“พ่อมดแห่งออซ” หลายคนที่เคยเป็นแฟนการ์ตูนหนูน้อยโดโรธีคงจะคุ้นหูกับชื่อนี้ดี นี่คือเรื่องราวของพ่อมดที่หลุดเข้ามาในดินแดนแห่งออซก่อนหน้าการเดินทางบนอิฐสีเหลืองของโดโรธีและพ้องเพื่อน “ออซก้า” พ่อมดที่เคยเป็นเพียงนักมายากลจอมต้มตุ๋น มีความสามารถพิเศษเรื่องมายากล คารมขั้นเทพ และไหวพริบที่แสนจะฉลาด (แกมโกง)

เดิมทีบทนี้จะต้องตกเป็นของ Robert Downey jr. หรือไม่ก็ Johnny Depp แต่ทั้งคู่ก็ได้ปฏิเสธ James Franco เลยได้รับโอกาสมาสวมบทบาท และเขาก็ทำได้ดีทีเดียวครับ ถึงขั้นถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในหลายเวที ส่วนทางด้านเทคนิค Sam Raimi ผู้กำกับมากฝีมือก็คว้าทีมเทคนิคจาก AVATAR มาเนรมิตดินแดนแห่งออซให้อลังการงานสร้างสีสันสดใสได้ใจวัยรุ่น คุณจะได้ชมทั้งสุดยอดภาพเทคนิคพิเศษ เรื่องราวที่สุดอัศจรรย์ และแม่มดสาวสุดเซ็กซี่ จนอาจจะลืมไปว่าเรื่องนี้เด็กๆ ก็ดูได้นะ

เริ่มเรื่องในโรงแสดงมายากล ออซก้า รับบทโดย James Franco ร่ายเวทย์มนต์ได้ดีอย่างไม่มีที่ติ จนผู้ชมคิดไปแล้วจริงๆ ว่าเขาคือพ่อมด วลีเด็ดที่ผมชอบจากปากพ่อมดออซก็คือ “ถ้าเจ้ามีความเชื่อ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”

หนูน้อยขาพิการหลงเชื่อไปว่าออซก้าเป็นพ่อมดจริงๆ จึงร้องขอให้เขาใช้เวทมนต์ทำให้ขาทั้งสองข้างกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่มายากลก็คือมายากล ไม่ใช่เวทย์มนต์ มันไม่มีทางเป็นไปได้ พอทำไม่ได้จากเสียงปรบมือก็เลยกลายเป็นเสียงโห่ไล่

ออซก้ายังซวยไม่เลิก กรรมเก่าตามเร็วยังกับจรวด แฟนหนุ่มของสาวที่เขาเคยไปหลอกไว้รู้ว่าไปทำเจ้าชู้ใส่ ก็เลยตามล่ามาถึงที่พัก ออซหนีขึ้นบอลลูนทันที แต่ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายบอลลูนถูกดูดเข้าไปในพายุที่กำลังก่อตัวอยู่ นำนักมายากลจอมต้มตุ๋นสู่ดินแดนแห่งออซ และที่นี่เองที่เขาจะกลายเป็นพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่

หลายฉากหลายตอนมีสัญลักษณ์ (Symbolic) ที่สื่อถึงคำว่า “Believe” ทั้งตัวอักษร คำพูดแบบตรงๆ ภาพ สิ่งของบางอย่าง และคำๆ นี้ก็คือ Message ที่ Sam Raimi อยากจะส่งถึงผู้ชมตามสไตล์ของดิสนี่ย์ครับ