วีรินทร์  อรวัฒนพันธุ์

วีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์

คุณวีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์ หรือคุณอ้อ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Television Manager ของช่อง Green Channel สื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในเครือ GMM  GRAMMY  ภายใต้การดูแลของ A-Time Media กับกว่า 18 ปีที่ผ่านมานั้น เธอบอกว่ามันเริ่มมาจากเงิน 500 บาท ที่เป็นส่วนต่างระหว่างเงินเดือนฝ่ายอาร์ตที่ตรงกับที่เธอร่ำเรียนมา กับเพิ่มอีก 500 บาท ในตำแหน่งครีเอทีฟ ที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันคืออะไร แต่เมื่อเธอได้เลือกแล้ว นี่จึงเป็นถนนเส้นแรกที่เธอก้าวเดิน

“ในตอนนั้น เรารู้ตัวว่าเป็นคนชอบคิด ชอบการสร้างสรรค์ พอได้เป็นครีเอทีฟของ Green Wave FM 106.5 MHz ก็รู้ว่าวิทยุมันเหมือนเป็นการทำจินตนาการในหัวเราให้ออกมาเป็นเสียงได้เท่านั้น มันเลยยังไม่ตอบโจทย์ เพราะเรามองอะไรเป็นภาพ ก็เลยอยากหาอะไรใหม่ๆ จนได้เข้าไปเป็นครีเอทีฟให้กับรายการทีวีในเครือแกรมมี่อย่าง BANG BANG BANG, นานา น่าดู และอีกหลายรายการ ผ่านการชักชวนของป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม”

เธอมีหน้าที่ระดมสมองในการคิดสร้างสรรค์รายการต่างๆ อยู่สองปี จากนั้นจึงก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งครีเอทีฟและสคริปต์ไรเตอร์ ให้กับบริษัท เอ็กซ์ตร้า ออร์แกไนเซอร์ จำกัด พร้อมๆ กับดูงานด้านครีเอทีฟในบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ.เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์, เนเวอร์แลนด์, 2 Thumbs Up ฯลฯ จนมาถึง การเป็นครีเอทีฟให้กับศิลปินต่างๆ ในสังกัด แกรมมี่แกรนด์ ที่ทำให้เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดังที่เธอบอกว่าเป็นผู้สอนให้เธอไม่หยุดเคลื่อนไหวความคิด

จากค่ายเพลงมาสู่การดูแลคลื่นวิทยุอีกครั้งในตำแหน่ง Creative Marketing & Head Project ที่ The Radio FM 99.5 MHz จากนั้นเธอก็ได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานด้านบรอดคาสต์กับ TOTV (Thai Overseas Television Co.,Ltd) ช่องโทรทัศน์ผ่านสัญญาณดาวเทียมสำหรับคนไทยในที่สหรัฐอเมริกาอยู่ 1 ปี และล่าสุดก็กลับมารับตำแหน่งTelevision Manager ให้กับ Green Channel ช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในเครือ A-Time Media

“ทางเอไทม์มองเห็นโอกาสที่จะเปิดตลาดด้านนี้ แต่ยังไม่มีคนทำ เราก็เลยได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง แนวคิดในการขึ้นช่องทีวีดาวเทียมของเรานั้น เรามองว่าใครมีพื้นฐานของอะไร พื้นฐานนั้นเองที่จะเป็นทิศทางของช่องคุณ ฉะนั้นแต่ละช่องมันไม่มีทางลอกกันได้ ใครลอกไปถ้าฐานมันไม่ใช่ คอนเท้นต์ที่ผลิตจะกลับมารัดคอตัวเอง

“สำหรับเอไทม์พื้นฐานเราคือ วิทยุ Green Channel ก็เลยเป็นช่องที่ต่อยอดมาจากการทำวิทยุนั่นเอง ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นภาพการจัดวิทยุแบบไม่มีการเซตใดๆ โดยเฉพาะรายการ Talk ที่เราทำระบบแบบพิเศษจากห้องจัดรายการวิทยุมายัง Studioของโทรทัศน์ นับเป็นครั้งแรกของวงการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเลยก็ว่าได้ ที่ทำแบบนี้ 2 ปีมาแล้วที่เราปลุกปั้นกันมา เริ่มตั้งแต่โครงสร้างบุคลากรพื้นฐานต่างๆ จนถึงยิงสัญญาณและออกอากาศจริงจนทุกวันนี้

“ผลตอบรับดีมาก น่าจะเพราะ หนึ่งโชคดีที่เราเป็นแกรมมี่ เลยมีของที่นำไปปรุงโปรดักชั่นได้เยอะ สองเรามีสื่อที่จะโปรโมทในตัวเองคือวิทยุถึง 4 คลื่น สามเรามีเจ้านายที่เป็นคนทำงานจริงๆ ไม่ว่าอีเวนต์ไหนเราจะได้เห็น พี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณอยุธยา) ทำงานอยู่ทุกครั้ง พี่ฉอดคือตัวอย่างของคนทำงานจริงๆ ความสามารถ ความแกร่ง ความเสียสละเวลาส่วนตัว ถ้าพูดถึงความเป็นสื่อ พี่ฉอดคือบุคลลากรที่สำคัญของวงการสื่อและเข้าใจคำว่าสื่ออย่างแท้จริง”

แม้ว่าปัจจุบันช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่มีอยู่นั้นจะมีมากมายเป็นร้อยๆ ช่อง แต่เธอก็ไม่คิดว่านั่นคือปัญหา

“เราเพียงแค่ย้ำความเป็นเราผ่านภาพให้ชัดเจนเท่านั้นเอง มันก็สามารถไปของมันได้โดยไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร แค่เพียงแข่งกับตัวเองก็พอ ที่สำคัญต้องมีความจริงใจมีจรรยาของความเป็นสื่อสารมวลชนให้กับคนดู และคงจะต้องอดทนกันต่อไปเพราะทีวีดาวเทียมยังเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทยอยู่ ทุกวันนี้คนยังใช้คำผิดเรียกกันว่าเคเบิลทีวีกันอยู่เลย ซึ่งความจริงเคเบิลทีวีคือทีวีที่เจ้าของเคเบิ้ลได้เลือกเอาคอนเท้นต์ต่างๆ ที่มีอยู่บนช่องทีวีดาวเทียม และเห็นว่าน่าจะตรงกับไลฟ์สไตล์ของสมาชิกไว้ด้วยกัน แล้วเปิดให้สมาชิกได้รับชมกันโดยเก็บค่าใช้จ่ายรายเดือน ส่วนโทรทัศน์ดาวเทียมนั้นเป็นระบบฟรีทูแอร์ที่ช่องผลิตรายการต่างๆ แล้วออกอากาศไปให้ได้รับชมกันฟรีๆ เพียงที่บ้านมีจานรับสัญญาณดาวเทียมซึ่งจะเป็นจานดำหรือจานสีต่างๆ ก็สามารถรับชมรายการได้”

หลายๆ อย่างรอบตัวเรานั้นอาจทำให้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น กว่าจะมาถึงวันนี้ที่เธอก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร เธอก็ต้องผ่านขั้นตอนการบริหารความคิดมาแล้วไม่รู้กี่ขั้นต่อกี่ขั้น นั่นก็เพราะเธอใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เป็น ยอมแลกที่จะแตกต่างอย่างคนคิดนอกกรอบอยู่เสมอ เมื่อคิดได้แล้วจึงเรียนรู้ที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริง แม้ว่าหลายๆ ครั้งไอเดียดีๆ ของเธออาจไม่โดนใจใครหลายๆ คน แต่เธอก็ต้องยอมรับ

“เพราะการทำงานเป็นทีม สิ่งสำคัญคือต้องฟังคนอื่นด้วย เราต้องมองให้เห็นความเป็นจริงและสามารถทำได้มากที่สุด มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเรียนรู้ว่าถ้าฟังให้มาก เราก็จะรู้มากขึ้นเช่นกัน

“ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ลองทำอะไรมาก็เยอะ และใช้ทุกโอกาสนั้นให้คุ้มค่า ในขณะที่คุณยังเด็กอยู่อย่าทำอะไรที่หวังแต่ค่าตอบแทน เราต้องทำให้มันสุดๆ เรียนรู้มันให้สุดๆ พอถึงวันหนึ่งที่คุณเก่งจริง คุณจะเรียกค่าตัวคุณเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าเราติดงานเราได้เหมือนที่เราติดแฟน บอกได้เลย งานนั้นจะขอแต่งกับคุณแน่นอน เพราะนั่นหมายถึงคุณจะเป็นคนที่มีคุณค่าและมีความมั่นคงในชีวิตตลอดไป”

 Know Her

• เธอจบปริญญาตรีด้านศิลปะ จากคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

• ในขณะที่ทำงานเธอก็เรียนต่อจนจบปริญญาโทด้านการตลาด ที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

• น้อยคนที่จะรู้ว่าเธอคือหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีหญิงล้วนในยุคอินดี้ที่ชื่อ “ซับใน” เมื่อครั้งที่เธอยังไม่ก้าวขึ้นมาทำงานด้านสื่ออย่างเต็มตัว 

จุดพลิกผันของเรามักจะมีอยู่ในทุกจังหวะทุกช่วงเวลา