เมื่อกระแสเวลาย้อนกลับ ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มมองโลกในมุมใหม่ ในภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟสุดล้ำ TENET

เมื่อกระแสเวลาย้อนกลับ ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มมองโลกในมุมใหม่ ในภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟสุดล้ำ TENET

"ผมบอกคุณได้คำเดียว 'เทเน็ท' มันจะเปิดประตูบานที่ถูก และประตูบานที่ผิด ใช้อย่างมีสติ"  Tenet (เทเน็ท) ภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟ ไอเดียสุดล้ำ ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้มากด้วยวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานในการสร้างภาพยนตร์

เมื่ออาวุธเพียงหนึ่งคำ เทเน็ท และการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดจากทั่วโลก หยุดยั้งการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เหล่าตัวละครได้เดินทางผ่านรุ่งอรุณแห่งการโจรกรรมข้ามประเทศ ในภารกิจที่จะเปิดโปงบางสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาจริง ไม่ใช่เป็นการเดินทางข้ามเวลา แต่เป็นการย้อนกลับ

คนส่วนใหญ่มองว่าเวลาคือสิ่งที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตเราอย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ในมุมของผู้สร้างภาพยนตร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน เวลากลับเป็นสิ่งที่จับต้องเปลี่ยนแปลงได้ สามารถปรับพลิก เปรียบเทียบ... หรือกลับทิศทางได้ โนแลนเป็นผู้เขียนบทฯ ผู้กำกับฯ และผู้อำนวยการสร้างฯ Tenet ได้เล่าว่า "เรื่องราวเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่องเวลาและความคุ้นเคยที่เรามี ผสมกับองค์ประกอบของเรื่องราวแนวไซไฟสายลับสุดคลาสสิค"

คริสโตเฟอร์ โนแลน เปิดเผยว่าในเรื่อง Tenet เป็นคอนเซ็ปต์ที่เขาคิดวพักหนึ่งแล้ว โดยยอมรับว่า

"ในฐานะของผู้สร้างภาพยนตร์เราจะมีไอเดียอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว เป็นสิ่งที่เราเก็บไว้มานานนับสิบปีกว่าจะเป็นรูปร่างขึ้นมาได้ มันต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสมในทุกด้าน สำหรับผมแล้วมันมีความอยากย้อนกลับไปหาสไตล์การสร้างภาพยนตร์แบบเมื่อก่อนรวมเข้ามาด้วย หลังจากเรื่อง Dunkirk และได้พาผู้ชมไปอีกหลายแห่งทั่วโลกเยอะกว่าที่เราเคยไปกันมา ผมรู้สึกว่าตัวเองพร้อมสำหรับหนังแนวสายลับด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจจะสร้างมาโดยตลอด ผมโตมาพร้อมกับความรักหนังสายลับ มันมีทั้งความสนุกและตื่นเต้นในเรื่องราวที่แต่งขึ้นมา แต่ผมไม่อยากสร้างหนังแนวนี้จนกว่าจะรู้สึกว่าสามารถถ่ายทอดความแปลกใหม่ออกมาได้ วิธีที่ง่ายสุดในการอธิบายการเล่าเรื่องของเรา คือเหมือนแนวการปล้นที่เราสร้างไว้ในเรื่อง Inception นั่นคือสิ่งที่ Tenet พยายามถ่ายทอดออกมาในแนวสายลับ” 

เอ็มม่า โธมัส ผู้ร่วมงานกับโนแลนในด้านการผลิตผลงานแอ็คชั่นสุดระทึกขวัญระดับโลกได้เล่าว่า

“ภาพยนตร์เรื่อง Tenet มีความท้าทายมาก ฉันคิดว่าเราไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นจากความคิดของคริสในจังหวะเวลาที่เหมาะสม นี่ไม่ใช่แค่หนังที่ต้องใช้ความพยายามสูงที่สุดในแง่การถ่ายทำภาพยนตร์ของคริส แต่รวมถึงด้านการถ่ายทอดเรื่องราวที่ก้าวเกินลิมิตเดิมที่เขาเคยทำมาก่อนด้วย เวลาที่เราดูหนังเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา จะรู้สึกเหมือนแต่ละเรื่องสร้างขึ้นจากผลงานเรื่องล่าสุด หนังเรื่องนี้เลยเป็นผลงานที่ได้จากประสบการณ์ช่วงหลายปีที่ผ่านมาของพวกเราค่ะ”

คริสโตเฟอร์ โนแลน มีความถนัดเรื่องการเก็บงำรายละเอียดเรื่องราวไว้อย่างมิดชิด ปล่อยให้ผู้ชมได้พบกับจุดพลิกผันของเรื่องราวที่จะเฉลยให้เห็นบนจอภาพยนตร์ ฉะนั้นในการอธิบายรายละเอียดเรื่องราว เขาได้เปิดเผยอย่างกำกวมว่า

“ภาพยนตร์เรื่อง Tenet เป็นผลงานระทึกขวัญเกี่ยวกับการจารกรรมของตัวเอกในเรื่อง เขาได้พบสิ่งที่เหนือกว่าเรื่ององค์กรลับซึ่งเรียกมันว่าเทเน็ท ซึ่งตัวละครแนวนี้มักจะถ่ายทอดออกมาให้ดูมีความแข็งแกร่งและทำตัวเด่นเหนือคนอื่น แต่ครั้งนี้จะมีมุมของความคิดถึงผู้อื่นและเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งที่ทำ และความคาดหวังของพวกเขาได้สะท้อนถึงเรื่องจริยธรรมในแบบต่างๆ รวมถึงเรื่องความรับผิดชอบที่มีต่อเพื่อนร่วมงานของพวกเขาด้วย จอห์น เดวิด วอชิงตัน และผมต่างรู้สึกว่าเรามีโอกาสที่จะเข้าถึงเรื่องราวแบบนี้มากขึ้น มันเหมือนแรงผลักดันให้เขาทำสิ่งที่ท้าทายมากที่สุด โดยทั้งหมดล้วนเป็นความตั้งใจที่ดี”

จอห์น เดวิด วอชิงตัน ผู้รับบทตัวละครที่รู้แค่เพียงว่าเป็นตัวเอกของเรื่องได้เล่าว่า

“ประเด็นหลักของเรื่อง Tenet คือเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามปกป้องโลก” และมีเรื่องราวซับซ้อนที่ต้องเข้าไปสำรวจวเคราะห์กฎที่เราเชื่อมั่นกัน “ภาพยนตร์มีความท้าทายความเข้าใจเรื่องเวลาของเราที่มีมาแต่เดิม ความเข้าใจในสิ่งที่เราคิดว่ามีจริง พฤติกรรมต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้”

เขาเล่าต่อว่า “มันมีอีกหลายเรื่องราวเกิดขึ้น ผมไม่เคยอ่านหรือเจออะไรแบบนี้มาก่อน คนอื่นก็ไม่เคยเจอ คริสเล่นกับความคิดที่เราเข้าใจเรื่องเวลาทางฟิสิกส์ ทุกเรื่องราวสะท้อนผ่านสายตาของตัวละครนี้ ผมไม่รู้ว่าเขาหลงใหลในเรื่องของเวลาตรงไหน แต่ผมรักวิธีการถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาในหนังของเขา”

เอ็มม่า โธมัส แสดงความเห็นว่าทุกคนได้ร่วมแชร์ความหลงใหลในเรื่องเวลาของโนแลนบางส่วนไปด้วย

“พวกเราทุกคนโดนเวลาครอบงำกันไปบ้างทั้งนั้น หรือไม่จริง? มันคือสิ่งที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหน ไม่ว่าชีวิตของคุณจะเป็นยังไง คุณไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย มันคือตัวบงการเรา ฉันไม่ได้พูดแทนคริส แต่นั่นคือมุมมองของฉันในเรื่องเวลา มันมีความน่าสนใจเพราะเวลาคือสิ่งที่เป็นสากล และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่ามีความเป็นนามธรรมมาก เด็กจะสัมผัสเรื่องเวลาได้ต่างจากผู้ใหญ่ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถวัดอะไรได้อย่างแน่นอน และในช่วงที่เกิดโรคระบาดแบบนี้ ความรับรู้ในเรื่องเวลาของเราต่างไปอย่างสิ้นเชิงเลย... วันนึงยาวนานเหมือนสัปดาห์ และหลายเดือนผ่านไปแล้วเหมือนหลายนาที มันมีความแปลกมาก”

ที่น่าสนใจคือปรากฏว่าแนวคิดเรื่องการย้อนกลับของเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความเป็นไปได้สำหรับนักฟิสิกส์สมัยใหม่  ซึ่งสอดคล้องกับกฎของเอ็นโทรปีที่เป็นเรื่องพื้นฐาน กล่าวไว้ว่าทุกสิ่งมีแนวโน้มที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เป็นระเบียบ

“ทุกกฎของฟิสิกส์ล้วนมีความสมมาตรกัน มันสามารถเดินไปข้างหน้าหรือย้อนกลับได้ในเวลาเดียวกัน เว้นแต่เองของเอ็นโทรปี”  

คริสโตเฟอร์ โนแลน อธิบาย “ทฤษฎีกล่าวไว้ว่าหากเราสามารถพลิกทิศทางของเอ็นโทรปีสำหรับวัตถุได้ เราก็สามารถพลิกเวลาของวัตถุนั้นได้เช่นกัน เนื้อเรื่องจึงมีการอิงมาจากฟิสิกส์ที่มีความน่าเชื่อถือ ผมได้ (นักฟิสิกส์) คิป โธรน มาอ่านบทฯ และช่วยเหลือในเรื่องคอนเซ็ปต์บางส่วน แม้ว่าเราจะทำให้ทุกอย่างตรงตามหัลกวิทยาศาสตร์เลยไม่ได้ แต่ก็มีการอิงจากวิทยาศาสตร์ที่จับต้องได้จริงโดยคร่าวๆ”

เอ็มม่า โธมัส ยอมรับว่าตอนที่เธอได้อ่านบทครั้งแรก 

“ฉันค่อนข้างกลัวด้วยเรื่องของสเกลค่ะ แต่ภาพโดยรวมมีความแปลกใหม่และน่าสนใจมาก ภาพยนตร์บางเรื่องของคริสค่อนข้างยากที่จะคาดเดาได้ด้วยการอ่านบทในกระดาษ แต่เราจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นรูปร่างเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อเราได้เห็นภาพนั้นกับตา”

ในความเป็นจริงแล้วโนแลนได้แสดงให้เห็นสื่อกลางที่เป็นภาพในหนังเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เรื่องราวสามารถเห็นภาพชัดได้อย่างเป็นเรื่องราว

“เรื่องของกล้องคือสิ่งท่ะท้อนถึงเวลาได้อย่างแท้จริง ก่อนจะมีกล้องจับภาพเคลื่อนไหวได้ ทุกคนไม่มีทางนึกถึงเรื่องสโลว์โมชั่นหรือการเคลื่อนไหวถอยหลังได้ออกเลย ฉะนั้นกล้องคือตัวแทนสะท้อนถึงเรื่องเวลาที่ทำให้โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นได้ มันเป็นโปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นได้เพราะกล้องถ่ายหนังยังมีอยู่แท้ๆ”

แต่อย่างไรก็ตามแค่ความสามารของกล้องก็ยังบรรยายถึงการเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากพอ ผู้กำกับฯ รู้ดีว่าจินตนาการของเขาต้องอาศัย “ขั้นตอนการทำงานที่ไม่ง่ายเหมือนการพลิกกล้องหรือทำให้ข้าวของย้อนกลับหลังได้ มันมีความสัมพันธ์กันระหว่างทิศทางของเวลากับบรรยากาศรอบตัวที่เราอยู่ ข้าวของต่างๆ เคลื่อนที่รอบตัวเราอย่างไร แม้แต่อากาศที่เราหายใจอยู่ด้วย”  เขาอธิบายให้เห็นภาพชัดเจน

“แนวคิดเรื่องการย้อนกลับเป็นเรื่องที่ไม่สมดุลนัก การทำงานเลยมีความซับซ้อนและต้องมีการวางแผนที่ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงเทคนิคต่างๆ ทั้งจากทีมนักแสดงและนักแสดงผาดโผนที่ต้องแสดงฉากต่อสู้ การวิ่ง และการเดินในทิศทางต่างๆ รวมถึงยานพาหนะที่ต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยหลังในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เราถ่ายทำได้ช็อตต่อช็อต ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเทคนิคที่เราใช้นำเสนอภาพอย่างสิ้นเชิง บางสิ่งเราต้องใช้เวลาเรียนรู้นานหลายปี ถ้าเรารวมเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เราดูมีเทคนิควิธีในการถ่ายทำช็อตต่อช็อตได้ มันก็ยิ่งทำให้ผู้ชมสนใจกับหนังมากขึ้น ยิ่งเป็นการเพิ่มหลุดความสนใจจากหนังได้ เต็มอิ่มกับมันมากขึ้น”

ในการเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้จุใจมากขึ้น คริสโตเฟอร์ โนแลน เลือกที่จะใช้กล้องไอแมกซ์และฟอร์แมตขนาดใหญ่อีกครั้ง “มาถึงตอนนี้ผมใช้ระบบไอแมกซ์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว”  เขากล่าว

“มันทำให้ผู้ชมได้เข้าถึงเรื่องราวอย่างมีพลังขึ้น ด้วยเนื้อเรื่องที่มีทั้งความตื่นเต้นและสนุกสนานอยู่ในเรื่องเดียวกันแบบนี้ เรารู้สึกว่าอยากทำให้ผู้ชมอยู่ท่ามกลางภาพยนตร์ที่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้”

เคนเนธ บรานอห์ ผู้รับบทศัตรูร้ายในเรื่อง อังเดร ซาทอร์ เคยร่วมงานกับโนแลนมาก่อนหน้านี้ในเรื่อง Dunkirk เขาเล่าว่า

“ภาพยนตร์เรื่อง Tenet เป็นผลงานแนวทริลเลอร์ที่มีความเสี่ยงสูงจนชวนขนลุกจากผู้สร้างภาพยนตร์คนพิเศษ ผมคิดว่าคริสได้ให้สัญญาไว้กับผู้ชมไว้ 2-3 ข้อ ข้อแรกคือต้องสร้างความบันเทิงให้พวกเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลย แต่ผมคิดว่าสัญญาอีกข้อหนึ่งคือเรื่องไหวพริบ ความสนใจ และความหลงใหลในตัวของพวกเขา เพราะนี่คือผู้ชายที่จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกล้อง ผมแทบจะยืนยันความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นได้เลยว่ามันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนถ้าดูในห้องมืดๆ มีภาพขนาดใหญ่ มีเรื่องราวที่ให้กำลังใจและมีความเหมาะสม พร้อมกับการที่มีเอ็มม่า คู่หูผู้อำนวยการสร้างที่มีความชำนาญมาก พวกเขารู้ดีว่าจะสร้างหนังที่ต้องใช้ความพยายามสูงมากให้สำเร็จได้อย่างไร”

“จะไม่ใช่หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ไม่ได้เลย”  เพื่อนนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต แพททินสัน ผู้รับบท นีล ที่ร่วมทีมกับพระเอกในเรื่องกล่าว

“หนังทุกเรื่องของเขาจะมีความพิเศษ และการสร้างหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาอีกเรื่องในทุกด้าน มันน่าทึ่งมากครับ... ไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้เลย”

การถ่ายทำเรื่อง Tenet ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ นักแสดง และทีมงานต้องเดินทางไปหลายประเทศ เช่น เอสโทเนีย, อิตาลี, อินเดีย, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ โนแลนได้เล่าว่าธรรมชาติจากทั่วโลกที่ใช้ถ่ายทำเหมาะสมกับเนื้อเรื่องมาก

“องค์ประกอบที่ได้จากทั่วโลกในเรื่อง Tenet มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นเรื่องราวของการคุกคามที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อหาทางอยู่รอดและความเสี่ยงต่างๆ คือส่วนประกอบในเรื่อง ผมคิดว่าการได้บรรยากาศจากทั่วโลกมีส่วนสำคัญต่อภาพยนตร์ในแง่ของการสร้างขอบเขตและความยิ่งใหญ่ของเรื่องขึ้นมา”

ฉากต่างๆ ก็มีความสำคัญต่อผู้กำกับฯ ที่เน้นเรื่องการถ่ายทำจริงบนหน้าจอ เลี่ยงการใช้กรีนสกรีน และเลือกที่จะใช้สเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์มากกว่าวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ เขาเล่าว่า

“ผมชอบเส้นกั้นบางๆ ระหว่างการถ่ายภาพนักแสดง บรรยากาศที่พวกเขาอยู่ตรงนั้น และองค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นฉากเครื่องบินชนตึกหรือความรู้สึกของเวลาที่ผิดเพี้ยนไป ถ้าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับตัวนักแสดง ผมเชื่อว่าคุณจะเข้าถึงโทนเรื่องมากขึ้น และจะทำให้ผู้ชมเต็มอิ่มไปกับเรื่องราวยิ่งขึ้น”

การทำงานของโนแลนยังเน้นให้นักแสดงมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย เอลิซาเบธ เดบิคกี้ ผู้รับบท แคท ภรรยาของซาทอร์ที่ไม่ค่อยถูกคอกันได้เล่าว่า

“มันถือเป็นพรจากสวรรค์สำหรับนักแสดงคนหนึ่ง เวลาที่เราได้เห็นว่าเรากำลังจะเดินเข้าไปที่ไหนและกำลังอยู่ที่ไหน มันมีหลายช่วงที่ฉันคิดว่าทำไมที่นั่นดูน่าทึ่งขนาดนั้น และฉันคิดว่ามันช่วยฉันได้มากเลยค่ะ มันจะดีแค่ไหนหากเราสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรอบตัวเรา หรือรู้สึกว่ามีเรืออยู่ข้างใต้เรา? เมื่อหน้าที่ของเราคือการแสดง เรายิ่งต้องการความสมจริงในการแสดง มันเลยเป็นสิ่งที่มีค่ามากค่ะ”

“ตอนนี้เท่ากับผมผ่านการสร้างหนังมาอย่างยาวนานแลว และผมระมัดระวังเรื่องสื่อกลางที่ผมใช้ในการทำงานมาก”  คริสโตเฟอร์ โนแลน กล่าว

“มันคือสิ่งที่กระตุ้นผมและมีผลต่อการสร้างสรรค์ที่มีความเป็นไปได้ในทุกด้าน ทั้งตอนที่ผมเขียนบท ตอนที่ผมคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ตอนที่ผมกำลังคัดเลือกตัวนักแสดง... ทุกอย่างคือประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่เราตั้งใจมอบให้ผู้ชม ทุกการตัดสินใจเกิดจากความคิดที่เห็นผู้ชมมารวมตัวกันในโรงภาพยนตร์เพื่อดูหนังบนจอยักษ์ มันมีผลต่อทุกการตัดสินใจและทุกสิ่งที่เราทำทั้งนั้น”

“การถ่ายทำมีความท้าทายอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย”  เอ็มม่า โธมัส ยืนยัน

“แต่เราอยู่ท่ามกลางคนที่มีความชำนาญในวงการ และรู้สึกดีมากที่มีคนเก่งๆ คอยช่วยเหลือเราถ่ายทอดเรื่องราว ทำให้ตัวละครต่างๆ มีชีวิตขึ้นมาได้”

Tenet นำโดย โรเบิร์ต แพททินสัน, เอลิซาเบธ เดบิคกี้, ดิมเพิล คาพาเดีย, มาร์ติน โดโนแวน, ฟิโอน่า ดูริฟ, ยูริ โคโลโคลนิคอฟ, ไฮเมช พาเทล, เคลเมนซ์ โพซี่, อารอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน พร้อมด้วย ไมเคิล เคน และ เคนเนธ บรานอห์  

คริสโตเฟอร์ โนแลน เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยอาศัยการผสมผสานระหว่างระบบ IMAX® และ ฟิล์ม 70 ม.ม. เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสู่จอยักษ์ อำนวยการสร้างฯ โดย เอ็มม่า โธมัส และ คริสโตเฟอร์ โนแลน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย โธมัส เฮย์สลิป โดย Tenet ใช้สถานที่ถ่ายทำ 7 ประเทศ

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์จาก a Syncopy Production ผลงานภาพยนตร์จาก คริสโตเฟอร์ โนแลน เรื่อง Tenet เตรียมสัมผัสประสบการณ๋อันยอดเยี่ยมของภาพยนตร์นี้พร้อมกัน 27 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ, IMAX Film 70 mm., IMAX Digital, 4DX และ MX4D

 

เมื่อกระแสเวลาย้อนกลับ ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มมองโลกในมุมใหม่ ในภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟไอเดียสุดล้ำ TENET ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน เข้าฉาย 27 สิงหาคมนี้