
“The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้” ถ้าหัวใจไม่ยอมแพ้ ต่อให้แตกสลายอีกกี่ครั้ง เราก็ยังเป็นเรา “เราที่มีความสุขที่สุดในโลก” 10 เมษายนนี้
“The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้” ต้อนรับซัมเมอร์ด้วยภาพยนตร์ฟีลกู๊ดที่จะทำให้ทุกหัวใจอบอุ่นและเต็มไปด้วย “ความสุข” และ “ความกล้าหาญ” ผลงานใหม่โดยสตูดิโอผู้สร้างชีวิตมหัศจรรย์ “Wonder” (2017) และ “Jesus Revolution” (2023) สู่ “The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้” เรื่องของเด็กชายวัย 13 ปีที่มีร่างกายเปราะบางมาตั้งแต่เกิด แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและพร้อมมอบพลังดีๆ ให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัว โดยหนังสร้างจากเรื่องจริงและหนังสือชื่อเดียวกันของนักเขียน “สก็อตต์ ไมเคิล เลอเรตต์” และ “ซูซี ฟลอรี”
จาก Kingdom Story Company ทีมผู้สร้าง Jesus Revolution และ The Best Christmas Pageant Ever และ Lionsgate สตูดิโอผู้สร้าง Wonder สู่ความอบอุ่นครั้งใหม่ใน “The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้” เมื่อพ่อแม่ของเขา สก็อตต์ (แสดงโดย แซคารี ลีวาย) และ เทเรซา (แสดงโดย เมแกนน์ ฟาฮี) รู้ว่าออสตินเป็นทั้งออทิสติกและโรคกระดูกเปราะ พวกเขาเริ่มแรกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกชาย แต่ด้วยศรัทธาเต็มหัวใจของสก็อตต์และพลังใจที่เหลือล้นของออสติน ร่วมกันเปลี่ยนพวกเขาให้เป็น "ผู้ที่ไม่มีวันแตกสลาย" พบกับความสุข ความอบอุ่น และความกล้าหาญที่พวกเขาใช้ฟันฝ่าช่วงเวลายากลำบากที่สุด เรื่องจริงที่น่าเหลือเชื่อของพ่อและลูกชายที่เรียนรู้เพื่อทำทุกวันให้กลายเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิต
Lionsgate เสนอ ผลงานโดย Kingdom Story Company ภาพยนตร์โดย จอน กันน์ The Unbreakable Boy นำแสดงโดย แซคารี ลีวาย, เมแกนน์ ฟาฮี, เจคอบ ลาวาล, ดรูว์ พาวเวลล์ และ แพทริเซีย ฮีตัน คัดเลือกนักแสดงโดย จิล แอนโทนี โทมัส ดนตรีโดย ปานโช บูร์โกส-โกอิซูเอตา ออกแบบเครื่องแต่งกายโดย แอนนา เรดมอน ตัดต่อโดย พาร์คเกอร์ อดัมส์ ออกแบบงานสร้างโดย คริสเตียน สเนลล์ กำกับภาพโดย คริสโตเฟอร์ ฌอน คิมลิน ผู้อำนวยการสร้างบริหารคือ โทนี ยัง, สกอตต์ เลอเรตต์, ฌอน เดเวอโรซ์, จอน กันน์ และ โมนา การ์เซีย ผลิตโดย เควิน ดาวน์ส, จอน เออร์วิน, เจริลิน เอสกีเบล, ปีเตอร์ ฟาซิเนลลี และ แอนดรูว์ เออร์วิน สร้างจากหนังสือของ สกอตต์ เลอเรตต์ ร่วมกับ ซูซี ฟลอรี ดัดแปลงบทภาพยนตร์และกำกับโดย จอน กันน์
“ผมอยากรักอะไรได้มากเท่าที่ลูกชายของผมรักทุกสิ่งรอบตัวเขา” สกอตต์ เลอเรตต์
เกี่ยวกับ The Unbreakable Boy
The Unbreakable Boy ไม่ได้เกี่ยวกับอาการออทิสติก แต่เกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับชีวิตจริง เกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับความสุข และเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่จะยอมรับโลกรอบตัวเรา ใช้รอยยิ้มเอาชนะทุกอุปสรรคที่ถาโถม ไม่ย่อท้อ ความกระตือรือร้นของเด็กชายวัย 13 ปี ซึ่งมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงผู้คนรอบข้างอย่างแท้จริง ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในชีวิตจริงเช่นกัน
สก็อตต์และเทเรซา เลอเรตต์พบกันในช่วงต้นปี 1994 จนเริ่มออกเดตกัน แต่ไม่นานหลังจากเดตครั้งที่สาม เทเรซาพบว่าเธอตั้งครรภ์ ทั้งสองตัดสินใจที่จะสานต่อความสัมพันธ์และสร้างครอบครัวในไอโอวา ออสติน ลูกชายของพวกเขาเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนปีนั้น ซึ่งทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนต่อมา แต่หลังจากออสตินเกิดได้ไม่นาน พวกเขาพบว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนป่วยโรคกระดูกเปราะ (OI) ซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ เหมือนกับที่เทเรซาเป็น ทำให้ทั้งเธอและลูกชายแรกเกิดเสี่ยงต่อการกระดูกหัก แม้จะแค่สะดุดล้มก็สามารถกลายเป็นการบาดเจ็บสาหัสได้
สองปีต่อมา พวกเขามีลูกชายคนที่สองชื่อโลแกน แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเริ่มสังเกตว่าออสตินมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถอธิบายได้ ออสตินได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก คู่รักคู่นี้ที่แทบไม่ได้รู้จักกันก่อนที่จะแต่งงาน กลับต้องมาแบกภาระอันหนักอึ้งแบบที่ยากจะคิดภาพออก
ขณะที่พวกเขาเลี้ยงดูลูกๆ ของพวกเขา สก็อตต์ที่เคยเป็นคนอารมณ์ดี กลับเริ่มใช้แอลกอฮอล์คลายปัญหาส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เขากลายเป็นคนติดเหล้าทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งเซลล์ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ จนกระทั่งถูกภรรยาของตัวเองไล่ออกจากบ้านเพราะทำให้ชีวิตของลูกๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง เขาเข้ารับการบำบัด จนได้กลับมารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวอีกครั้ง และตลอดเวลาที่ยากลำบากนั้น เขาได้แรงบันดาลใจให้เปลี่ยนตัวเอง
สก็อตต์เริ่มบันทึกชีวิตตัวเองลงไดอารีตั้งแต่ก่อนเลิกเหล้า เขียนเหตุการณ์และช่วงเวลาที่ชวนอมยิ้มที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาและครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับออสติน เพียงเพื่อเอาไว้อ่านยามต้องการที่พึ่งทางใจ “ผู้ตระหนักได้ว่าบางเรื่องค่อนข้างตลก” เขาเล่า “บางเรื่องก็สะท้อนชีวิต และบางเรื่องก็เข้าขั้นดาร์ก แต่บางเรื่องก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้” ในที่สุดเขาทำบล็อกที่ชื่อว่า “Austinistic” ซึ่งรวมเรื่องราวไว้หลายร้อยเรื่อง จนเขาตัดสินใจที่จะรวบรวมเรื่องราวเหล่านั้นตีพิมพ์เป็นหนังสือ ซึ่งเขาเขียนร่วมกับนักเขียนมากฝีมือ ซูซี ฟลอรี หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ในชื่อ The Unbreakable Boy: A Father’s Fear, a Son’s Courage, and a Story of Unconditional Love "ผมเคยบอกเทเรซาว่า ‘ผมจะเขียนหนังสือ และมันจะถูกทำเป็นรายการทีวีสักวัน’” สิ่งที่เขาพูดไว้ไม่ไกลจากความจริง
ไม่กี่ปีต่อมาในปี 2017 ขณะที่เขาเดินทางไปทำธุระที่นิวยอร์ก สก็อตต์ ซึ่งโปรดปรานการโกนหนวดด้วยมีดโกน (และมีสะสมไว้มากมาย!) แวะร้านขายยาชื่อดังเพื่อซื้อใบมีด ซึ่งมี ลีออน ทาราเซนโก เป็นเจ้าของร้าน สก็อตต์ได้มอบหนังสือให้ทาราเซนโก “ทุกครั้งที่ผมเดินทาง ผมเอาหนังสือติดตัวไปด้วยเล่มสองเล่มเสมอ” เขาเผย ทาราเซนโกถามสก็อตต์ว่าเคยคิดจะทำมันเป็นหนังบ้างไหม และแนะนำให้สก็อตต์รู้จักกับน้องเขยของเขาที่ทำงานในวงการฮอลลีวูด
คนคนนั้นคือนักแสดง-โปรดิวเซอร์ ปีเตอร์ ฟาซิเนลลี (ที่สร้างชื่อจากการรับทบท ดร. ฟิตช์ คูเปอร์ในซีรีส์ Showtime เรื่อง “Nurse Jackie”) ซึ่งอ่านหนังสือของสก็อตต์ต่อจากลีออน “ลีออนยุให้ผมอ่านอยู่นาน จนในที่สุดผมก็ใจอ่อน" ฟาซิเนลลีเล่าย้อน “ผมคิดว่า ‘ว้าว นี่เป็นเรื่องราวที่ทรงพลัง เหมาะต้องทำเป็นหนังจริงๆ’ มันเป็นเรื่องราวแสนงดงามระหว่างว่าด้วยสายใยระหว่างพ่อและลูกชาย และบทเรียนทั้งหมดที่ลูกชายของเขาสอนเขาได้รู้ว่าความรักบริสุทธิ์เป็นยังไง”) (ท้ายที่สุดฟาซิเนลลีไม่ได้แค่รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ แต่ยังรับบทรับเชิญเป็นนักเทศน์ริกด้วย)
ในที่สุดโปรเจกต์นี้ก็ถูกส่งต่อให้ฝ่ายพัฒนาโปรเจ็กต์ของ Kingdom Story Company ทางบริษัทเคยทำผลงานร่วมกับ จอห์น กันน์ ผู้กำกับ-นักเขียนบท มาก่อนหน้านี้ถึงสี่เรื่องเพราะประทับใจฝีมือ เขาถูกทาบทามมาให้กำกับโปรเจ็กต์นี้ “เมื่อผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ผมชอบที่มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาที่พ่อแม่ทุกคนต้องเผชิญ แต่เล่าผ่านมุมมองของเด็กออทิสติก” กันน์กล่าว “มันเป็นโอกาสตีแผ่ชีวิตของเด็กออทิสติก และการเลี้ยงเขาให้เติบโต” และเขารู้ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนจะอินกับธีมของเรื่อง ไม่ว่าลูกของพวกเขาจะพิการหรือไม่ก็ตาม “พ่อแม่ทุกคนกลัวว่าตัวเองจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ แต่สำหรับเรื่องนี้ เราเล่ามันออกมาด้วยอารมณ์ขัน แต่ในขณะเดียวกับถ่ายทอดความเจ็บปวดที่พ่อแม่ทุกคนต้องเจอ ทั้งสองคนต้องยอมรับความจริงที่ว่าพวกเขาแทบไม่รู้จักกันเลยก่อนแต่งงาน แถมยังไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูเด็กพิเศษแบบออสตินได้ยังไง”
มันมีวิธีที่จะเล่าเรื่องราวของครอบครัวเลอเรตต์ออกมาโดยมอบพลังบวกให้ผู้ชม มองโลกในแง่ดีเหมือนที่ครอบครัวเลอเรตต์เป็น “เมื่อย้อนกลับดูการเดินทางของครอบครัวเลอเรตต์” กันน์กล่าว “มันเหมือนว่าพวกเขาต้องผ่านความเจ็บปวดและอุปสรรคมากมาย แต่ผมสัมผัสได้ว่าพวกเขามองโลกในแง่ดีเสมอ และผมอยากให้หนังเรื่องนี้ให้มอบพลังบวก ความหวัง และความเบาสมอง เพราะทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา เมื่อมองย้อนกลับไป มักจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนหัวเราะได้เสมอ ดังนั้นสำหรับผมแล้ว มันคือการพาผู้ชมผ่านอุปสรรคขวากหนามที่พวกเขาเจอด้วยการใช้อารมณ์ขันนำทาง”
ในฐานะผู้ที่ต้องดัดแปลงหนังสือของสก็อตต์ให้เป็นบทภาพยนตร์ ทักษะการเล่าเรื่องของกันน์เป็นเหมือนพรจากพระเจ้า ฟาซิเนลลีกล่าว “ครั้งแรกที่เราลองมันซับซ้อนมาก ครอบครัวนึงต้องผ่านอะไรมากมาย ผมนึกไม่ออกว่าจะเล่าเรื่องนี้ยังไง แต่พอเราได้นั่งคุยกับจอน เขามีภาพที่ต้องการถ่ายทอดชัดเจน” สก็อตต์กล่าวเสริม “หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยเนื้อหาหลายบท สลับไปสลับมา หนังใช้วิธีนั้นไม่ได้”
เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มอาการออทิสติกได้รับการนำเสนออย่างถูกต้องและให้เกียรติ ทีมงานได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยม นั่นคือ สเตซี เวดดิงตัน ที่ปรึกษาด้านออทิสติกจาก Autism Oklahoma ซึ่งอเล็กซ์ ลูกชายออทิสติกของเธอเองก็มาร่วมแสดงเป็นตัวประกอบในหนังด้วย “ออทิสติกในแต่ละคนไม่เหมือนกัน” เธออธิบาย “สิ่งที่เราต้องจำคือ เราไม่ได้เล่าเรื่องราวออทิสติกของใคร แต่เป็นเรื่องราวของออสติน มีลักษณะทั่วไปที่ปรากฏในหนัง ซึ่งคนที่มีความรู้เรื่องออทิสติกจะจำได้และรู้สึกเชื่อมโยงได้ ทั้งความท้าทายและความสุขของการมีลูกออทิสติก”
ความสุขอยู่ตรงหน้า ขอแค่เรามองเห็นมัน เตรียมเปิดรับพลังบวกที่จะเติมเต็มทุกหัวใจให้กล้าแกร่งใน “The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้” 10 เมษายนนี้ เฉพาะที่โรงภาพยนตร์ในเครือ “SF Cinema” และ “House สามย่าน”