ง 3 คน ส่วน “น้องฟรีน” ได้เจอประมาณหนึ่ง เป็นนางเอกที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกครับ  พูดน้อยเพราะเล่นเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่รวมๆ คือน่ารักครับ แล้วต้องขอบคุณแฟนคลับน้องด้วย วันที่เราถ่ายมี Food Truck มาในกองถ่าย ตอนแรกน้องจะมีมา 20 คัน ทีมงานห้ามไว้บอกว่าที่จอดไม่พอ ขอบคุณมากๆ เลยครับ อิ่มอร่อยเลย

ถ้า “ดีเจอาร์ต” เป็น “ไรเดอร์” แล้วมีคนให้ไปส่งที่พิกัดหลอนๆ แบบในเรื่องจะไปไหม

ดีเจอาร์ต : ถ้ามีคนจ้างให้เราส่งของที่บ้านมันโอเค แต่ถ้าไปส่งโลเคชันหลอน พูดยากเหมือนกันนะ ถ้าเราทิ้งของแล้วมีคนในนั้นจริงเราก็โดน Report อีกถูกมั้ย หรือว่าถ้าเราเข้าไปส่งแล้วไม่มีคนแล้วไปเก็บตังค์ที่ใครใช่มั้ย เอาเป็นว่าสู้ๆ นะพี่ตัวใครตัวมัน แต่ถ้าเป็นผม ผมไม่ขอเสี่ยงไป กลัวผีครับ

ฝากผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดนี้หน่อย

ดีเจอาร์ต : ผมขอหนึ่งแต้มสำหรับคะแนนในการเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ อยากชวนแฟนหนังแฟนคลับของ “โอ้-โน่-ฟรีน” แล้วแฟนหนังของค่าย “สหมงคลฟิล์ม” หรือคนที่ชื่นชอบในการชมภาพยนตร์มาร่วมชมและเอนจอยกันกับหนังเรื่อง “ไรเดอร์” ที่มีทั้งมุมสนุกสนานและความหลอน 10 ธันวาคมนี้ครับ

 

บทสัมภาษณ์ “ดีเจอาร์ต-มารุต ชื่นชมบูรณ์” อีกหนึ่งสีสันความฮาสยองใน “ไรเดอร์” (Rider)