ศรัณจ์ภัทร บัณฑิตยานนท์

ศรัณจ์ภัทร บัณฑิตยานนท์

“หลังจากเรียนจบวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUIC) ด้านการโรงแรมมา ก็ทำงานที่นี่เลย เพราะเป็นธุรกิจของที่บ้าน ทำเพื่อหาประสบการณ์อยู่ประมาณ 2 ปี จึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่ San Francisco ด้าน Human Resource เพราะคิดว่าการบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าองค์กรไหนก็จะมีปัญหาเรื่องคน ถ้ามีความรู้ตรงนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหน้าที่การงานของเรา ซึ่งพอได้สัมผัสชีวิตทั้งในด้านการเรียนและการทำงานก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกัน บางทีทฤษฎีที่เรียนมาก็ไม่สามารถนำมาใช้กับโรงแรมของเราได้ เพราะต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกันไปด้วย 

“ช่วงก่อนที่จะไปเรียนต่อ ธัทดูแลงานในส่วนแผนกแม่บ้าน ล้างห้องน้ำเอง เป็น Maid จริงๆ เรียกได้ว่าลงมือทำและเรียนรู้ตั้งแต่ Step แรก พอกลับมาจาก San Francisco ก็ทำงานตำแหน่งเดิม แต่มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น จากที่เคยดูแลในแผนกแม่บ้านและฝ่ายการตลาด ก็รับผิดชอบดูในภาพรวมทั้งหมด โดยจะมี GM ช่วยกันดูแลอีกทีซึ่งในแต่ละแผนกจะมีหัวหน้าแผนกคอยดูแล”

ด้วยความที่ต้องรับหน้าที่สานต่อกิจการของที่บ้านตั้งแต่อายุยังน้อย สำหรับเธอแล้ว คุณพ่อและครอบครัวถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่คอยสนับสนุนให้เธอเดินมาบนเส้นทางสายนี้ ซึ่งเธอเองก็พยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นด้วยความรู้ ความสามารถที่เธอมี

“ส่วนตัวมองว่าสังคมไทยยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องวัยวุฒิ หากจะทำให้ผู้อื่นยอมรับก็คงต้องใช้เวลา แต่ในเมื่อเราก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้แล้ว อย่างแรกที่ทำได้คือเรื่องของการวางตัว ส่วนเรื่องการทำงาน ก็คงต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้และฝึกฝน ถามว่าท้อไหม ก็มีบ้าง เหนื่อย ล้า เป็นธรรมดา แต่ก็สู้นะ ต้องอดทน เพราะว่ามันเป็นกิจการของเรา เราก็ต้องทำให้สำเร็จ ให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ 

“คุณพ่อจะคอยให้กำลังใจและคอยสอนทุกเรื่องอยู่เสมอ อย่างเวลาไปเข้าสังคม ไปทานข้าว คุณพ่อก็จะบอกว่า ต้องมีความเกรงใจ อย่าสั่งอาหารแพง ท่านจะสอนทุกรายละเอียด หรืออย่างเรื่องสุขภาพก็สำคัญไม่แพ้เรื่องงาน ดังนั้นจึงควรแบ่งเวลาให้ตัวเองบ้าง และที่สำคัญต้องดูแลสุขภาพใจด้วย ในเมื่อคนเรายังอาบน้ำให้ตัวเราทุกวัน ฉะนั้นใจเราก็ต้องอาบน้ำให้สะอาดสดชื่น ซึ่งคุณพ่อก็จะพาไปนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมเสมอ

“แนวทางการบริหารงานก็เรียนรู้มาจากคุณพ่อเช่นกัน คือที่นี่จะการบริหารจัดการสไตล์ครอบครัว เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่จะดูแลพนักงานทุกคนให้เหมือนคนในครอบครัว ซึ่งก็จะบอกพวกเขาอยู่เสมอว่ามีอะไรต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากใครที่มีความรู้ความสามารถเราก็พร้อมช่วยผลักดันเต็มที่โดยการเทรนด์นิ่งข้างนอก หรือส่งไปประกบคู่กับหัวหน้าแผนก เพื่อที่จะได้เรียนรู้งาน 

“ความยากในการทำงานตรงนี้คือ เรื่องการบริหารจัดการคน เพราะแต่ละคนจะมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน เทคนิคคือจะจัดกิจกรรมละลายพฤติกรรม ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นปัญหาในการทำงานที่เจอหลักๆ ก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ถ้าเป็นหลังบ้านจะเป็นเรื่องคน แต่ถ้าหน้าบ้านจะเป็นเรื่องลูกค้า ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของโรงแรม หากไม่ทำตามก็มีบทลงโทษหลายระดับ ส่วนปัญหาที่เกี่ยวกับลูกค้าจะเป็นปัญหาที่คาดเดาไม่ได้ เช่น บางคนทานอาหารเสร็จแล้วบอกว่าอาหารไม่อร่อย ไม่จ่ายเงิน อย่างนี้ก็ต้องคุยกับลูกค้า ต้องคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป

“ธัทมองว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จนะ ยังใหม่ทั้งในเรื่องการโรงแรมและเพิ่งจะเริ่มกับธุรกิจร้านกาแฟ Bunfé (The coffee Bar & Bistro) แต่ดีอย่างหนึ่งคือ เป็นคนไม่ปิดกั้นตัวเอง รับฟังคอมเม้นต์แล้วนำมาปรับปรุง ถ้าเราปิดตัวเองก็จะกลายเป็นกบในกะลา แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้นจะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ ธัทจึงยังมีอีกหนึ่งความตั้งใจคือการเป็นอาจารย์พิเศษ ซึ่งตอนนี้ก็จะมีสถาบันต่างๆ ติดต่อมาให้เป็นวิทยากรพิเศษ ต่อให้ไกลแค่ไหนก็จะไปให้ความรู้น้องๆ เพราะเป็นการสร้างเครดิตให้ตัวเอง และเป็นการฝึกตัวเองให้เก่งขึ้นด้วย

“เมื่อต้องทำงานหลายอย่าง จึงต้องพยายามค่อยๆ ก้าวไปอย่างระมัดระวัง เพราะไม่ได้รีบและไม่อยากจะพลาดตรงไหน ซึ่งกับชีวิต ณ ตอนนี้ ความสุขของธัทคือ การที่เราแบ่งเวลาได้ลงตัวมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น เพราะเมื่อก่อน 7 วัน ไม่รู้ว่าวันไหนเป็นวันหยุด แต่ถ้าได้ทำเค้กก็สามารถอยู่ได้ยาว 6 - 7 ชั่วโมง โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยจริงๆ” 

แม้ว่าเส้นทางการเป็นผู้บริหารของสาวหน้าหวานคนนี้