ย้อนรอยความเดือด “มาร์ติน แคมป์เบลล์” เจ้าพ่อผู้สร้าง “แดเนียล เครก” ให้เป็นตำนาน 007 สู่การปั้น “เดซี ริดลีย์” ใน “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก”

ย้อนรอยความเดือด “มาร์ติน แคมป์เบลล์” เจ้าพ่อผู้สร้าง “แดเนียล เครก” ให้เป็นตำนาน 007 สู่การปั้น “เดซี ริดลีย์” ใน “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก”

“มาร์ติน แคมป์เบลล์” ถือเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์สายแอ็กชันที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก จากผลงานที่สร้างความโดดเด่นและมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง James Bond” ที่เขากำกับสองภาคก็ล้วนได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมมากมาย

แคมป์เบลล์เริ่มต้นด้วยการกำกับกับซีรีส์แอ็กชันตำรวจอังกฤษเรื่อง The Professionals” (1978-1980) ตามด้วยซีรีส์ยอดนิยมของ BBC อย่าง “Shoestring” (1980) และ Minder” (1980) เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับชั้นนำของอังกฤษ และได้กำกับมินิซีรีส์ความยาว 6 ชั่วโมงเรื่อง “Edge of Darkness” (1985) ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัล BAFTA ไปถึง 6 สาขา

ส่วนผลงานภาพยนตร์เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1988 เรื่อง Criminal Law” และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องจนเมื่อปี 1995 แคมป์เบลล์แท็กทีมกับ “เพียร์ซ บรอสแนน” คืนชีวิตให้สายลับระดับตำนาน “เจมส์ บอนด์” ใน “Goldeneye” จนเขาได้รับการยกย่องว่าช่วยฟื้นฟูแฟรนไชส์นี้โดยภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 350 ล้านดอลลาร์

ปลายปี 2006 แคมป์เบลล์กลับมาชุบชีวิตให้แฟรนไชส์ “เจมส์ บอนด์” อีกครั้งด้วย Casino Royale” ที่ได้นักแสดงมากฝีมือ “แดเนียล เครก” มารับบทสายลับ 007 เป็นครั้งแรก โดยมันไม่เพียงประสบความสำเร็จด้านรายได้เท่านั้น แต่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในหนังบอนด์ที่ดีที่สุดตลอดกาล” ด้วย

นอกจากนี้ เขาก็ยังมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น Edge of Darkness” (2010)“The Foreigner” (2017)The Protégé” (2021) รวมถึงหนังแอ็กชันระทึกขวัญ Memory” (2022) ที่เป็นการรีเมกหนังเบลเยียมปี 2003 เรื่อง The Memory of a Killer” ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งด้านคำวิจารณ์และยอดสตรีมมิง

และในปีนี้ “มาร์ติน แคมป์เบลล์” คัมแบ็กสู่การกำกับภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ที่ทุกคนรอคอยใน "Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก" เตรียมส่ง “เดซี ริดลีย์” สู่ “แอ็กชันสตาร์สาวคนใหม่” หลังจากที่เคยผลักดันให้ “แดเนียล เครก” กลายเป็นตำนาน 007 มาแล้ว พร้อมพลิกคาแร็กเตอร์ของริดลีย์อย่างสิ้นเชิงจาก “เจไดสาว” สู่ “นักกอบกู้ชีวิต” ที่ต้องเสี่ยงตายเพื่อช่วยเหลือตัวประกันกว่า 300 ชีวิตรวมถึงน้องชายของเธอจากผู้ก่อการร้ายสุดคลั่งบนตึกสูงเสียดฟ้ากว่า 1,000 ฟุต

อะไรที่ดึงดูดให้คุณสนใจกำกับภาพยนตร์เรื่อง “Cleaner”

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : เพราะบทที่ “ไซมอน อัตลีย์” เขียนนั้นยอดเยี่ยมมาก ระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นหนึ่งในบทที่อ่านแล้ววางไม่ลง พอเปิดหน้าแรกรู้ตัวอีกทีก็อ่านมาถึงหน้า 95 แล้ว มันเป็นหนังระทึกขวัญไฮคอนเซปต์ที่มีหัวใจว่าด้วยเรื่องราวความผูกพันของพี่น้อง 

ไซมอนมีลูกชายที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท เขานำมันมาถ่ายทอดลงไปในตัวละคร “ไมเคิล” น้อยชายของ “โจอี้” ซึ่งรับบทโดย “เดซี ริดลีย์” ถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากการเลี้ยงดูลูกชายมาสร้างเป็นตัวละครที่มีมิติและสมจริง สิ่งที่ทำให้ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกคือเราได้ “แมตทิว ทัก” มารับบท “ไมเคิล” ซึ่งเขาเองก็มีความหลากหลายทางระบบประสาทเหมือนตัวละคร การที่ได้นักแสดงที่มีประสบการณ์ตรงมาแสดงช่วยให้การถ่ายทอดตัวละครและความสัมพันธ์กับเดซีออกมาได้อย่างน่าประทับใจ เราไม่น่าจะหาใครที่เหมาะสมกับบทไมเคิลไปกว่านี้แล้ว

ทำไมถึงเลือกให้ตัวเอกเป็นผู้หญิง

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ผมชอบตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ผมกำกับหนังที่มีผู้หญิงเป็นตัวเอกหลายเรื่อง และมักจะทำให้พวกเธอเป็นซูเปอร์ฮีโร่ จัดการกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ถูกฝึกมาอย่างดีเป็นสิบคนโดยที่เหงื่อยังไม่ตกเลย แต่ผมคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง และแน่นอนว่าอยู่ในขีดความสามารถของตัวละคร

เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ “โจอี้” ต้องพาน้องชายไปทำงานด้วยหน่อย

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : วันนั้นเธอมาทำงานสาย เพราะได้รับโทรศัพท์จากสถานดูแลที่น้องชายอยู่ว่าเขาถูกไล่ออก สาเหตุเพราะเขารู้สึกว่าสถานดูแลขโมยเงินของเขา เธอจึงต้องไปรับเขาก่อน แม้ว่าจะไปทำงานสายแล้ว ตัวเลือกเดียวของเธอคือต้องพาน้องชายไปทำงานด้วย เธอฝากเขาไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเริ่มกะตามปกติ แต่แน่นอนว่าเขาแอบหนีจากการดูแลของเจ้าหน้าที่ไปได้ และขึ้นไปบนตึกเพื่อตามหาพี่สาว แล้วเรื่องราวความมันส์ก็บังเกิด

ความสัมพันธ์ระหว่าง “โจอี้” กับ “ไมเคิล”

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปราะบางมาตั้งแต่แรก ทั้งคู่เป็นเด็กมีปัญหา เราจะเห็นมันตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องที่ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก ชัดเจนว่าพวกเขามีพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง อาจเป็นพวกขี้เมา และแม้ว่าแม่จะพยายามปกป้องลูกชาย แต่ “โจอี้” มักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมาตลอด มันเป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่เคยแตกร้าว และการที่พวกเขาผสานมันกลับมาอีกครั้ง

การทำงานกับนักแสดงในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : สำหรับผมไฮไลต์คือการได้ทำงานกับทีมนักแสดงมากฝีมือ “เดซี ริดลีย์” ไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงที่เก่ง แต่เธอยังทำงานด้วยได้ง่ายมาก เธอมอบทุกอย่างให้หนัง ไม่เพียงมีอารมณ์ขัน แต่ยังแสดงความหัวร้อนตามตัวละครออกมาได้ดี ส่วน “ทาซ สกายลาร์” เขาก็ปล่อยของเต็มที่ เขาขึ้นกล้องมาก เป็นดาวรุ่งอนาคตไกลของแท้

คุณเคยกำกับ “ไคลฟ์ โอเวน” ในเรื่อง “Beyond Borders” การได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน “Cleaner” เป็นอย่างไรบ้าง

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ผมเคยร่วมงานกับ “ไคลฟ์” มาก่อน เขาเป็นทั้งคนน่ารักและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ฝีมือของเขาพูดแทนตัวเองอยู่แล้ว แล้วที่น่าสนใจคือนอกจอเขาเป็นคนตลกมาก ทุกอย่างที่เขาทำมันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ นั่นแหละคือตัวตนของเขา

คุณชอบซีนไหนที่สุดในเรื่อง

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ซีนโปรดของผมในหนังเรื่องนี้คือซีนอารมณ์ระหว่าง “โจอี้” กับน้องชายของเธอ แม้ว่าซีนแอ็กชันจะออกมาเร้าใจ แต่สำหรับผมนั้นไม่ใช่หัวใจหลัก ความสัมพันธ์ระหว่าง “โจอี้” กับ “ไมเคิล” ต่างหากที่สำคัญ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ “ทาซ” อดีตเพื่อนรักที่หักหลังเธอ ซึ่งในที่สุดก็บีบให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาประจันหน้ากัน

การถ่ายทำในตึกสูงมีความท้าทายอย่างไร

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ส่วนใหญ่เราถ่ายทำในสตูดิโอซึ่งมีความท้าทายตรงที่เมื่อคุณอยู่บนตึก คุณต้องเห็นตึกทั้งหมดที่อยู่ตรงข้าม ต้องเห็นทุกอย่างสะท้อนในกระจก เราจึงต้องติดจอขนาดใหญ่รอบฉากเพื่อฉายภาพที่เราต้องการ แต่เราก็ถ่ายทำที่ตึกจริงด้วย มีทีมงานลงไปถ่ายในกระเช้าเช็ดกระจก เก็บภาพพื้นหลังมากมาย ซึ่งสิ่งที่ได้จากการถ่ายที่ตึกจริงๆ ผมว่ามันใช้ประโยชน์ได้เยอะ

ในแง่ของธีมและเนื้อหาของหนัง

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : มันมีความร่วมสมัย เพราะเกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นอย่างหนึ่ง อย่างในเรื่องของเราบริษัทนั้นอ้างว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเต็มที่ แต่เบื้องหลังนั้นกลับหาประโยชน์จากทุกช่องโหว่เท่าที่ทำได้ ทำตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาสร้างภาพต่อสาธารณะ

คุณคิดว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

มาร์ติน แคมป์เบลล์ : ผมคิดว่าผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ระทึกแบบไม่ให้พักหายใจ ไม่เพียงแต่ความระทึกขวัญที่ต้องจิกเบาะ น่าตื่นเต้น แต่ยังมีอารมณ์ขันแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ในขณะเดียวกันก็จริงจังมากในแง่ของโทนเรื่องมันน่าทึ่งมาก และผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ไมเคิล”, “โจอี้” และ “ทาซ” ยังน่าติดตามไม่แพ้กัน

นรกขุมนี้อยู่สูงเสียดฟ้า และ “เธอ” คือทางรอดเดียวของวินาศกรรมครั้งนี้ Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก ภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ High Concept ระห่ำเต็มข้อจากผู้กำกับ “มาร์ติน แคมป์เบลล์” (Casino Royale) นำแสดงโดย เดซี ริดลีย์” (แฟรนไชส์ Star Wars), “ทาซ สกายลาร์” (One Piece) และ “ไคลฟ์ โอเวน” (Children of Men, Sin City) มันส์เสียดฟ้า 20 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

 

 

 

ย้อนรอยความเดือด “มาร์ติน แคมป์เบลล์” เจ้าพ่อผู้สร้าง “แดเนียล เครก” ให้เป็นตำนาน 007 สู่การปั้น “เดซี ริดลีย์”  ขึ้นแท่นแอ็กชันสตาร์สาวคนใหม่ใน “Cleaner ไต่ระทึก ตึกนรก” ภาพยนตร์แอ็กชันโคตรระทึก 20 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์