Barbie : ความบันเทิงรสขมเคลือบน้ำตาลสีชมพู นำเสนอพร้อมตั้งคำถามถึงการเป็นบาร์บี้แอนด์เคนในโลกยุคใหม่ได้น่าสนใจ | Film to Watch Short Review
ขอต้อนรับสู่สัปดาห์แห่งความหฤหรรษ์ ส่งท้ายซัมเมอร์ด้วยโปรแกรมศึกยักษ์ชนยักษ์ ระหว่างผลงานจากชายผู้ได้รับสมญาว่า “สเด็จพ่อโนแลน” อย่าง Oppenheimer กับอีกหนึ่งโปรแกรมที่หลายคนให้ความสนใจไม่แพ้กัน Barbie ผลงานที่หยิบเอาของเล่นระดับตำนาน “ตุ๊กตาบาร์บี้” มาดัดแปลงภายใต้วิสัยทัศน์ของ เกรตา เกอร์วิก (จาก Little Women และ Lady Bird) ผู้กำกับหญิงฝีมือฉจากแห่งยุค กับทิศทางของเรื่องราวที่เราในฐานะคนดูคาดเดากันไปต่างๆ นานา ว่าจะออกมารูปแบบไหนกันแน่ กลายเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่หลายคน (รวมผมด้วยคนนึง) รู้สึกคาดหวังมากเป็นพิเศษ ซึ่งหลังดูรอบสื่อมวลชนเมื่อคืนจบปุ๊ป ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมสตูดิโอ Warner Bros. Pictures ถึงมั่นใจในภาพยนตร์เรื่องนี้มาก เพราะผู้กำกับเกรตาและทีมงานไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่นิดเดียวจริงๆ ครับ
Barbie คือภาพยนตร์ที่เลือกนำเสนอความเป็นบาร์บี้แอนด์เคนให้เราคนดูได้ทำความรู้จักในหลากหลายแง่มุม ครบถ้วนในแทบจะทุกมิติ พร้อมตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของพวกเขาว่าทำไมเธอคือทุกสิ่ง? ทำไมเขาก็เป็นแค่เคน? นำไปสู่การออกเดินทางเพื่อแสวงหาตัวตนและความหมายของการมีชีวิตในแบบของพวกเขาเอง ซึ่งถือเป็นรสชาติที่หวานอมขมกลืนพอสมควร ภายใต้วิชวลสีลูกกวาดสดใส แต่เนื้อในคือขมปี๋ โดยไม่ทิ้งหัวจิตหัวใจของที่แบรนด์มีมาตลอด 64 ปีอย่าง “เราสามารถเป็นได้ทุกสิ่ง” ไม่ว่าจะเป็๋นคนสำคัญสุดพิเศษ หรือคนธรรมดาๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ Barbie ยังหยิบยกประเด็นทางสังคมที่ร่วมสมัยอย่างระบบโครงสร้างทางสังคม ปิตาธิปไตย เฟมินิสต์ ความเท่าเทียมทางเพศ การเหยียด บูลลี่ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการล้อเลียนทั้งความเป็นตัวเอง บริษัทของเล่น ค่ายหนัง และป๊อปคันเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นประเด็นต่างๆ ที่ว่ามาดูผู้ใหญ่มากๆ แต่นำเสนอได้แบบตรงไปตรงมา แต่คมคายและยังสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ผ่านวิชวลสีชมพูสุดตระการตา การแสดงระดับมืออาชีพ งานศิลป์ที่เปี่ยมล้นด้วยความตั้งใจ เพลงประกอบที่ใส่มาได้ถูกจังหวะ และมุกตลกสุดปั่นที่เข้าเส้นเป็นอย่างยิ่ง เล่นตับไหนมาเป็นฮาทุกชุด
และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามานี้ ส่งผลให้ Barbie กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานสุดเซอร์ไพรส์แห่งปี สัมผัสได้เลยว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเขาให้ความเคารพและตีโจทย์ความเป็นบาร์บี้ในฐานะภาพยนตร์คนแสดงได้เฉียบคมมากๆ ท้าชนยักษ์ใหญ่อย่าง Oppenheimer ของสเด็จพ่อโนแลนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ มันช่างหลากอารมณ์หลายรสชาติ และในระหว่างดูก็คาดเดาไม่ได้เลยว่าเรื่องราวจะไปจบลงที่ตรงไหน เพราะทุกอย่างมันอยู่เหนือการควบคุม กลายเป็นความบันเทิงชั้นดีส่งท้ายซัมเมอร์ปีนี้ ที่ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดบาร์บี้มากแค่ไหน ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เหมาะกับคุณทุกคนอย่างแท้จริงครับ