Songwriters: John Lennon and Paul McCartney
When I find myself in times of trouble,
Mother Mary comes to me
Speaking words of wisdom, let it be
And in my hour of darkness she is standing right in front of me
Speaking words of wisdom, let it be
Let it be, let it be, let it be, let it be
Whisper words of wisdom, let it be
And when the broken hearted people living in the world agree
There will be an answer, let it be
For though they may be parted,
there is still a chance that they will see
There will be an answer, let it be
Let it be, let it be, let it be, yeah let it be
There will be an answer, let it be
Let it be, let it be, let it be, let it be
Whisper words of wisdom, let it be
Yeah let it be, let it be, let it be, let it be
There will be an answer, let it be
Let it be, let it be, let it be, let it be
There will be an answer, let it be
And when the night is cloudy there is still a light that shines on me
Shine until tomorrow, let it be
I wake up to the sound of music,
Mother Mary comes to me
There will be no sorrow, let it be
Let it be, let it be, let it be, yeah, let it be
There will be no sorrow, let it be
Let it be, let it be, yeah let it be, yeah, let it be
Whisper words of wisdom, let it be
หนึ่งประโยคสามคำจำวลี
ไม่ว่ามีสิ่งใดไซร้ “ให้มันเป็น”
ให้มันเป็นเช่นนั้นไซร้ไม่ต้องอยาก
ถึงลำบากแต่ยิ่งอยากยิ่งยากเข็ญ
สิ่งใดเกิดแล้วไซร้ให้มันเป็น
รับที่เห็นเป็นได้พบสงบเอย
และแล้วเราก็เดินทางมาพบกันในเดือนสุดท้ายของปี 2557 ในที่สุด ในปีที่กำลังจะหมดไปนี้ ผมเชื่อว่ามีหลายสิ่ง หลายอย่างเกิดขึ้นกับพวกเรา บางอย่างนำความสุขมาให้ บางอย่างนำความทุกข์มาให้ บางอย่างนำความเฉยๆ มาให้ อันนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะ คสช. นะครับ
หรือต่อให้พูดถึง คสช. พูดกันตรงๆ บางท่านอาจจะชอบ หรือไม่ชอบ พอใจ หรือไม่พอใจ ยินดี หรือเสียใจ ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องบอกว่าคสช. อาจจะเป็นปัญหาทางการเมือง ในมุมมองของบางท่าน แต่ คสช. ไม่ได้ทำให้เราทุกข์นะครับ ถ้ายอมรับได้ว่า คสช. มีแล้ว เกิดขึ้นแล้ว ใจเราจะสบายขึ้นครับ ถ้ายอมรับไม่ได้ นั่นแหละ ใจเราจะนำทุกข์มาให้ตัวเองหรือเวลาดู The Voice แล้วมี รายการของคสช. มาคั่น อันนั้นถ้ายอมรับได้ว่า เขามาแล้วก็ไป ใจก็จะไม่ทุกข์ ...
คนเรานะครับถ้าเป็นคนที่อยู่กับปัจจุบันเป็น ยอมรับสิ่งที่เกิดได้ ตามที่มันเป็นจริงๆ อย่างในเนื้อเพลงที่เขียนโดยพอล แม็คคาร์ทนีย์ เพลงนี้ คนๆ นั้นจะเป็นทุกข์ยาก ต่อให้ยังมี ก็น้อยและสั้นมาก จนแทบไม่มีนัยยะสำคัญ
แค่จิตมันมีปัญญา เข้าใจได้ว่า อ่อ ... โลกนี้ เรื่องนั้น “มันเป็นอย่างนั้นเอง” จะไม่มีอะไรที่เราสมควรทุกข์กับมันอีกเลย แต่ในเมื่อทุกคนมีสิทธิเลือกยึดมั่น ถือมั่น แบกอะไรไว้มากมาย ตามที่ “ใจปรารถนา” แล้วเมื่อไหร่ที่ใจคนเราปรารถนาในสิ่งที่มันตรงข้ามกับความจริง ภาษาบ้านๆ หน่อยเขาพูดว่า อยากในสิ่งที่มันไม่มี ไม่เกิด นั่นแหละคือจุดเริ่มของทุกข์
ผมเน้นตรงคำว่า “ใจปรารถนา” เพราะหลายสิ่งหลายอย่าง เราไม่ได้ปรารถนา แต่ใจน่ะ มันทำเอง ยึดเอง แบกเอง แล้วก็ ทุกข์เอง อย่างบางคนถูกแฟนหักหลัง ถูกแฟนบอกเลิก ถูกเพื่อนรักโกง ถูกหลอก ไอ้เราน่ะอยากลืม อยากคืนความสุขให้ตัวเอง แต่เราจะอยากยังไง ก็เรื่องนึง ใจเราจะอยากยังไง ก็อีกเรื่อง
จุดอ่อนของมนุษย์ก็คือการที่จิตใจ มักจะปรารถนาในสิ่งที่นำทุกข์มาให้ตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควร ไม่ดี ไม่เหมาะ แต่เพราะ “ใจปรารถนา” ก็ยอมตามใจตัวเอง ถลำลึกไปเรื่อยๆ
การฝึกฝนที่จะ “รู้จัก” “รู้ทัน” และ “รู้จริง” ในสิ่งที่จิตใจเราเป็น จึงสำคัญและมีประโยชน์มากนะครับ ในชีวิตที่มีอยู่ เป็นอยู่โดยเฉพาะในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เพื่อจะได้ไม่ปล่อยให้จิตใจพาตัวเองไปหาทุกข์ อย่างที่หลายท่านเป็นอยู่
สุขสันต์วันที่เราสามารถเลือกมีชีวิตอย่างมีสติได้ทุกวันครับ