ทวีศักดิ์ ศรีทองดี

ทวีศักดิ์ ศรีทองดี

โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี คือหนึ่งในนั้น เขาเป็นศิลปินที่สร้างงานศิลปะแนวสมัยใหม่ได้อย่างน่าชื่นชม ที่ผ่านมาเขาทำงานได้หลากหลาย เขาเคยเป็นพนักงานบริษัท เป็นอาจารย์ ทำงานศิลปะด้านต่างๆ อย่างการวาดภาพประกอบในนิตยสารชื่อดังหลายเล่ม การสร้างงานประติมากรรม หรือแม้กระทั่งงานด้านอื่นๆ ที่ใช้องค์ประกอบหลายๆ อย่างมารวมกันเป็นแนว Post Modernนอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีอิทธิพลต่องานศิลปะสมัยใหม่ โดยเฉพาะในสังคมของวัยรุ่นที่เรียกกัน
ว่า “อินดี้” 

 

ศิลปะที่ ไม่จำกัดรูปแบบ

“Conceptual Art เป็นศิลปะที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของความหมายรวม มากกว่าจะพูดถึงว่ามันเป็นเทคนิคอะไร จะเป็นเทคนิคอะไรก็ได้ที่มันรองรับความคิดของเรา อย่างสมมุติว่าการที่เราต้องทำหุ่นตัวใหญ่ แต่เรามีพื้นฐานความคิดหรือสิ่งที่เราคิดเกี่ยวเรื่องสงครามเนี่ย เราอาจจะทำเป็นเพนท์ติ้งก็ได้ อย่างงานชิ้นหนึ่งของผม มันไม่ได้มีแต่การ์ตูน แต่มันมีหนังสือของมันด้วยเป็นหนังสือโลเลตูน จะคู่กัน นี่คือหนึ่งงานเป็นงานศิลปะหนึ่งอัน มันอยู่ด้วยตัวมันเองไม่ได้นะ ต้องมีสองอัน

 

“ส่วนงานอื่นที่อาจจะดูมีความทันสมัย ก็เพราะเราใช้ New Media หมายถึง สิ่งอะไรก็ได้ที่มารองรับความคิดเช่นการ์ตูนก็ได้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพนท์ติ้งอย่างเดียว บางทีเราอยู่ในโลกของศิลปะมากเกินไปมันมีแต่อารมณ์และความรู้สึก แล้วอารมณ์ความรู้มันจับต้องไม่ได้หรอก สมมุติเราบอกว่า ผมขีดเส้นว่าเหงาขึ้นมาหนึ่งเส้น ใครจะมาเข้าใจได้ แล้วถ้าเกิดเขียนเป็นคำนะว่าเหงา อันนี้ก็เริ่มรู้ขึ้นมาอีก แต่ศิลปะมันไม่ใช่ภาษาเขียน อย่างของผม ผมทำเป็นภาษาภาพ ภาษาสัญลักษณ์ที่มันสื่อออกมา คือมันคงง่ายที่จะบอกว่าเกลียดแค้นสงคราม ก็เขียนคำไปมันก็อาจทำให้เห็นได้ แต่มาเป็นศิลปะมันต้องทำอะไรให้มากกว่านั้นคิดถึงความรู้สึกอะไรก็ได้ที่มันจะเชื่อมต่อกันไปกับเรื่องราวที่เราคิด”

 

รับเอาทุกอย่างมาสร้างแนวความคิด

“ส่วนใหญ่ฟังเพลงที่เป็นดนตรีไม่ค่อยฟังเพลงที่เป็นเนื้อเพลง ก็มีเสียงกลอง เบสชัดจังหวะกระชับๆ จะฟังแทบทุกแนว แต่ก็จะมีบางอย่างที่ตรงกับเรา ช่วงนี้เราเล่นดนตรี เราก็เห็นว่าไลน์เบสแบบนี้เราชอบมาก รู้สึกว่าได้อรรรถรสมากขึ้น เดินทางบางทีก็ฟังแบบหนึ่ง ลูกทุ่งบางทีฟัง มันก็เพลินดี แต่ต้องเพลงเก่าๆ หน่อยนะ

 

“ถ้าหนังนี่ดูหมดทุกอย่าง หนังตลก หนังปัญญาอ่อน หนังตลาดก็ดู คืออย่างน้อยการที่เราดูเยอะเราดูทุกอย่างเราไม่ได้แค่ดูแล้วรู้นะ แต่ดูแล้วเรียนรู้ด้วย เรียนรู้หนังเกรดบี ทุกอันมันมีเสน่ห์ จริงๆ แล้วการที่เราไปดูในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น เราดูทุกๆ อย่างมันสามารถทำให้เราคิดงานต่างๆ ได้ด้วย อย่างถ้าเราดูหนังสือเกี่ยวกับภาพถ่ายมันก็ส่งผลมาถึงเรื่องเพ้นท์ติ้งเหมือนกัน  หรือเราอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ซึ่งจริงๆ เราไม่ต้องอ่านก็ได้ แต่เราว่าความสนใจของคนเราต้องอ่านอย่างอื่นบ้าง ต้องเอาสิ่งอื่นๆมาเชื่อมกัน

 

ผลงานมาสเตอร์พีช

“จริงๆ แล้วมันมีหลายงานที่เราทำแล้วสนุกนะ เช่นงานที่เป็นงานทดลอง เป็นแบบแปลกๆ มันเป็นเรื่องสั้นที่เราแต่งขึ้นมา มันเป็นดินแดนในฝัน มีหุ่นแขนยาวที่เดินไปทั่วโลกเลย ทุกอย่างที่ทำต้องออกมาอย่างที่เราคิดมากที่สุด แล้วก็เย็บ งานแบบนี้ที่ทำแล้วสนุก

 

“แต่ให้เลือกตอนนี้ก็คงเป็นงานหุ่นตัวใหญ่ๆ หุ่นตัวนี้ เวลาเราคิดถึงสงครามแล้วเราจะคิดถึงสงครามโลก มันเป็นเด็กที่เป็นตัวแทนของสงคราม เหมือนเป็นอนุสาวรีย์เป็นชุดเตรียมพร้อม จริงๆ แล้วมันเป็นเหมือนกับสาระของสงคราม ต้องทวนคำถามเหล่านั้นว่ามันมีจริงอยู่หรือเปล่า แล้วเราก็สร้างมันขึ้นมา เป็นตัวแทนของสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งจัดแสดงที่หอศิลป์กรุงเทพมหานคร ตอนนี้หุ่นตัวนี้ก็ยังอยู่

 

“เริ่มต้นเลยเราต้องสเก็ตช์ขึ้นมาแล้วก็ศึกษาหาโครงสร้าง แล้วก็ทำโมเดลขึ้นมา เราไม่ได้ปั้นเอง มีทีมงานปั้น งานศิลปะเราใช้ครีเอทีฟของเรามากกว่า ถ้าเราทำทุกสิ่งทุกอย่าง ชิ้นหนึ่งก็คงเป็นปี กว่าจะได้ออกมาสักงาน คือความคิดมันไปไว มันไปแล้ว แต่ว่าเรายังมานั่งทำอยู่ แล้วเวลาทำงานเราจะทำเร็วเพราะถ้ามันช้า ความคิดเราจะไปก่อน แล้วเราจะไม่สนุกกับงาน” 

 

มุมมองของคนกับตัวตนของเขา

“พอโตขึ้น สิ่งที่คนอื่นเห็นกับสิ่งที่เราเป็นมันคนละภาพกันเลยนะ เราเคยเห็นรุ่นพี่ของเราคนหนึ่งเท่มากเลย แต่พอเราได้รู้จัก มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เราสัมผัสมันจะต่างกัน เหมือนกับที่คนอื่นมองเราเขาอาจคาดหวังเราสูงมาก ซึ่งเราว่าธรรมดา แต่พวกเขาอาจรู้สึกอีกสเตปหนึ่งก็ได้ว่าความคิดพี่เขาเท่ ถ้าอย่างนี้ผมว่าดีกว่ามีเนื้อหามีสาระกว่าภายนอกนะ

 

“เนื่องจากงานศิลปะมีหลายแบบ อย่างกราฟิกหรือดีไซน์ก็มี เป็นแนวศิลปะที่ผู้ใหญ่เข้าใจ กลุ่มที่นักศึกษาเข้าใจ หรือประชาชนเข้าใจ มันมีหลายกลุ่ม คนที่เขาชอบอันไหนเขาจะสัมผัสอันนั้นง่ายกว่า เพราะฉะนั้นบางคนก็เรียกเราเด็กแนว บางคนเรียกเราอาจารย์บ้าง บางคนก็เรียกคนแก่บ้าง ก็ว่ากันไป”

 

เวลาของการทำงาน

“จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเบื่อ คือการที่ทำอะไรหลายๆ อย่างมันช่วยอย่างหนึ่งคือไม่ทำให้เราเบื่อ สมมุติว่าถ้าเราทำงานเพ้นท์ติ้งอย่างเดียว เชื่อได้เลยว่าเราเบื่อ พอเราเบื่อก็จะไปดูหนังหรือเที่ยวต่างจังหวัด แต่เป็นเพราะว่าเราทำหลายอย่าง ระหว่างที่เราทำสิ่งหนึ่งมันจะโยงเราไปหาอีกสิ่งหนึ่งเสมอเลยไม่เบื่อ สมมุติว่าวันนี้เล่นดนตรี ในใจก็จะคิดว่าอยากวาดรูป 
ในขณะที่อยากวาดรูปเราก็อยากไปเล่นดนตรี ในขณะที่เราทำเป็นก้อนหลายๆ ก้อน มันเลยยากที่จะเบื่อ คล้ายกับว่าเราไม่ได้ทำให้มันอิ่มไปก่อน อย่างวันนี้เราจะไปเจอเพื่อนๆ ถ้าเรากินข้าวอิ่มเลยก็ไม่ได้ มันต้องมีความหิวอยู่บ้าง อย่ากินให้อิ่มกิน ให้เหลือความอยากบ้าง

 

“เวลาของการทำงานศิลปะมันเป็นเรื่องของตัวเราเอง แต่การทำงานกับคนข้างนอกอย่างการออกแบบปกหนังสือ มีภาพประกอบงานที่มีโจทย์มีข้อบังคับมีกฏ เรามีความรู้สึกว่าอยากออกจากกฎเกณฑ์ แต่เวลาที่ทำงานศิลปะมากๆ กลับรู้สึกฟรีเกินไป ฉะนั้นงานที่มันมีกฏเกณฑ์ก็จะช่วยบีบให้เราอยากมาอยู่ในกรอบ ต้องโยงสลับไปสลับมาเรื่อยๆ แล้วมันดีมากเลย ทำให้เราทำอะไรหลายๆ อย่างได้ครับ”

ศิลปินที่ทำงานศิลปะล้วนแล้วแต่มีสไตล์