ศิวกร มหาสันทนะ

ศิวกร มหาสันทนะ

จากเด็กหนุ่มผู้หลงใหลในตัวยาสมุนไพรสู่การเพาะบ่มความรู้ ทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้ค่อยๆ ซึมซับเสน่ห์ของสมุนไพรไทยแบบไม่รู้ตัว ไม่แน่ว่าต่อไปสมุนไพรไทยจะถูกผสมผสานเข้ากับยาร่วมสมัยจนกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้น จากแนวคิดใฝ่รู้และมุ่งจะพัฒนาสมุนไพรไทยของเขาคนนี้

“ผมเรียนโรงเรียนสาธิตปทุมวันจนถึง ม.3 แล้วก็ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ตอนนี้เรียนอยู่เกรด 12 เทียบกับไทยจะเท่ากับ ม.6 ที่ Georgetown Preparatory School in North Bethesda, Maryland, USA ตอนนั้นเริ่มจากตัวผมเองไม่สบายเจ็บคอ ผมทานยาฝรั่งมาสองวันแล้วก็ไม่หาย เผอิญว่าอีกวันมีสอบต้องแย่แน่ๆ ผมเลยโทรไปหาคุณแม่ ท่านบอกให้ผมทานยาฟ้าทะลายโจรของอภัยภูเบศรที่เสียบไว้ให้ในกระเป๋าก่อนที่ผมจะเดินทางมา ทานไปสามสี่เม็ดแล้วนอนพัก 
ตื่นเช้ามาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกสบายตัวมาก

“หลังจากนั้นสองวัน ผมก็ให้เพื่อนชาวต่างชาติทานยาตัวนี้บ้างเพราะไม่สบายเจ็บคอเหมือนกัน เขาทานแล้วก็หายกันทุกคน ผมรู้สึกว่าไม่มีผลข้างเคียงเลย จากนั้นผมก็เริ่มสนใจว่าสมุนไพรไทยมันดียังไง มันเป็นพืชพันธุ์หรือต้นไม้ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แต่กลับมานำมาเป็นยารักษาโรคได้ ผมว่าน่าสนใจมากเลยไปหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วก็มาเจอข้อมูลสมุนไพรไทยของอภัยภูเบศร

“ที่จริงอเมริกาก็มีปลูกนะครับฟ้าทลายโจร แต่จะอยู่แคลิฟอร์เนียทางโซนร้อน เพราะสมุนไพรไทยเป็นพืชเขตร้อนหมด แต่ข้อเสียของสมุนไพรไทยก็คือไม่มีตัวรับรองถึงคุณสมบัติจริงๆ มีแต่แบบปากต่อปาก สิ่งที่การันตีคุณภาพได้เลยคือไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาปกติที่ทานเข้าไปแล้วจะไปทำลายเซลล์ในร่างกายสมุนไพรไทยจะไม่ทำลายเซลล์แต่จะเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด ค่อยๆ รักษาร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายเราแข็งแรง และมีผลข้างเคียงน้อยมาก”

เมื่อค้นพบว่าตัวเองสนใจสิ่งไหน เขาไม่รอช้าที่จะไขว่คว้าหาโอกาส และเขาก็ได้เลือกใช้ช่วงซัมเมอร์เพื่อศึกษาวิชาที่ไม่มีในชั้นเรียน ด้วยการเข้ามาขอฝึกงานจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งโดดเด่นเรื่องการแพทย์แผนไทย ใช้สมุนไพรบำบัดรักษาโรค ทั้งยังมีการแปรรูปสมุนไพรให้เป็นเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง

“พอผมได้มาฝึกงานที่นี่ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมาก ดร.สุภาพร ปิติพร ท่านเป็นหัวหน้าเภสัชและผู้บุกเบิกตัวยาสมุนไพรของอภัยภูเบศร ให้ความกรุณาผมได้ไปดูกระบวนการผลิตหลากหลายขั้นตอน ทำให้ได้เห็นอะไรเยอะมาก รู้ว่าทุกอย่างที่นี่เป็นแบบธรรมชาติหมด ไม่มีสารเคมีเจือปน การปลูกพืชหรือต้นไม้ก็ไม่มีการใส่สารเร่ง แล้วผมได้ไปดูห้องตรวจสอบ ทุกอย่างต้องเข้มงวดมาก เพื่อคุณภาพที่ดีต่อผู้ใช้ และผมยังได้ไปช่วยร้านยาด้วย ต้องมีความรู้เรื่องยาเยอะพอสมควรถึงจะจัดยาให้ผู้ป่วยได้ 

“คนไข้ที่มารักษาที่นี่ ทุกคนจะมีการติดตามผลว่ายาที่ได้รับไปเป็นอย่างไรบ้าง ผ่านไปสองสัปดาห์อาการดีขึ้นรึเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ 80% จะบอกว่าดีขึ้น ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่หายขาดแต่ก็พอทุเลาลงบ้าง โดยเป้าหมายหลักของอภัยภูเบศรคือการเอายาสมัยใหม่กับสมุนไพรไทยมาผสมผสานเข้ากันให้ได้ เท่าที่ผมทราบมา ตอนนี้โรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ อย่างที่ รพ.ศิริราช ก็เริ่มมีการเปิดแพทย์แผนไทยควบคู่ไปด้วย เพราะเขาเห็นว่าสามารถช่วยรักษาได้ อีกหน่อยผมมองว่าวงการแพทย์ไทยจะเติบโตขึ้นอีก เพราะเราเริ่มเอายาสมุนไพรไทยมาผสมรวมกับยาสมัยใหม่ได้แล้ว 

“ข้อจำกัดของสมุนไพรบ้านเราคือ น้อยคนนะที่จะมีคนมาสนใจเรื่องสมุนไพรอย่างผม ผมคิดว่าสมุนไพรไทยไปได้ไกลกว่านี้เยอะ สิ่งนี้เป็นภูมิปัญญาไทยที่เรามีอยู่ เรื่องนี้ทำให้ผมคุยกับคุณย่ารู้เรื่อง ได้รู้เรื่องสมุนไพรไทยสมัยก่อน เพราะเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมานาน สมควรที่เราจะอนุรักษ์ไว้

“ความตั้งใจหลังจากที่ผมฝึกงานจากที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเสร็จ ผมจะนำความรู้ที่ผมได้มากลับไปประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนต่างชาติรู้จักมากขึ้น รู้ว่าสมุนไพรไทยจริงๆ แล้วคืออะไร อย่างน้อยเพื่อนผมก็เอาไปพูดต่อๆ กัน ให้ผ่านหูไปบ้างก็ยังดี อย่างวันสุดท้ายของการฝึกงาน มีมหาวิทยาลัยไมอามี่จากอเมริกามาเยี่ยมชมที่ตึกอภัยภูเบศร ผมก็ได้เป็นตัวแทนไปกล่าวกับทางคณะเยี่ยมชม ซึ่งผมก็ภูมิใจมากที่ได้รับหน้าที่ตรงนี้

“ส่วนในอนาคตผมคงเรียนต่อในระดับปริญญาตรีทางด้านชีวะวิทยา เพราะสามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลาย แน่นอนว่าผมไม่ทิ้งความรู้ด้านสมุนไพรที่ได้รับมา และจะนำไปประยุกต์กับสิ่งที่ผมจะเรียนให้สามารถทำควบคู่กันได้ครับ” 

ต้นกล้าสมุนไพรไทย