Daddy’s Head : Slow Burn ชวนหลอนของคนไม่ Move On ที่มาพร้อม Jump Scare เสียงโครมครามและบรรยากาศสุดอึมครึม | Film to Watch Short Review
“Daddy’s Head หัวพ่อล่อมาตาย” คือผลงานสยองขวัญที่ว่าด้วยการเสียชีวิตกระทันหันของ ‘พ่อ’ ส่งผลให้ ‘ลูกชาย’ และ ‘แม่เลี้ยง’ ต้องรับมือกับความโศกเศร้าที่ยากจะข้ามผ่าน ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ห่างเหินเป็นทุนเดิมก็ยิ่งทวีความไม่ลงรอยขึ้นไปอีกระดับ ก่อนสิ่งมีชีวิตสุดลึกลับจะปรากฏตัวหลอกหลอนครอบครัวนี้ด้วยใบหน้าที่พวกเขาคุ้นเคย
สำหรับภาพรวมของ Daddy’s Head นี่คือผลงานที่โดดเด่นเรื่องการสร้างบรรยากาศสุดอึมครึม แม้จะเป็นช่วงกลางวันแต่ก็ดูหมนหมองใช้ได้ ช่วงกลางคืนยิ่งเข้าไปใหญ่ สิ่งเหล่านี้ชวนส่งเสริมคาแรกเตอร์ดีไซน์ที่ดูผิวเผินอาจจะไม่ได้น่ากลัวมากเท่าไหร่ของเจ้า ‘Daddy’s Head’ ให้ดูไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าไว้ใจ และดูมีความอันตรายในทุกครั้งที่ปรากฏตัว
ขณะเดียวกันความอึมครึมดังกล่าวช่วยส่งเสริมดราม่าความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่าง ‘ลูกชาย’ และ ‘แม่เลี้ยง’ ให้ดูมีความน่าอึดอัดเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยพูดจากันอยู่แล้ว พอมีเจ้าหัวพ่อมาจุดชนวนปุ๊ป ความเถิดเทิดทั้งหลายก็ยิ่งประทุออกมา ฝ่ายแม่เริ่มคลั่งจนเหมือนจะขาดสติอยู่เนือง ๆ ฝ่ายลูกก็ทำตัวน่ารำคาญเหมือนไม่รู้สักทีว่านี่มันไม่ปกติจนแอบคิดว่าเมื่อไหร่น้องจะโดนดีสักทีนะ ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้พอจะเข้าใจได้บ้างว่าทำไมเหล่านักวิจารณ์เมืองนอกเขาถึงเทใจให้ Daddy’s Head กันหนักหนา เพราะมันเป็นการหยิบยกห้วงเวลาแห่งการสูญเสียที่ตัวละครต้องดีลให้ได้มาเล่าให้เวย์ชวนหัวจะปวดให้ลุ้นระทึกและดูสยองดีแท้
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ถูกนำเสนอผ่านจังหวะ Slow Burn แบบเนิบ ๆ เน้นเก็บเกี่ยวบรรยากาศอึมครึมกันแบบสุด ๆ ขณะเดียวกันก็ตัดสลับซีน Jump Scare ช็อตฟีลในรูปแบบของเสียงโครมคราม ให้ใช้การตัดต่อฉึบฉับเป็นจุดขาย แต่ก็ไม่ได้หวือหวาขั้นสุด
ส่งผลให้ Daddy’s Head ดูเป็นงานสยองขวัญที่มุ่งเน้นดราม่าเป็นหลักมากกว่า มีปมปริศนาที่ชวนติดตามและเปิดโอกาสให้เราได้ขบคิดตีความมากกว่าเฉลยให้กระจ่าง ผ่านจังหวะการเล่าที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยากแต่ยังเฟรนลี่กับคอหนังทั่วไปอยู่พอสมควร ยืนอยู่บนจุดตัดที่กำลังดี นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การได้ดูในโรงภาพยนตร์ครับ