เปิดเพลย์ลิสต์ เพลงประกอบ “ ฮีลหัวใจ “ จากภาพยนตร์พลังบวกส่งท้ายปี  “CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง”

เปิดเพลย์ลิสต์ เพลงประกอบ “ ฮีลหัวใจ “ จากภาพยนตร์พลังบวกส่งท้ายปี “CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง”

“CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง” เป็นผลงานกำกับและเขียนบทโดย “ฌอน เฮเดอร์” จาก “Orange Is the New Black” ภาพยนตร์กระแสแรงที่ชนะใจทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์มาทั่วโลก รีวิวจากสื่อทุกสำนักต่างบอกว่า “คุณจะหัวเราะร้องไห้และมีความสุขเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้”“เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา” , “เป็นหนังที่ดีที่สุดของปี” ล่าสุดเข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำ Golden Globes 2022 ครั้งที่ 79  ใน สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงสนับสนุนชายยอดเยี่ยม “ทรอย คอตเซอร์” รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Critics Choice Awards ครั้งที่ 27 ใน สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่บม , นักแสดงดาวรุ่งหญิง “เอมิเลีย โจนส์”  และ นักแสดงสนับสนุนชาย “ทรอย คอตเซอร์” จนได้รับการคาดหมายว่านี่คือภาพยนตร์ตัวเต็งรางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์

เอมิเลีย โจนส์ รับบท รูบี้ รอสซี่ เด็กสาวมัธยมธรรมดา ๆ ที่โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่และพี่ชายหูหนวก ทุกวันของเธอเริ่มตอนตี 3 เธอต้องรีบตื่นแล้วไปทำหน้าที่เป็นกลาสีบนดาดฟ้าเรือหาปลาของครอบครัว ร่วมกับพี่ชาย ลีโอ (แดเนียล ดูแรนต์) ผู้ที่หูหนวกเช่นเดียวกับพ่อแม่ รูบี้ยังทำหน้าที่เป็นล่ามประจำครอบครัว และยังคอยปกป้อง แฟรงค์ ผู้เป็นพ่อ (ทรอย คอตเซอร์) และ แจ็คกี้ ผู้เป็นแม่ (มาร์ลี แมตลิน นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์) ความสุขหนึ่งเดียวที่ช่วยปลดปล่อยเธอจากทุกอย่าง นั่นคือการได้ร้องเพลงบนดาดฟ้าเรือแบบสุดเสียง

ด้วยความหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับ ไมลส์ (เฟอร์เดีย วอลช์-พีโล) ชายหนุ่มที่เธอชื่นชอบ รูบี้จึงสมัครเข้าร่วมวงร้องประสานเสียง ก่อนพบว่าเธอเข้ากันได้ดีกับครูสอนวิชาดนตรีอย่าง เบอร์นาโด วิลลาโลโบส (ยูจินีโอ เดอร์เบซ) ผู้ที่เจอความสามารถที่แฝงอยู่ของรูบี้ เขาจึงต้องการช่วยให้เธอได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยการขอทุนจากสถาบันดนตรีเบิร์กลี่ย์ให้แต่ด้วยความกลัวในอนาคตและความลังเลในโอกาสที่ได้รับ อีกทั้งครอบครัวกำลังประสบปัญหาทางการเงิน รูบี้ต้องตัดสินใจว่าจะเดินตามความฝันของตัวเอง หรืออยู่เติมเต็มครอบครัวของเธอในโลกที่ไร้เสียง 

ดนตรีไม่เพียงเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวในหนัง “CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง” เพราะ รูบี้ มีความสามารถด้านการร้องเพลง เธอยังใช้เสียงเพลงเพื่อสื่อความรู้สึกในใจออกมา เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ทั้ง ไมลส์ และเธอผูกพันกันมากขึ้น จริง ๆ แล้วดนตรีมีความสำคัญต่อเรื่องราวมากทำให้ขั้นตอนการเลือกใช้เพลงประกอบมีความสำคัญมาก ๆ เพราะจะส่งผลสำคัญต่อเนื้อหาของเรื่อง และพัฒนาการของตัวละคร

การประพันธ์ดนตรีในหนังเรื่องนี้ ชอน เดอวรีส์ ผู้กำกับทำงานอย่างใกล้ชิดกับ นิค แบ็กซ์เตอร์ โปรดิวเซอร์ชื่อดังผู้จบการศึกษาจากสถาบันดนตรีเบิร์กลี่ย์ และอยู่เบื้องหลังดนตรีประกอบในหนังดัง ๆ เจ้าของรางวัลออสการ์ อาทิ La La Land และ A Star is Born เป็นต้น เดอวรีส์และแบ็กซ์เตอร์พบว่ามีหลายฉากหลายตอนที่บทสนทนาสามารถเกินขึ้นได้ในรูปแบบของภาษามือ

นิค แบ็กซ์เตอร์ เสริมว่า “ชอน อยากใช้ดนตรีที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติ ความดิบ ไม่รู้สึกว่ามันประดิษฐ์เกินไป เราไม่ได้ต้องการจะสร้างหนังเพลงอะแคปเปล่า แต่สิ่งสำคัญคือการหาศิลปินที่สัมผัสถึงอารมณ์ดังกล่าว เพราะการผจญภัยชองรูบี้ หลักๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการตามหาเสียงที่ใช่สำหรับเธอ”

เพลงโซลคลาสสิค You’re All I Need to Get By ต้นฉบับเป็นของ แทมมี่ เทอร์เรล และ มาร์วิน เกย์ เมื่อปี 1968 และถือเป็นเพลงสำคัญของเรื่อง “เราใช้เพลงนี้เป็นเพลงที่เบอร์นาโดใช้ในการสอน มันช่วงทำให้เคมีระหว่าง รูบี้ และ ไมลส์ เข้มข้นขึ้น และที่สำคัญมาก ๆ มันคือเพลงที่ รูบี้ ใช้เพื่อสื่อความรู้สึกของเธอไปถึงพ่อ”

จากนั้นความท้าทายก็ตกอยู่ที่ เอมิเลีย โจนส์ และ เฟอร์เดีย วอลช์-พีโล ที่ต้องร้องเพลงดังกล่าวออกมา และเพื่อเตรียมความพร้อมโจนส์สำหรับการร้องเพลงโซโล่เดี่ยว Both Sides Now ของไอคอนเพลงโฟล์กอย่าง โจนี่ มิทเชลล์ ที่รูบี้เลือกเพลงบัลลาดทรงพลังเพลงนี้เพื่อใช้เป็นเพลงสำหรับออดิชั่นเข้าเรียนต่อที่เบิร์กลี่ย์ เธอและครูวีทำการบ้านอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมเธอ ใช้เวลาซ้อมคืนแล้วคืนเล่า และในช่วงสุดสัปดาห์ที่บ้านเขาในขณะที่เขาดีดเปียโนไปขณะที่เธอขับร้อง เมื่อรูบี้เริ่มมั่นใจมากขึ้นในเสียงและการแสดงของเธอเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องออดิชั่นจริง ๆ เธอก็หลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับเนื้อร้อง ทำนอง และสื่อความออกมาผ่านทั้งเสียงร้องและภาษามือ

ชอน เดอวรีส์ อธิบายว่า “นิคและผมรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกตอนที่ เฟอร์เดีย และ เอมิเลีย พร้อมขับร้องบทจอหนัง เราดูสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาทั้งในขั้นตอนการวอร์มเสียง และการโค้ช เราเริ่มเข้าใจถึงพลังเสียงของทั้งคู่ โดยเฉพาะกับ เอมิเลีย การแสดงของเธอแต่บะครั้งจะมีต้องนำเสนอการเติบโตที่แตกต่างกันออกไป ตลอดทั้งเรื่อง เราพบว่ามันวิเศษมาก ๆ ที่ได้เห็นความทรงพลัง และความมานะอุตสาหะ ตลอดการถ่ายทำ ทั้งการเรียนรู้ภาษามือและยังต้องเรียนรู้เพลงใหม่ ๆ แต่ละเพลง และต้องเรียนรู้การสอดประสานกันของทั้งคู่ไปจนจบเรื่องเลยครับ”

เอมิเลีย โจนส์ อาจมีประสบการณ์การร้องเพลงไม่มากนักตอนที่ได้รับบทเป็นรูบี้ เธอเคยรับบทเป็นเจ้าหญิงฟิโอน่าในวัยเด็กในละครเวที Shrek: The Musical ตอนอายุ 8 ขวบ และคอยร้องประสานเสียงในโรงเรียนมาบ้าง “แต่ไม่เหมือนกับที่ครูวีสอนเลยค่ะ” โจนส์เล่า

ส่วนพระเอกของเธอบนจอ เฟอร์เดีย วอลช์-พีโล มีประสบการณ์มาพอสมควร “ตอนผมยังเด็ก ผมเคยรับหน้าที่ร้องเสียงโซปราโน่ และร้องโซโล่ในบางท่อนอยู่บ้างครับ ผมเคยเล่นดนตรีแล้วก็ร้องประสานเสียงมาก่อนด้วย” ทั้งนี้สมาชิกในวงที่ร่วมขับร้องกับ โจนส์ และ วอลช์-พีโล เป็นนักเรียนจากเบิร์กลี่ย์ตัวจริงเสียงจริง และอยู่ในวงอะแคปเปล่าที่ชื่อ Pitch Slapped

ฟิลิปป์​​​​​​​ รูสเซเล็ต โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ เล่าว่า “ความหวังของเราคือคนดูจะเดินออกจากโรงพร้อมความรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละคร และชุมชนคนหูหนวก และให้ความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับพวกเขามากขึ้น และแน่นอน เราหวังว่าจะสนุกไปกับหนังเรื่องนี้ด้วยนะ” ฌอน เฮเดอร์ ผู้กำกับ ทิ้งท้ายว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในหนังเรื่องนี้ ประสบการณ์ที่ได้ทำหนัง ได้ผูกพันกับสิ่งที่ฉันสร้างขึ้น และเปิดประตูให้โลกได้รับรู้ก็ถือเป็นสิ่งที่มีค่าและทรงพลังมาก ๆ การทำหนังเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงมุมมองและความคิดของฉันเยอะมากค่ะ”

“CODA โคด้าหัวใจไม่ไร้เสียง” 30 ธันวาคม ร้องเพลงรักไปพร้อมกับเธอ ในโรงภาพยนตร์

 

เปิดเพลย์ลิสต์ เพลงประกอบ “ ฮีลหัวใจ “ จากภาพยนตร์พลังบวกส่งท้ายปี “CODA โคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง”