Captain America: Brave New World - บทพิสูจน์ของคนเล็กไม่ธรรมดาในฐานะ Captain America ที่มาในเวย์เพลย์เซฟ | Film to Watch Short Review

Captain America: Brave New World - บทพิสูจน์ของคนเล็กไม่ธรรมดาในฐานะ Captain America ที่มาในเวย์เพลย์เซฟ | Film to Watch Short Review

Marvel Studios เปิดศักราชใหม่ด้วยผลงานภาคต่อที่แฟน ๆ จับตามองพร้อมความคาดหวังที่มีต่อตัวละคร Sam Wilson ในฐานะ Captain America กับบทพิสูจน์ถึงความคู่ควรครั้งใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง “Captain America: Brave New World กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่”

สำหรับ Captain America ภาคนี้ ถ้าดูจากตัวอย่างที่ผ่านมาก็พอเดาโทนเรื่องได้ว่า Brave New World น่าจะมาในเวย์ The Winter Soldier จากวัตถุดิบที่ทีมผู้สร้างเผยให้เห็น คือมีความทริลเลอร์การเมือง สืบสวนซับซ้อนซ่อนเร้น แอคชั่นดิบ ๆ ติดดิน ซึ่งภาพรวมที่ออกมาก็เป็นเช่นนั้น ทับซ้อนด้วยประเด็นเรื่องความคู่ควรอันเป็นหัวใจหลักของเรื่องผ่านตัวละคร Sam Wilson ในฐานะ Captain America, Thaddeus Ross ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ และ Joaquin Torres ในฐานะ Falcon ที่ต่างรู้สึกกดดันจากความคาดหวังทั้งของตัวเองและเหล่าผู้คนรอบข้าง

สำหรับความทริลเลอร์การเมือง แม้วัตถุดิบที่อยู่ในมือมันจะดีเอามาก ๆ ยกระดับจากความซ่อนเงื่อนในองค์กร สู่เกมการเมืองระดับประเทศภายใต้สถานะการที่อ่อนไหวจากแหล่งทรัพยากรใหม่ที่ใคร ๆ ต่างหมายปอง แต่กลับไม่สามารถสร้างความตึงเครียดได้อย่างเต็มที่ จากช่วงครึ่งแรกที่เซ็ตโทนมากำลังดี เริ่มซับซ้อน เริ่มตึงเครียด กำลังลุ้นระทึก แต่พอมาถึงจุดนึงที่ต้องเฉลยปุ๊ป ดันคลี่คลายง่ายดายไปนิด แถมโทนเรื่องที่ปลุกปั้นมาก็ผ่อนปรนไปอย่างน่าเสียดาย

โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Sam Wilson คู่ควรในฐานะ Captain America แล้วนะ จากเนื้อแท้ความไลฟ์โค้ชที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาตั้งแต่ The Winter Soldier ลากยาวมาในซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier เขาอาจไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งความหวังเหมือน Steve Rogers แต่ก็เฉิดฉายได้อย่างภาคภูมิในฐานะสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ เพียงแต่บทภายในเรื่องยังไม่ส่งให้ Cap คนนี้ดูมีบารมีในฐานะผู้นำทีมมากพอ อาจจะต้องให้เวลากับส่วนนี้เพิ่มเติม ขณะที่ตัวละคร Ross กลับดูโดดเด่นและทำให้เราเชื่อได้ว่านี่แหละประธานาธิบดี จากบทที่ส่งเสริมและการแสดงของ Harrison Ford

นอกจากนี้ตัวละครที่เป็นหนึ่งในคีย์แมนสำหรับแต่มีแอร์ไทม์น้อยกว่าเพื่อนอย่าง Isaiah Bradley แต่การแสดงของ Carl Lumbly กลับกินเรียบ ขายฝีมือรุ่นใหญ่ได้เฉิดฉายเทียบเคียง Harrison Ford เลยทีเดียว

สำหรับซีนแอคชั่น ความติดดินที่คาดหวังมีมาให้ดูอยู่พอสมควร เราจะได้ลีลาพะบู๊ของ Cap Sam ที่แพรวพราวคลื่นไหลแต่แฝงไปด้วยความดุดัน สกิลคอมโบโล่พร้อมปีกอย่างเท่ เพียงแต่วิชวลภาคพื้นดินที่ออกมาดันขาดความน่าตื่นตาตื่นใจไปหน่อย มันตัดต่อได้ไม่ฉึบฉับสะใจเอาเสียเลย ส่วนบทน่านฟ้าก็พอให้โคตรเท่โคตรอันตรายอยู่บ้าง

ดีตรงที่ไฟนอลแบทเทิลของเรื่องนำเสนอความตูมตามออกมาได้ระเบิดภูเขาเผากระท่อม เนื่องด้วยคู่ปรับที่ Cap Sam ต้องเจอก็คือ Red Hulk คนธรรมดาปะทะยักษ์เดือดรังสีแกรมม่า ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงดูชวนลุ้นดีครับ อาจไม่ได้หวือหวาแต่พอให้เราได้ดูเอามันส์สะใจ และจบศึกลงได้อย่างสวยงาม

ซึ่งระหว่างดูแอบรู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน จากการที่รอบสื่อจัดฉายในระบบปกติ เพราะความตูมตามของไฟนอลแบทเทิลมันเหมาะกับการดูบนจอยักษ์และฟังเสียงสะเทือนเลือนลั่นในระบบ IMAX เป็นอย่างมาก

สรุปภาพรวมของ Captain America: Brave New World นี่คืองานที่ชวนให้รู้สึกว่า Marvel Studios ที่ค่อนเพลย์เซฟกับผลงานเรื่องนี้เอามาก ๆ จากโทนเรื่องที่ควรจะลุ้นระทึกตึงเครียดได้มากกว่านี้กลางดูกลาง ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดูได้เพลิน ๆ บันเทิงดี ตามมาตรฐานของแบรนด์ Marvel ครับ

 

Captain America: Brave New World - บทพิสูจน์ของคนเล็กไม่ธรรมดาในฐานะ Captain America ที่มาในเวย์เพลย์เซฟ | Film to Watch Short Review