หลังสร้างสรรค์หนึ่งในผลงานขึ้นหิ้งให้กับคอหนังทั่วโลก ‘ริดลีย์ สก็อตต์’ ผู้กำกับรุ่นเก๋าก็ได้ฤกษ์สานต่อเรื่องราวที่กลายเป็นตำนานให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบนจอยักษ์ “Gladiator II” คือผลงานภาคต่อที่หยิบยกพิมพ์เขียวจากภาคแรกมาดัดแปลง ปรับเปลี่ยนดีเทล และมุ่งไปสู่ทิศทางที่ต่างออกไป

จากเดิม Gladiator จะโฟกัสไปที่การล้างแค้นของ ‘แม็กซิมัส’ เป็นเป้าหมายหลักในการเล่าเรื่อง โดยมีการเมืองเป็นซับพล็อตที่ช่วยส่งเสริมภาพรวมของหนังให้ดูมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น สำหรับ Gladiator II แม้การล้างแค้นของ ‘ลูเซียส’ บุตรชายของ ‘ลูซิลล่า’ ยังคงมีความสำคัญในฐานะม้าศึกที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดำเนินไปข้างหน้า แต่หัวใจหลักที่แท้จริงของหนังคือเกมการเมืองที่ยกระดับการชิงอำนาจได้เข้มข้น มีลูกล่อลูกชน และสุดมันส์ไม่แพ้ฉากแอคชั่น ผ่านงานสร้างงานสุดอลังการ ไม่ว่าจะเป็นศึกสงคราม การต่อสู้ในโคลอสเซียม ตึกรามบ้านช่อง คอสตูมหน้าผม ที่เนรมิตรออกมาได้สมจริง ยิ่งใหญ่ตระการตาในแทบจะทุกซีน ยิ่งได้ดูในระบบ IMAX ที่ทั้งภาพและเสียงคือที่สุดของประสบการณ์ ยิ่งทำให้เราคนดูได้สัมผัสเทลเหล่านั้นอย่างใกล้ยิ่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าพอสมควร

‘พอล เมสคัล’ ในบท ‘ลูเซียส’ สานต่อความเท่และดุดัน ผ่านสีหน้า แววตา และน้ำเสียง ในฐานะแกลดดิเอเตอร์ได้โดดเด่นสมมง แต่สองคนที่ทำการแสดงได้น่าจดจำยิ่งกว่าคือ ‘เปโดร ปาสคาล’ ในบท ‘อะคาเซียส’ ที่องอาจสมฐานะนายพลแห่งจักรวรรดิโรมัน และ ‘เดนเซล วอชิงตัน’ ในบท ‘แมครินัส’ อดีตทาสผู้มีแต้มต่อสำคัญในเกมชิงอำนาจ ซึ่งดีไซน์คาแรกเตอร์และแสดงออกมาได้ร้ายกาจอย่างมีชั้นเชิงเกินจะคาดเดาสมความเก๋าในฐานะรุ่นใหญ่ แถมยังดึงดูดและสร้างความน่าสนใจให้กับซีนนั้น ๆ ในทุกครั้งที่ปรากฏตัว

โดยส่วนตัวสิ่งที่รู้สึกว่าน่าเสียดายคือทุกฉากของการต่อสู้ในโคลอสเซียม ไม่ใช่ว่าแอคชั่นไม่สนุกหรือทำออกมาไม่ดี อารมณ์ประมาณรู้อยู่แล้วว่าลูเซียสมันไม่แพ้หรอก เพียงแต่ความสมน้ำสมเนื้อของคู่ต่อสู้มันแอบน้อยไปหน่อย ส่งผลให้กราฟความลุ้นระทึกมันพุ่งสูงได้ไม่เท่าที่ควร นอกจากนี้คือเกมการเมืองที่ปูทางการลุกฮือของประชาชนเอาไว้แอบยิ่งใหญ่  แต่พอถึงจุดที่มันต้องปะทุ ตัวเรื่องกลับตัดฉึบไปโฟกัสจุดอื่นแทน ซึ่งถ้าเน้นไปที่ซีนเหล่านั้นเพิ่มขึ้นบ้าง อาจช่วยให้ภาพรวมของเกมการเมืองมันดูเป็นเรื่องของทุกคนและสร้างผลกระทบต่อวงกว้างต่อเรื่องราวและคนดูได้อย่างแท้จริง

ถึงอย่างนั้น ภาพรวมของ Gladiator II ก็สมมงขั้นสุดในฐานะหนังภาคต่อที่ดีงามไม่แพ้ต้นฉบับ แม้อาจยังเทียบเคียงเสมอตัวเป๊ะ ๆ แต่ในแง่ของความบันเทิง ความยิ่งใหญ่ มันคือการรอคอยกว่า 24 ปีที่คุ้มค่ามาก ตอบโจทย์ทั้งแฟนหนังและเหล่าคนดูได้อย่างแท้จริง