ระบบไฮบริด ชื่อนี้คุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่ระบบไฮบริดที่เรียกเหมือนกันนั้น จริงๆ แล้วมีข้อแตกต่างกันอยู่หลายประการ ในที่นี้ เราขอยกเอาระบบไฮบริดในแบบ เครื่องยนต์เบนซิน กับมอเตอร์ไฟฟ้า มาคุยกันเสียก่อน ซึ่งแค่นี้ ก็แตกแยกย่อยออกมาไม่เหมือนกันแล้ว

New Honda Accord Hybrid ใช้ตัวถัง และโครงสร้างเดิมจากแอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 9 แต่งเสริมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น สนุกมากขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ด้วยระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive หรือเรียกสั้นๆ ว่า i-MMD ที่เป็นระบบไฮบริดแบบ Full Hybrid ซึ่งฮอนด้าได้พัฒนาระบบนี้ จากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก แล้วใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในบางช่วงเท่านั้น 

แต่ระบบ i-MMD ใหม่นั้น จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก แล้วใช้เครื่องยนต์ช่วยในบางช่วง รวมถึงการปั่นไฟไปเก็บที่แบตเตอรี่เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ระบบไฮบริดของแอคคอร์ดไฮบริดใหม่ เหนือกว่าของคู่แข่งที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งหากรถคันนี้ติดตั้งระบบปลั๊กอินเข้าไป แล้วสามารถเสียบชาร์จไฟได้จากผนังบ้าน ก็จะกลายเป็นรถ EV หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้เลยทีเดียว

ภายนอกของ New Honda Accord Hybrid นั้นหน้าตาคล้ายๆ กับตัวแอคคอร์ด โฉมปัจจุบัน ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่หรูหราอยู่แล้ว แต่ได้เพิ่มความล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าแบบ LED ในรุ่น Accord Hybrid TECH และไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ในรุ่น Accord Hybrid ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า และกระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue พร้อมไฟท้ายแบบ LED และซันรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบ One-Touch ซึ่งทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับป้ายสัญลักษณ์ไฮบริด บนฝากระโปรงท้าย ที่แสดงตัวให้เห็นได้อย่างชัดเจน

ภายในห้องโดยสารยังคงความหรูหรา และประณีตในทุกรายละเอียดเช่นเดิม แต่ได้เพิ่มหน้าจอแสดงผลการจ่ายไฟและชาร์จไฟของระบบไฮบริดเป็นรูปแบบง่ายๆ คล้ายเครื่องหมายบวก ซึ่งจุดนี้เห็นทีจะเรียบง่ายจนเกินไป ไม่หวือหวาอลังการเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ซึ่งจุดประสงค์ คงเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจการทำงานได้มากขึ้น แต่คงลืมไปอย่างว่าคนไทยชอบอะไรก็แล้วแต่ที่อลังการไว้ก่อน ถึงจะดูยากกว่าก็เอาเถอะ  

Honda Accord Hybrid มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ทำงานด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร เอิร์ธดรีมที่พัฒนามาเพื่อระบบไฮบริดโดยเฉพาะ ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด165 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ มีกำลัง 169 แรงม้า และแรงบิด 31.3 กก.-ม. และทำหน้าที่ชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่เมื่อลดความเร็ว ส่วนมอเตอร์อีกตัวเป็น เจนเนอเรเตอร์ทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ และส่งต่อให้มอเตอร์ขับเคลื่อน ซึ่งให้กำลังรวมทั้งระบบสูงสุดถึง 199 แรงม้าเลยทีเดียว

การขับเคลื่อนนั้น เหมือนการขับรถปกติทั่วไปด้วยจะแบ่งเป็น 3 โหมดขับเคลื่อนหลักๆ ประกอบด้วย EV Mode ซึ่งมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และเมื่อลดความเร็วหรือถอนคันเร่ง ระบบจะชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่เช่นเดิม ส่วน Hybrid Drive Mode มอเตอร์จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เช่นกันแต่จะได้ไฟฟ้าจากเครื่องยนต์เข้ามาเสริมด้วย เพื่อให้มีการตอบสนองคันเร่งที่รวดเร็วทันใจ และลื่นไหลมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นอีกลำดับขั้นที่เหนือกว่าจากระบบไฮบริดอื่นๆที่จะใช้กำลังจากเครื่องยนต์เข้ามาเสริม เพื่อให้ได้อัตราเร่งตามที่ต้องการ 

ส่วนสุดท้าย Engine Mode เป็นการขับเคลื่อนด้วยกำลังจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว ด้วยชุดเกียร์ E-CVT จะเชื่อมอยู่กับเครื่องยนต์ เพื่อส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง สำหรับการขับด้วยความเร็วสูงคงที่ โดยโหมดนี้จะทำงานเป็นช่วงๆ เท่านั้น ซึ่งทั้ง 3 โหมดที่กล่าวมาจะทำงานครอบคลุมในทุกๆ การขับขี่ เพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด ลื่นไหลมากที่สุด แต่ให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำที่สุด โดยทางวิศวกรเคลมตัวเลขไว้ถึง 23.6 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้ เห็นทีจะมีความเป็นไปได้สูง เพราะจากที่ได้ทดลองขับมาเป็นระยะทางเกือบ 1000 กม. ใช้ทั้งความเร็วสูง ทั้งรถติดในบางช่วง แต่น้ำมันที่บรรจุมาให้ในถังกว่า 60 ลิตร ก็ยังไม่หมดลงมาง่ายๆ แถมตัวเลขอัตราการกินน้ำมัน ยังเกิน 15 กม./ลิตรอีก เพราะฉะนั้นตัวเลขที่เกินกว่า 20 กม./ลิตรนั้น หากขับดีๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน

ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงให้แข็งแรงมากขึ้น เพื่อรองรับกับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นของระบบไฮบริด แต่วัสดุรับน้ำหนักดังกล่าวกลับมีน้ำหนักที่ลดน้อยลงเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ในระบบไฮบริด ระบบเบรกก็เช่นกัน ได้รับการปรับเปลี่ยนจากการใช้หม้อลมเบรกในแบบเดิมๆ มาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและชุดลูกสูบแทน โดยที่ยังคงรักษาอารมณ์และความรู้สึกในการเหยียบแป้นเบรกแบบเดิมไว้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนกับรถไฮบริดอื่นๆ ที่ต้องหัวทิ่มทุกครั้งที่เหยียบแป้นเบรก

Honda Accord Hybrid วางราคาไว้ 1,659,000 - 1,899,000 บาท ซึ่งค่อนข้างสูงหากเทียบกับคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า แต่ Accord Hybrid จะใช้เครื่องที่ใหญ่กว่าไปทำไม ในเมื่อใช้ระบบไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว แถมได้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า สดกว่า ดีกว่าและประหยัดน้ำมันมากกว่า แล้วยังได้ออพชั่นที่มากกว่าด้วยแล้ว ราคานี้สมเหตุสมผลแก่การครอบครองเป็นอย่างยิ่ง 

Trick & Tip

เรื่องง่ายๆ ที่ดูได้จากหน้าจอ

ปัญหานี้คงเกิดขึ้นกับคนที่มีรถหลายคัน หรือเปลี่ยนรถบ่อยๆ นั่นคือเรื่องการหาฝาถังน้ำมันว่าอยู่ฝั่งไหนกันแน่ซึ่งจริงๆแล้ว เรื่องนี้แก้ไขได้ง่ายมาก โดยไม่ต้องลงมาดูภายนอกรถ เพียงแค่ดูลูกศรเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ สัญลักษณ์ปั๊มน้ำมันนั่นเอง เพราะมันจะชี้บอกว่าอยู่ซ้าย หรืออยู่ขวาของตัวรถนั่นเอง

 

HONDA ACCORD HYBRID อีกลำดับขั้นที่เหนือกว่า