เบื้องหลังการสร้างจักรวาลแม่มดใน “Agatha All Along” กับโลกดาร์กแฟนตาซีจาก Marvel Television ที่ไม่เคยมีมาก่อน!
เดินทางมาแล้วเกือบครึ่งทางสำหรับซีรีส์แนวดาร์คคอเมดี้แฟนตาซี Agatha All Along จาก Marvel Television บน Disney+ Hotstar ที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟน ๆ ของแม่มดพลังม่วงตัวร้าย Agatha Harkness (รับบทโดย Kathryn Hahn) ที่สร้างฐานแฟนจากการปรากฏตัวครั้งแรกในซีรีส์ “WandaVision” โดยครั้งนี้ได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมในฐานะตัวละครหลัก กับการผจญภัยบนเส้นทางสายแม่มด พร้อมกับเด็กหนุ่มปริศนาและเหล่าแม่มดตัวจี๊ด โดยความพิเศษอย่างหนึ่งของมินิซีรีส์เรื่องนี้ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ “ความสดใหม่” ของการขยายจักรวาลแม่มดฉบับมาร์เวลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน การันตีคุณภาพด้วยคะแนนรีวิวบน Rotten Tomatoes สูงถึง 80%*
*อ้างอิง: https://www.rottentomatoes.com/tv/agatha_all_along ข้อมูล ณ วันที่ 26 กันยายน 2567
ครั้งนี้ Marvel Television ได้ตัดสินใจพลิกโฉมจักรวาลแม่มด ด้วยแนวทางดาร์กแฟนตาซีผจญภัย พร้อมเนรมิตโลกเวทมนตร์ใบใหม่สู่เมือง Westview ทว่ายังคงไม่ละทิ้งลายเซ็นฉบับมาร์เวลที่แตกต่างออกไป โดยเบื้องหลังการสร้างจักรวาลแม่มดฉบับมาร์เวลนี้ คือทีมงานระดับแนวหน้า ที่สร้างโลกของ Agatha All Along ขึ้นมาผ่านมนตราที่พาเราคืนสู่สามัญกับการทำโปรดักชันฉบับคลาสสิกแต่กลับคงเสน่ห์มนต์ขลังฉบับดั้งเดิม พร้อมให้สตรีมตอนที่ 3 ได้แล้ววันนี้บน Disney+ Hotstar เท่านั้น
เปิดตู้เสื้อผ้าเหล่าแม่มดกับการออกแบบคอสตูมให้น่าจดจำ
การออกแบบคอสตูมถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความโดดเด่นให้กับโลกแม่มดของ Agatha All Along โดย Daniel Selon ได้กลับมารับตำแหน่ง Costume designer อีกครั้งหลังจากได้ร่วมออกแบบเครื่องแต่งกายใน “WandaVision” อีกหนึ่งซีรีส์ที่โดดเด่นด้านคอสตูมจนสามารถคว้ารางวัลสาขาOutstanding Fantasy/Sci-Fi Costumes จากเวที Emmy Awards 2021 ได้ โดยครั้งนี้ได้เผชิญความท้าทายกว่าเดิมกับโจทย์ที่ว่า “เราจะสร้างตู้เสื้อผ้าของเหล่าแม่มดให้คงความแฟนตาซี ที่ต้องอิงตามยุคสมัยได้อย่างไร”
“เสื้อผ้าของเหล่าแม่มดเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะสร้างลุคที่น่าจดจำให้กับตัวละครในเรื่องได้ ซึ่งด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เน้นไปในแนวแฟนตาซี ตู้เสื้อผ้าของเหล่าตัวละครจึงต้องมีหลากหลายลุค ทั้งลุคในบ้าน และลุคออกผจญภัย ซึ่งสะท้อนความโดดเด่นให้กับเอกลักษณ์ของตัวละครที่แตกต่างกัน เช่นเสื้อคลุมของ Agatha Harkness เราได้ออกแบบให้ดูทรงพลังและชวนขนหัวลุกในขณะเดียวกัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในฐานะผู้นำกลุ่มแม่มดเร่ร่อนที่ต้องนำทีมฝ่าด่านอันตราย” Daniel Selon กล่าวเสริม
อีกหนึ่งความโดดเด่นของคอสตูมใน Agatha All Along คือเหล่าแม่มดจะต้องเปลี่ยนการแต่งกายทุกครั้งที่เผชิญแต่ละด่านของการผจญภัยในแต่ละตอนราวกับเวทมนตร์ ซึ่งการออกแบบจำเป็นต้องอิงตามห้วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านไป เรียกได้ว่าเป็นโจทย์หินของการออกแบบคอสตูม แต่ก็สร้างความแปลกใหม่ที่ตื่นตากับผู้ชมด้วยเช่นกัน
มิวสิคัลแห่งโลกเวทมนตร์ที่ยกระดับความคลาสสิกและดาร์กแฟนตาซีอย่างลงตัว
หลังจากที่เพลง ‘Agatha All Along’ ได้สร้างภาพจำที่โดดเด่นและทำนองที่ติดหูให้กับ Agatha Harkness ในฐานะเพลง Theme song ประจำตัวไปแล้วในซีรีส์ “WandaVision” ที่ติดอันดับ Top chart บน Spotifyหลังปล่อยออกมาในช่วงที่ “WandaVision” กำลังฉาย พร้อมเป็นซีรีส์แห่งปีที่คว้ารางวัลทรงเกียรติในสาขา Outstanding Original Music and Lyrics จากเวที Emmy Awards 2021 ครั้งนี้ Bobby Lopez และ Kristen Anderson-Lopez ได้กลับมาสร้างเซอไพรซ์อีกครั้งใน Agatha All Along กับการประเดิมด้วยเพลงธีมสุดคลาสสิคอย่าง “The Ballad of the Witches’ Road” ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นเพลงประกอบที่สร้างธีมหลักของเส้นทางสายแม่มดให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความโดดเด่นของซีรีส์ Agatha All Along ในฐานะมิวสิคัลแห่งโลกเวทมนตร์ของมาร์เวลอีกด้วย
การสร้างสรรค์เพลงที่ประกอบในฉากสำคัญของ Agatha All Along ไม่เพียงแต่ต้องตีความบทประพันธ์อย่างลึกซึ้งผ่านแต่ละตัวอักษรในเนื้อเพลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญเท่านั้น แต่ทำนองที่สร้างบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา อีกทั้งยังต้องคงรูปแบบของมิวสิคัล ถือเป็นความท้าทายของการแต่งเพลงประกอบของซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งในแต่ละห้วงเวลาที่เรื่องดำเนินไป Bobby Lopez และ Kristen Anderson-Lopez ยังได้ปรับแนวเพลงให้เข้ากับยุคสมัยอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ชมจะเห็นได้ว่า ในทำนองเพลงเดิมที่เล่นซ้ำอาจมีการปรับเนื้อร้องให้เข้ากับสถานการณ์ เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับความเข้มข้นของฉากสำคัญเพื่อตรึงอารมณ์คนดูได้อย่างอยู่หมัด
และอีกหนึ่งเซอร์ไพรซ์สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยและทั่วโลกคงหนีไม่พ้นบทเพลง “The Ballad of the Witches’ Road” ที่ได้นำเสนอออกมาในเวอร์ชันภาษาต่าง ๆ รวมถึงภาษาไทย โดยได้ทีมงานระดับแนวหน้าในการแปลบทเพลงให้เข้ากับบริบทของภาษาต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง แต่ยังคงเวอร์ชันต้นฉบับได้อย่างไร้ที่ติ กลายเป็นทำนองติดหูให้แฟน ๆ ต้องร้องคลอตามอย่าง “ท่องไปบนเส้นทาง สายแม่มดมืดหม่น”
จากพลังของทีมงานโปรดักชันเบื้องหลังที่ได้เนรมิตโลกแม่มดฉบับมาร์เวลของ Agatha All Along ได้ราวกับเสกเวทมนตร์ ทั้งฉากที่สมจริง คอสตูมสุดโดดเด่น และเพลงประกอบที่เปิดโลกมิวสิคัลให้กับจักรวาลมาร์เวล ได้ปิดฉากโปรดักชันของ Agatha All Along อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของมาร์เวลในการสร้างภาพจำใหม่ ๆ ที่ขยายขอบเขตของจักรวาลนี้ให้ไกลกว่าเดิม โดย Agatha All Along เปิดให้สตรีมตอนใหม่ทุกวันพฤหัสบน Disney+ Hostar ให้แฟน ๆ ได้ลุ้นกับการผจญภัยบนเส้นทางสายแม่มดกับ Agatha Harkness จนถึงด่านสุดท้ายได้แล้ววันนี้
ล่าสุด Disney+ Hotstar ได้เปิดตัวแพ็กเกจใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การสตรีมคอนเทนต์คุณภาพกับ“แพ็กเกจมาตรฐาน” ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ให้สามารถสตรีมคอนเทนต์ได้หลากหลายอุปกรณ์ ทั้งมือถือ แล็ปท็อป แท็บเล็ต และโทรทัศน์ที่รองรับได้ จำนวน 2 หน้าจอพร้อมกัน รวมถึงคุณภาพเสียงสูงสุด Dolby Atmos และคุณภาพวิดีโอสูงสุดแบบ Full HD ซึ่งแพ็กเกจมาตรฐานรายเดือนราคา 199 บาทต่อเดือน และแพ็กเกจมาตรฐานรายปี (12 เดือน) ราคา 1,590 บาทต่อปี (เฉลี่ย 133 บาทต่อเดือน)*
*เมื่อสมัครแพ็กเกจมาตรฐานรายปี (12 เดือน) ราคา 1,590 บาท เฉลี่ย 132.5 บาท/เดือน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ help.hotstar.com กำหนดให้สมัครสมาชิก ©️ 2567 ดิสนีย์และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง สงวนสิทธิ์ทุกประการ
โซเชียลมีเดีย:
Facebook: @DisneyPlusHotstarTH
Instagram: @DisneyPlusHotstarTH
TikTok: @DisneyPlusTH
Hashtag: #DisneyPlusHotstarTH #AgathaAllAlong