เพิ่มพลังบวกให้มีไฟในการทำงานด้วยเทคนิคง่าย ๆ
ทำงานมานานๆ เชื่อว่าทุกคนต้องมีโมเม้นเหนื่อยและเบื่องาน หมด Passionกันบ้าง เเต่ช้าก่อนอย่าได้วู่วามลาออกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ อย่าให้อาการ Burn out มาทำให้คุณเสียโอกาสดีๆจากที่ทำงาน มาเช็คกันดีกว่าค่ะว่าคุณมีอาการเหล่านี้กันรึเปล่า
1. ไม่อยากตื่นไปงาน
2. มีความสุขน้อยลง
3. ไม่มีเวลาดูเเลตัวเอง
4. นอนไม่หลับ
5. ไม่มีสมาธิ
6.อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย
7.รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา
ถ้าเพื่อนๆ มีอาการมากกว่า 3 ข้อ แสดงว่าเริ่มมีอาการของโรค Burn out เเล้วล่ะค่ะ ปัญหาคลาสสิคที่ชาวออฟฟิศมักจะเจอ ส่วนมากมักจะเกิดกับพนักงานที่ทำงานหนัก เเข่งกับเวลา หรือเร่งทำยอด ถูกลูกค้าตามงาน หรือเจ้านายกดดันมากๆ หรืออาจมาจากตัวพนักงานเองที่ไม่สามารถรับมือกับความเครียดได้ เมื่อเครียดสะสมก็จะเกิดเป็นอาการ Burn out ที่ทำให้หมดไฟในการทำงาน ถ้าคุณเริ่มมีอาการก็อย่าเพิกเฉยมาปลุกพลังบวกในตัวคุณให้กลับมามีไฟอีกครั้งกันเถอะ!
- ประเมินสถานการณ์ของความเครียดเเละจำนวนงานที่กองอยู่ตรงหน้า
จริงๆเเล้วที่งานเรามากมายนั่นอาจเพราะเราเครียดมากเกินไปจนมองปัญหาใหญ่เกินกว่าความเป็นจริงก็เป็นได้ ลองถอยออกมามองจำนวนงานที่เราต้องรับผิดชอบในวันหนึ่งๆว่าเราทำต้องทำเเค่ไหน คอยสังเกตความเครียดของตัวเอง อาจลองทำแบบทดสอบความเครียดดูว่าเราเครียดระดับไหนเเล้ว
- หาเวลาว่างให้ตัวเอง
ลงเบรคตัวเองดูบ้างเพื่อให้จังหวะชีวิตช้าลงหน่อย อย่านำเรื่องงานกลับมาทำต่อที่บ้านเพื่อลดความตึงเครียด อาจหางานอดิเรกทำเพื่อให้เราได้เปลี่ยนโฟกัสจากเรื่องงานบ้าง
- ลำดับความสำคัญของงาน
หากงานถาโถมเข้ามาจำนวนมาก ให้ลำดับความสำคัญของงานก่อนว่าอันไหนด่วนอันไหนรอได้ อย่าทำทุกอย่างพร้อมกันในครั้งเดียวเนื่องจากงานจะไม่เสร็จเเล้วยังทำให้เราเครียดมากขึ้น
- จดบันทึกในสิ่งที่คุณทำไปเเล้ว
มองความสำเร็จของตัวเองบ้าง คุณเคยอยากทำอะไรเเละปัจจุบันคุณอะไรสำเร็จไปเเล้วบ้าง ความภูมิใจเล็กๆน้อยๆพวกนี้แหล่ะ พลังงานชั้นดีที่ทำให้คุณมองเห็นตัวตนของตนเองมากขึ้น
- จำกัดขอบเขตของตน
อย่ารับงานมามากจนตัวเองทำไม่ไหว อย่าคิดว่าตนเองคือยอดมนุษย์ที่สามารถทำทุกอย่างได้ ให้จำกัดขอบเขตของตนเองบ้างเพื่อให้งานที่ทำนั้นไม่หนักจนเกินไปจนเกินกำลังตนเอง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
เรื่องยากที่สุดของมนุษย์รักในงานทั้งหลายคือการพักผ่อนให้เพียงพอ เราจะต้องเรียนรู้ที่จะพักผ่อนบ้าง หากหลับยากให้ลองทานคาโมมายหรือนมอุ่นๆ หลีกเลี่ยงอุปกรณ์สื่อสารก่อนเข้านอนเพราะเเทนที่คุณจะหลับคุณอาจไถมือถือทั้งคืนเลยก็เป็นได้
- ตั้งเป้าหมายในชีวิต
ชีวิตที่ขาด passion เพราะคุณไม่ได้ตั้งเป้าหมายชีวิตของคุณรึเปล่า บอกตัวเองได้ไหมอีก 2 ปีคุณจะเป็นยังไง การไม่มีเป้าหมายอาจทำให้คุณเข้าสู่โหมดมดงานทำงานไปวันๆจนคุณเบื่อได้ อย่างอีก 2 ปีฉันจะมีเงินเดือน XXXXX หรือฉันจะทำโครงการ XXX เสนอเจ้านาย บางทีก็ไม่จำเป็นจะต้องมองไกลขนาดนั้นคุณเองอาจมองเลยว่าสัปดาห์นี้เดือนนี้คุณจะทำงานอะไร จะทำยอดเท่าไหร่ เพื่อให้เราได้มีเป้าหมายในการทำงาน
- มองโลกในเเง่ดี
ลองปรับเปลี่ยนมุมมองของตนเองดูให้มองที่ผลลัพธ์มากกว่าอุปสรรคที่เผชิญอยู่ คุณอาจเเข็งเเกร่งขึ้นเเละเก่งมากขึ้น หลายคนพัฒนาตนเองจนทำอะไรหลายๆอย่างได้มากมายในระยะเวลาสั้นๆเพราะโดนกดดันให้ทำเป็น มันคือเเต้มต่อที่ทำให้ตัวคุณเองมีมูลค่าในตลาดเเรงงานมากขึ้น บางครั้งความเครียดเล็กน้อยก็อาจส่งผลดีกว่าที่คุณคิด
- พบจิตเเพทย์
หากระดับความเครียดสูงมากจนกระทบชีวิตประจำวัน เราขอเเนะนำให้พบจิตเเพทย์อย่างเร่งด่วนหากมีปัญหาการนอนมามากกว่า 1 เดือนอย่าปล่อยจนตัวเองเป็นหนักเด็ดขาดเพราะโรค Burn out อาจพัฒนาต่อไปถึงโรคซึมเศร้าได้ ทางที่ดีควรพบจิตเเพทย์ตั้งเเต่เนิ่นๆ เราอาจได้รับคำแนะนำมาปรับพฤติกรรมการทำงานของเราเอง
- ย้ายงาน
ทางเลือกสุดท้ายหากลองทำทุกวิธีเเล้วไม่เวิร์คจริงๆ คุณยังพบตัวเองหมดไฟ หรือเครียดมากจนนอนไม่หลับอย่างรุนเเรงเเม้จะพยายามรักษาด้วยจิตเเพทย์เเล้วก็ตาม การพิจารณาย้ายงานจึงควรเป็นทางเลือกสุดท้ายที่คุณจะนำมาคิด