“Final Destination Bloodlines” เพราะความตายสืบทอดทางสายเลือด พูดคุยกับ อดัม บี. สไตน์ และ แซ็ค ลิพอฟสกี สองผู้กำกับสุดแนวผู้มอบลมหายใจใหม่ให้แฟรนไชส์

“Final Destination Bloodlines” เพราะความตายสืบทอดทางสายเลือด พูดคุยกับ อดัม บี. สไตน์ และ แซ็ค ลิพอฟสกี สองผู้กำกับสุดแนวผู้มอบลมหายใจใหม่ให้แฟรนไชส์

ผลงานใหม่จากแฟรนไชส์เลือดสาดที่สร้างความสำเร็จให้ นิวไลน์ ซีเนม่า จะพาผู้ชมย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นของการพลิกลำดับความตายในเรื่อง “Final Destination Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย”

เหตุการณ์ความรุนแรงได้กลับมาสร้างฝันร้ายขึ้นอีกครั้ง สเตฟานี นักศึกษาวิทยาลัย หวนคืนสู่บ้านเพื่อตามหาคนหนึ่งที่อาจเป็นผู้ทำลายวงจรและช่วยครอบครัวของเธอจากการตายอันน่าสยองที่เฝ้ารอทุกคนอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

ภาพยนตร์เรื่อง “Final Destination Bloodlines” นำแสดงโดย แคทลิน แซนต้า ฮวนนา,ทิโอ บริโอนส์, ริชาร์ด ฮาร์มอน, โอเว่น แพทริค จอยเนอร์, รยา คิลสเตดท์, แอนนา ลอร์ พร้อมด้วย เบร็ค แบสซิงเจอร์ และ โทนี่ ทอดด์

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย อดัม บี. สไตน์ และ แซ็ค ลิพอฟสกี บทภาพยนตร์โดย กาย บูซิก และ ลอรี เอแวนส์ เทย์เลอร์  และเรื่องราวโดย จอน วัตต์,กาย บูซิก  และ ลอรี เอแวนส์ เทย์เลอร์ สร้างจากตัวละครที่สร้างโดย เจฟฟรีย์ เรดดิค

“Final Destination Bloodlines” อำนวยการสร้างโดยเครก เพอร์รี่, ชีล่า ฮานาฮาน เทย์เลอร์, จอน วัตต์, ไดแอนน์ แม็กกูนิเกิล และโทบี้ เอ็มเมอริช ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ เดวิด ซีเกล, วอร์เรน ไซด์, พีท เชียพเพตต้า, แอนดรูว์ แลรี่ และ แอนโทนี่ ทิตตาเนโกร

ทีมงานเบื้องหลังผู้มากความสามารถ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ คริสเตียน เซบอลด์ ผู้ออกแบบงานสร้าง ราเชล โอทูล ภาพยนตร์เรื่องนี้ตัดต่อโดย ซาบรินา ปิเตร ประพันธ์ดนตรีโดย ทิม วินน์ และผู้ดูแลด้านดนตรีคือ แอนเดรีย วอน ฟอร์สเตอร์ ผู้ดูแลวิชวลเอฟเฟกต์คือ นอร์ดิน ราฮาลี เครื่องแต่งกายโดย มิเชล ฮันเตอร์ คัดเลือกนักแสดงโดย ริช เดเลีย และ ทิฟฟานี่ มัค

 

มาร่วมงานในเรื่อง Final Destination ได้อย่างไร

แซ็ค ลิพอฟสกี : อดัมกับผมได้มาร่วมงานตอนที่ได้ยินว่าจะสร้างตอนต่อไป เรื่อง Final Destination Bloodlines ยังไม่มีรูปร่างเลยตอนนั้น ตอนที่ได้ยินพวกเขาจะนำกลับมาสร้างใหม่ในรูปแบบที่แปลกใหมสำหรับสมัยนี้ แต่ต้องมีตัวละครที่สร้างความตื่นเต้นและเรียกความสนใจมากขึ้น เราอยู่ในขั้นตอนของการสร้างพลังในฐานะที่เราเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่ควรทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาได้

อดัม บี. สไตน์ : ผู้อำนวยการสร้างฯ จอน วัตต์มาพร้อมกับเนื้อเรื่องสำหรับหนังเรื่องนี้ที่อิงจากบรรยากาศครอบครัว สายเลือด เมื่อความตายไล่ล่าตามสายใยครอบครัว เราคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีสำหรับแฟรนไชส์เรื่องนี้ มันดูมีความเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้นและสะเทือนอารมณ์เมื่อมีการติดตามครอบครัวที่หลีกหนีความตาย หนังเรื่องอื่นจะเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มคนแปลกหน้าที่พยายามหนีความตาย แต่ครอบครัวนี้พยายามหาทางรอดร่วมกัน เป็นเรื่องที่รู้สึกใกล้ตัวมากขึ้น สะเทือนอารมณ์ และมีความเป็นส่วนตัว... เรารู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียนั้น

สิ่งที่พวกเขารักในแฟรนไชส์

อดัม บี. สไตน์ : เรื่อง Final Destination ทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นกังวลอย่างที่เคยได้สัมผัสกัน ทุกคนล้วนเกิดความคิดว่า “ถ้าฉันเดินไปกลางถนนแล้วมีอะไรหล่นมาจากรถบรรทุกตัดหัวฉันขึ้นมาล่ะ?”

แซ็ค ลิพอฟสกี : [หัวเราะ] โอ้ ไม่หรอก… มันจะไม่เป็นแบบนั้น!

อดัม บี. สไตน์ : ทุกคนมีความกังวลเรื่องแบบนั้นตลอดการใช้ชีวิตประจำวัน แต่มันเข้าถึงความกลัวของเราตรงนี้  “หากมันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ? ถ้าความกังวลเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริงล่ะ?” ส่วนอื่นคือผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจความคิดเรื่องชะตาชีวิต เราจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตหรือชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดไว้ได้หรือไม่? เรื่อง Final Destination สร้างความหลอนในระดับที่ทุกคนเข้าถึงได้ สิ่งอื่นที่เราคิดว่าทำให้เรื่อง Final Destination ความพิเศษของแฟรนไชส์สยองขวัญคือการที่ไม่มีผู้ร้ายแบบเป็นตัวตน

แซ็ค ลิพอฟสกี : ไม่มีใครถือมีดมาเลย

อดัม บี. สไตน์ : ไม่มีสัตว์ประหลาดที่มาตามไล่ล่าพวกเขา ไม่มีกริม รีปเปอร์สวมฮู้ด ล้วนเป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่สร้างผลกระทบแบบต่อกัน มีแต่ทฤษฎีไร้แบบแผนที่คนเหล่านี้ต้องถูกฆ่าตาย และวิธีฉลาดที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีเอกลักษณ์และความสนุก

ความสนุกของเรื่อง Final Destination

อดัม บี. สไตน์ : ความสนุกของเรื่อง Final Destination อยู่ที่ทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นำไปสู่ความตายได้ ซึ่งเป็นศิลปะพื้นฐานของการสร้างภาพยนตร์ โดยการปูทางสร้างเรื่องราวนั้นแหละที่คือตัวการร้ายที่มาไล่ล่าพวกเขา มีการใส่รายละเอียดที่ทำให้เกิดการตอบสนองอย่างเป็นลูกโซ่ การสร้างโลกใบนั้น การนำมาอยู่บนหน้าจอ การนำมาตัดต่อให้ดูอันตรายเป็นเรื่องที่สนุกมาก

แซ็ค ลิพอฟสกี : มันมีความท้าทายมาก เพราะผู้ชมมีส่วนร่วมในหนัง Final Destination ทุกภาค คุณนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... แต่เราก็ได้เซอร์ไพรส์กับมันด้วย ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์นับว่ามีความท้าทายมาก เพราะ..

อดัม บี. สไตน์ : เตือนว่ามีการสปอยล์ ทุกคนตายกันหมดเลย

แซ็ค ลิพอฟสกี : และทุกคนรู้ว่าต้องตายกันหมด ทุกคนรู้ว่าฉากนี้จะต้องมีคนตาย นั่นคือความท้าทายของผู้สร้างฯ ที่ต้องทำให้ดูเดาทางไม่ถูก และสำหรับเรามันมีความสนุกตรงที่การเพิ่มภาพถ่ายมุมใกล้ นำกล้องเข้าไปใกล้วัตถุที่ทำให้คุณคิดว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในการลำดับภาพและการถ่ายภาพยนตร์ที่ทำให้เราเกิดความสร้างสรรค์ ทำให้ผู้ชมสนุกกับประสบการณ์ที่ได้จากหนังเรื่องนี้

ความตายมี “สูตร

แซ็ค ลิพอฟสกี : เมื่อเรามองย้อนไปหาหนังเรื่อง Final Destination ทุกภาค จะรู้ว่ามันมีฉากการตายที่ต่างรูปแบบกันไป มีบางครั้งที่ดูระมัดระวังมาก เรารู้ว่ามีคนกำลังจะตาย และในฐานะผู้ชมก็รู้ว่าพวกเขาจะต้องตาย แต่พวกเขาไม่รู้ จากนั้นยังมีคนอื่นที่รู้ด้วยว่าพวกเขากำลังจะตาย

อดัม บี. สไตน์ : แต่พวกเขาติดกับไปแล้ว มันเลยอยู่ที่พวกเขาจะหนีออกจากสถานการณ์นี้อย่างไร เมื่อพบว่าตัวเองติดกับดักและเห็นว่าความตายกำลังมาเยือน

แซ็ค ลิพอฟสกี : หรือมีหลายครั้งที่พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ผู้ชมเองก็ไม่รู้ รถบรรทุกโผล่ออกมากะทันหันและกวาดพวกเขาไปเลย นั่นคือวิธีต่างๆ จากหนังภาคก่อนๆ ที่สร้างฉากเหล่านั้นเอาไว้ จะเห็นว่าความตายเปลี่ยนรูปแบบได้ เราอยากแน่ใจว่าไม่ใช่แค่การเคารพในรูปแบบที่มีความแตกต่างจากภาคก่อนจนเกิดเป็นแฟรนไชส์เรื่องนี้ แต่ต้องมีฉากการตายที่แปลกใหม่อย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย

อดัม บี. สไตน์ : เราอยากลองเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมตลอด เพราะพวกเขาคิดว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้น หรือจะต้องมีคนตายแน่ๆ มันเป็นเรื่องสนุกทุกครั้งที่สร้างความเซอร์ไพรส์ได้ เราอยากจูงพวกเขาไปอีกทาน จากนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่พวกเขาไม่ทันคาดคิด

สไตล์การกำกับฯ

อดัม บี. สไตน์ : พวกเรากำกับฯ จากมุมมองของผู้ชมเสมอ เราอยากให้ผู้ชมรู้สึกอย่างไรในช่วงเวลานี้? จากนั้นจะใช้อุปกรณ์สร้างภาพยนตร์ที่เราคิดว่าช่วยสร้างความรู้สึกนั้นให้ผู้ชมได้ ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ว่าตัวละครนั้นรู้สึกอย่างไร หรือช่วงนั้นพวกเขารู้สึกแบบนั้น เราจะลองใช้เทคนิคของกล้องทุกแบบ ทุกซาวด์เอ็ฟเฟ็กต์ที่คิดว่าจะเข้าถึงความรู้สึกคุณ ทำให้กลัวหรือมีส่วนร่วม หรือสัมผัสช่วงเวลานั้นได้ เราจะใช้อุปกรณ์ทุกอย่างเพื่อเพิ่มความรู้สึกนั้น

แซ็ค ลิพอฟสกี : เรารักหนังที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับความรู้สึกทุกแบบในเวลาเดียวกัน มีทั้งการแคร์ตัวละคร ร้องไห้ไปพร้อมกับตัวละคร แต่ก็มีความตื่นเต้นแบบเกาะติดขอบเบาะด้วย... จากนั้นได้หัวเราะด้วย เรารักทุกความรู้สึกที่ตื่นเต้น และการพยายามสร้างประสบการณ์ในการดูหนังหลากหลายแบบคือสิ่งที่เรารักจะทำ

ความตื่นเต้นของการสร้างหนังเรื่อง Final Destination

แซ็ค ลิพอฟสกี : ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างหนึ่งในการสร้างฯ เรื่อง Final Destination คือด้วยความที่มันเป็นเรื่อง Final Destination คุณได้มีส่วนร่วมในแฟรนไชส์เรื่องนี้ ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ที่อยู่ในสังคมเรามายาวนานตั้งแต่ 25 ปีก่อน จนแทรกซึมสู่ชีวิตประจำวัน เวลาที่เกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขาจะพูดว่า “นี่มันเหมือน Final Destination เลย” มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในสังคมสำหรับทุกคนที่รักหนัง และสามารถเข้าถึงโลกใบนั้นได้ กลายสร้างประสบการณ์นั้นในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์คือเรื่องตื่นเต้นมาก ไม่ใช่แค่การอยากให้เกียรติทุกสิ่งที่เคยมีมาก่อนในหนังเรื่องนี้ แต่เรายังอยากผลักดันไปสู่จุดที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ นันคือความท้าทายที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง

อดัม บี. สไตน์ : ความตื่นเต้นอย่างหนึ่งในการสร้าง Final Destination Bloodlines คือเอ็ฟเฟ็กต์และฉากผาดโผนจริงที่เราต้องถ่ายทำกัน ทีมงาน โปรดิวเซอร์ สตูดิโอต่างตื่นเต้นที่จะถ่ายทำจริงในหนังให้ได้มากที่สุด “ต่อหน้าเรา” เท่าที่จะทำได้ เราเลยสร้างร้านอาหารขนาดใหญ่ขึ้นมา… แล้วก็ระเบิดมันกระจุย 

แซ็ค ลิพอฟสกี : สร้างกระท่อมในป่าขึ้นมาหลังหนึ่ง จากนั้นก็พังมันเช่นกัน

อดัม บี. สไตน์ : เราพังข้าวของหลายอย่าง ซึ่งเวลาเราทำหน้าที่ผู้สร้างภาพยนตร์ มันคือเรื่องสนุกที่ทำอะไรแบบนั้นได้ ทีมงานที่เราร่วมงานด้วยก็ถนัดในเรื่องแบบนั้น ทีมงานเก่งเรื่องการสร้างฉากผาดโผนหลุดโลกและเอ็ฟเฟ็ก์ที่เรานึกภาพการนำไปใส่ในหนังเรื่องนี้ให้ดูมีชีวิตขึ้นมาได้

การสร้างเอ็ฟเฟ็กต์จริง

แซ็ค ลิพอฟสกี : เรารักการสร้างหนังที่ทำให้คุณเชื่อในสิ่งที่เห็นบนหน้าจอได้อย่างสนิทใจ คุณคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่คือเรื่องที่เกิดขึ้น คุณถึงขั้นนั่งติดขอบเบาะ บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นคือ CGI และมันดูเหนือจริงกว่าสิ่งที่เป็นไปได้ สมองของคุณจะสั่งการทันทีว่า  “สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ไม่ใช่ของจริงสักหน่อย” และคุณอาจจะไม่อินกับมันเท่าที่ควร เป้าหมายของเราคือการพาผู้ชมไปสัมผัสประสบการณ์นั้นให้ได้เยอะที่สุด ทางหนึ่งที่เราจะสร้างประสบการณ์นั้นได้คือการจับต้องได้จริง จากนั้นอาศัยวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์เพิ่มประสบการณ์ เมื่อใดที่วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์สามารถจับต้องได้จริง คุณจะรู้สึกว่ามันมีความกลมกลืนกับสิ่งที่ปกตินักแสดงจะไม่สามารถทำได้ เช่น บดขยี้พวกเขา สุมไฟใส่พวกเขา หรือฉีกร่างกายพวกเขาเป็นชิ้นๆ แต่มันดูสมจริงจนเราไม่อยากเชื่อว่ามันไม่ใช่เรืองจริง มันคือระดับที่เราพยายามเข้าให้ถึง ผู้สร้างฯ คนหนึ่งที่เรารักคือกุยเยอร์โม เดล โตโร ทั้งผลงานที่เขาสร้างและทุกสิ่งที่เขาทำขึ้นมา เขาสร้างผลงานที่จับต้องได้จริงไว้หลายส่วน จากนั้นวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์คือตัวช่วยให้ก้าวสู่ขั้นต่อไป เรารักการการผสมผสานนั้น เวลาที่ผู้ชมไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง จนพวกเขาคิดว่าความน่ากลัวนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 

แฟนๆ ต่างเรียกร้องความตายบนหน้าจอ

อดัม บี. สไตน์ : สิ่งหนึ่งที่ผมไม่คาดคิดเอาไว้ตอนเราต้องมาทำงานเรื่องนี้ คือทุกคนส่งข้อความมาหาเราและขอให้ฆ่าพวกเขาในหนัง 

แซ็ค ลิพอฟสกี : ผู้คนนับแสนคน ในทุกวันบอกว่า  “ได้โปรด ขอฉันตายได้มั้ย? ให้ฉันตายได้มั้ย?”

อดัม บี. สไตน์ : มันคือสัญญาณบ่งบอกว่าผู้คนหลงใหลกับเรื่อง Final Destination มากแค่ไหน และผมคิดว่านั่นเป็นเพราะความสนุกของภาพยนตร์ ยังมีหนังแฟรนไชส์สยองขวัญที่มีความเข้มข้นและดูเยือกเย็น สร้างความสะเทือนใจตลอดการรับชมได้ แต่เรื่อง Final Destination จะทำให้เราเกิดความกังวลจนติดขอบเบาะ เฝ้าดูพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เราอธิบายถึงความรู้สึกทั้งหมดที่อยากสร้างขึ้นมา... ผู้ชมดูหนังผ่านนิ้วมืดที่ปิดตาเอาไว้ มีรอยยิ้มบนใบหน้า นั่นคือประสบการณ์ที่จะพบเจอ คุณจะอยากสัมผัสมันครั้งแล้วครั้งอีก ผมคิดว่าสุดยอดแฟนของเรื่อง Final Destination และพวกเราสร้างขึ้นมาในแบบของตัวเอง ทุกคนพากันคิดถึงความตายฉากต่อไป “ฉันสงสัยว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรต่อ? ฉันสงสัยว่าการตายจะมาเยือนตัวละครเหล่านี้รูปแบบไหน?” 

แซ็ค ลิพอฟสกี : ผมคิดว่ามีบางสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่อง Final Destination ที่สุดท้ายเราก็นึกถึงความตาย จำนนต่อโชคชะตา พวกเขาควรจะตายแต่กลับไม่ตาย และตอนนี้ความตายก็กำลังมาเยือนพวกเขา มีหลายตัวละครที่เราไม่ชอบเพราะทำตัวงี่เง่า และมีหลายตัวละครที่เราชอบ เราเอาใจช่วยพวกเขา แต่สุดท้ายเราก็ต้องเผชิญกับความตาย ทุกคนรู้ว่าชีวิตเราเองหลีกหนีความตายไม่ได้ ผมคิดว่านี่คือการระบายความรู้สึกนั้นอย่างหนึ่งระหว่างดูหนังเหล่านี้ จนเกิดแฟนๆ ขึ้นมาเพราะเป็นเรื่องที่เราทุกคนเข้าใจได้

แซ็ค ลิพอฟสกี : เราไม่ได้เล่นกับคนที่โผล่ออกมาจากม่านพร้อมกับหมวกฮอกกี้ เราไม่ได้เล่นกับพวกสัตว์ประหลาดและสิ่งที่พบเจอได้ในชีวิตจริง แต่เรากำลังเล่นกับมฤตยูและโชคชะตา พยายามหลีกหนีมันให้ได้… แต่มันก็ตามเราเจอเสมอ จนกลายเป็นความคิดที่คนทั่วโลกสามารถเข้าใจได้ไม่ต่างกับเรา มันเหมือนความฝันที่ได้เล่นในจักรวาลนี้

สิ่งที่สืบทอดกันมาของเรื่อง Final Destination

อดัม บี. สไตน์ : ความประหลาดของเรื่อง Final Destination คือภาคแรกฉายเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ภาคล่าสุดคือเมื่อ 14 ปีก่อน มันห่างหายมาพักใหญ่แล้ว แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าวัยรุ่นสมัยนี้จะรู้จักมันดี มีหลายวีดีโอที่รวมการตายของ Final Destination ทั้งหมดเอาไว้ จัดอันดับสุดยอดการตายหรือวิธีโกงความตายด้วย

แซ็ค ลิพอฟสกี : และยังมีวีดีโอที่โพสต์เกี่ยวกับชีวิตจริงว่า “ดูสิเกิดอะไรขึ้น นี่..."

อดัม บี. สไตน์ : “…คือช่วงเวลา Final Destination ในชีวิตของจริง” มันอยู่การพูดคุยทั่วไป แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปีนับจากหนังภาคสุดท้ายแล้วก็ตาม ทุกคนที่เกิดไม่ทันหนังภาคแรกสามารถเข้าใจแฟรนไชส์เรื่องนี้ได้จากคอนเทน์บนโลกออนไลน์ทั้งทั้งหลาย มันน่าตื่นเต้นมากสำหรับการสร้างหนังเรื่องนี้สำหรับพวกเขา

แซ็ค ลิพอฟสกี : มีหลายคนที่เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปตอกย้ำ

ทีมนักแสดง

แซ็ค ลิพอฟสกี : ทีมนักแสดงในเรื่องนี้มีความโดดเด่นมาก เวลาที่เราดูหนังเรื่องอื่น มีวัยรุ่น 6-7 คนพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายและต้องพากันตายไปทีละคน ซึ่งฟังแล้วก็สนุกดี แต่หนังเรื่องนี้เรามีครอบครัวใหญ่ มีตัวละครที่อายุ 16 ปีไปจนถึง 70 ตอนปลาย ทุกคนมาอยู่ด้วยกัน ต้องหาทางรอดจากความตายที่มาไล่ล่าพวกเขา ความสนุกคือกการได้เห็นพลังของคนที่มีอายุต่างกัน  ทุกคนถูกกำหนดมาเพื่อการตาย ทุกคนต้องร่วมมือกัน เราต้องหาทีมนักแสดงที่สามารถร่วมงานกันแบบครอบครัวได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความท้าทายมากกว่าเรื่องอื่น ไม่ใช่แค่เรืองการหานักแสดงที่สร้างความโดดเด่น เป็นกลุ่มที่ดูแล้วรู้สึกอินด้วย เราต้องเชื่อในเคมีระหว่างพวกเขาและเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาร่วมกัน

เพราะความตายมันไม่เคยอ่อนข้อให้กับใคร และมันสืบทอดทางสายเลือด “Final Destination Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย” 22 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ 4DX, MX4D และสยองเต็มจอบน IMAX เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม -  4 มิถุนายนนี้ 

 

 

“Final Destination Bloodlines - ไฟนอล เดสติเนชั่น ทายาทโกงตาย” เพราะความตายสืบทอดทางสายเลือด พูดคุยกับ อดัม บี. สไตน์ และ แซ็ค ลิพอฟสกี สองผู้กำกับสุดแนวผู้มอบลมหายใจใหม่ให้กับแฟรนไชส์โกงตายที่ทุกคนรัก