เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ เอาชนะความกลัวจากรุ่นสู่รุ่น!! ครอบครัวดีทซ์ 3 เจน พร้อมปะทะเจ้าผีขี้จุ้ยจอมเจ้าเล่ห์ใน “BEETLEJUICE BEETLEJUICE”

เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ เอาชนะความกลัวจากรุ่นสู่รุ่น!! ครอบครัวดีทซ์ 3 เจน พร้อมปะทะเจ้าผีขี้จุ้ยจอมเจ้าเล่ห์ใน “BEETLEJUICE BEETLEJUICE”

“บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์” เรียกชื่อ 3 ครั้งแล้วมันจะออกมา!! นี่คือผลงานภาคต่อที่แฟน ๆ ต่างรอคอยมากว่า 36 ปี พร้อมคืนชีพอีกครั้งโดยผู้ให้กำเนิดอย่าง ‘ทิม เบอร์ตัน’ แท็กทีมครอบครัวดีทซ์เจนเก่า วิโนนา ไรเดอร์ ในบท ลิเดีย ดีทซ์ และ แคทเธอรีน โอ’ฮารา ในบท เดเลีย ดีทซ์ ร่วมด้วนักแสดงเจนใหม่ เจนนา ออร์เทกา ในบท แอสทริด ดีทซ์ กับบทสัมภาษณ์อุ่นเครื่อง เตรียมความพร้อมก่อนเผชิญหน้า ‘บีเทิลจู๊ดส์’ เจ้าผีขี้จุ้ยจอมเจ้าเล่ห์เป็นครั้งที่ 2 ใน “Beetlejuice Beetlejuice บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์” 

คำถาม: คุณจำครั้งแรกที่คุณดูหนังภาคแรกได้ไหม

เจนนา ออร์เทกา: ฉันไม่น่าจะจำครั้งแรกที่ดูได้ค่ะ แต่มันเป็นสิ่งที่คอยสอดแทรกอยู่ในชีวิตวัยเด็กของหลายๆ คน ฉันจำได้ว่า...ตอนเด็กๆ ฉันก็กลัวทุกอย่างนั่นแหละ และฉันก็มักจะฝันร้ายถึงบีเทิลจู๊ดส์อยู่บ่อยๆ ฝันว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาน่ะค่ะ ตอนนั้นฉันนอนเตียงสองชั้นและเขาก็มักจะเหวี่ยงตัวลงมาและยื่นน้ำองุ่นให้ฉัน

คำถาม: กระบวนการแคสต์บทที่คุณได้เจอเป็นอย่างไรบ้าง

เจนนา ออร์เทกา: ทิมอยากนัดเจอฉัน ตอนนั้นเราก็นัดพบและคุยกันเรื่องซีซันสองของ Wednesday มาสักพักแล้ว พอเขาขอนัดอีกรอบ ฉันเลยนึกว่าเราจะคุยกันเรื่องนั้น ฉันมีสมุดเอาไว้จดไอเดียต่างๆ ที่ฉันคิดไว้สำหรับซีซันสอง แต่แล้วเขากลับยื่นบท Beetlejuice Beetlejuice มาให้แล้วเราก็เริ่มต้นจากจุดนั้น เขาบอกว่า “ถ้าคุณสนใจก็สนใจ แต่ถ้าไม่สนก็ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย” บทหนังที่ได้มามันสนุกมากๆ ค่ะ ฉันจำได้ว่าตัวเองรู้สึกลังเล เพราะภาคแรกเป็นหนังคลาสสิกมากๆ ฉันไม่อยากทำพังหรือทำเสียเรื่อง แต่ทีมนักแสดงภาคเก่าก็กลับมาเล่น ส่วนทิมน่ะ...เห็นได้ชัดเลยว่าเขาหลงใหลโปรเจ็กต์นี้ มันเป็นสิ่งที่เขาอยากทำมาหลายปีแล้ว และจากประสบการณ์ที่ฉันได้รับในกองถ่าย ฉันก็รู้สึกดีกับงานนี้มากๆ เลย

คำถาม: หลังจาก Wednesday คุณได้ร่วมงานกับทิมเป็นครั้งที่สองแล้ว การทำงานกับเขาอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้างครับ

เจนนา ออร์เทกา: ฉันว่าการทำงานกับทิมเป็นครั้งที่สองก็ค่อนข้างคล้ายกับการทำงานครั้งแรกในแง่ที่ว่า… เขาไว้วางใจใครก็ตามที่เขาได้เลือกมาแล้ว เขาจะปล่อยให้เราตัดสินใจ ถึงมันจะเป็นการตัดสินใจที่แย่หรือตลกก็ตาม เขาสนับสนุนให้เราทำสิ่งที่เราอยากทำ พร้อมกับคอยชี้แนะให้เราไปตามทิศทางที่ถูกต้อง เขาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเลย และฉันรู้สึกว่าเขาปล่อยพลังสร้างสรรค์แบบจัดเต็มเป็นพิเศษให้กับงานนี้

คำถาม: ปฏิกริยาแรกของคุณหลังจากได้อ่านบทเป็นอย่างไร

เจนนา ออร์เทกา: ฉันจำได้ว่าตอนที่อ่านบท ฉันเพิ่งกลับจากการนัดพบกับทิม ฉันนั่งอยู่บนก้อนหินริมชายหาด นั่งอยู่ที่ชายหาดกลางแดดในฤดูหนาว อากาศก็หนาวเย็น แต่ฉันได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครที่ฉันดูมาตั้งแต่เด็กและคุ้นเคยมาทั้งชีวิต ฉันจำได้ว่ารู้สึกโหยหาอดีตและมีความสุข และตื่นเต้นเอามากๆ ไม่ว่าฉันจะได้ร่วมงานในโปรเจ็กต์นี้หรือไม่ ฉันรู้สึกได้เลยว่า “มันจะต้องเป็นหนังที่ดีแน่ๆ”

คำถาม: การที่ได้วิโนนา ไรเดอร์มารับบทเป็นแม่ของแอสทริดเป็นอย่างไรบ้าง

เจนนา ออร์เทกา: ฉันเป็นแฟนของวิโนนามานานมากค่ะ ฉันว่าเธอทำงานในโปรเจ็กต์เจ๋งๆ ทั้งนั้นเลย ฉันรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้ดูหนังที่ฉันสนใจ เธอจะโผล่มาตลอด แล้วฉันก็คิดว่า “อ้อ ใช่สินะ เธอเล่นเรื่องนี้ด้วยนี่นา” เธอเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากเธอ เธอเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และอ่อนโยน เป็นคนนิสัยดีมากๆ ค่ะ ฉันไม่รู้มาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ทำงานกับเธอไหม แต่พอได้ทำ ฉันก็รู้สึกซาบซึ้งและยินดีจริงๆ ฉันอยากร่วมงานกับเธออีกมากๆ เลย

คำถาม: ในภาคนี้แอสทริดอายุใกล้เคียงกับลิเดีย แม่ของเธอ ในช่วงเวลาของหนังภาคแรก ตอนนี้ลิเดียมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะคนที่สื่อสารกับวิญญาณได้ หลังจากแอสทริดพบเรื่องราวสุดเพี้ยนในภาคนี้ คุณคิดว่าแอสทริดจะทำอะไรเมื่อเราได้พบเธอในอีก 20 ปีข้างหน้า

เจนนา ออร์เทกา: ในอีก 20 ปี แอสทริดน่าจะเป็นนักกิจกรรมและคนทำงานการกุศล เป็นนักอนุรักษ์ป่าฝน แล้วก็เป็นฮิปปี้นิดๆ ค่ะ! 

คำถาม: ถ้าคุณพบโมเดลเมืองที่สร้างมาอย่างละเอียดในห้องใต้หลังคาบ้านคุณ มันน่าจะเป็นเมืองอะไรและคุณหวังว่าจะได้เรียกใครออกมา

เจนนา ออร์เทกา: เรื่องราวใน Alice in Wonderland เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับฉันมาตลอด ฉันจะเรียกอลิซมาแล้วให้เธอพาฉันมุดโพรงกระต่ายไปยังโลกของเธอค่ะ

คำถาม: ถ้าคุณสามารถเปิดประตูสู่โลกหลังความตายและผ่านเข้าไปได้ โลกหลังความตายในเวอร์ชันของคุณจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

เจนนา ออร์เทกา: ฉันจินตนาการถึงโลกหลังความตายแบบอื่นไม่ออกเลยนอกจากแบบของทิมค่ะ! หนังเรื่องนี้ฝังอยู่ในวัยเด็กและในการทำงานของฉันจนกระทั่งสมองฉันไม่ยอมไปที่อื่นแล้ว!

คำถาม: หลังจากภาคแรกครองพื้นที่พิเศษในวัฒนธรรมป๊อป แฟนๆ ก็รอคอยกันมานานหลายปีให้หนังเรื่องนี้มีภาคต่อ อะไรทำให้ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รู้ว่าจะมีหนังภาคต่อ

วิโนนา ไรเดอร์: ฉันว่าเราต่างรู้กันดีว่าหนังภาคต่อจะออกมาเวิร์คได้ก็ต่อเมื่อทิมเป็นคนกำกับเอง และไมเคิลกับแคเธอรีนต้องมาร่วมแสดงด้วย แต่ทุกๆ ปีหรือสองปี ฉันจะได้พบทิมและเราก็มักจะจับเข่าคุยกันเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ แล้วพอมันเกิดขึ้นจริงๆ ฉันจำได้ว่าตัวเองรู้สึกหวั่นใจอยู่นะคะ ฉันต้องถามตัวเองว่า แล้วตอนนี้ลิเดียคือใคร เธอมีลูกแล้ว การมีลูกได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปโดยสิ้นเชิง แต่เธอก็ยังคงเป็นลิเดีย ฉันคิดว่าลูกสาวของเธอ แอสทริด [รับบทโดยเจนนา ออร์เทกา] เป็นส่วนสำคัญในการสร้างตัวตนของลิเดียในเวลานี้ เรากลับไปพบลิเดียในช่วงเวลาที่แปลกประหลาดในชีวิตเธอ เธอคล้ายอยู่ในโหมดที่ทำทุกอย่างไปโดยอัตโนมัติ คล้ายกำลังหลงทาง... แต่แล้วทุกคนก็กลับมารวมตัวกันและเรื่องราววุ่นวายก็ตามมา [หัวเราะ] ฉันว่าบทหนังเรื่องนี้เยี่ยมมาก และเราต่างก็รู้สึกสบายใจในการกลับมาเล่นหนังเรื่องนี้ เป็นประสบการณ์ที่งดงามท่ามกลางความปั่นป่วนในเชิงสร้างสรรค์ นับว่าเป็นบรรยากาศที่วิเศษมากค่ะ

คำถาม: การกลับมารับบทลิเดียที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วและอยู่ในจุดที่น่าสนใจของชีวิตเป็นอย่างไรบ้างครับ

วิโนนา ไรเดอร์: ฉันไม่เคยต้องกลับไปรับบทเดิมในหนังเรื่องไหนมาก่อนเลย ฉันเล่นซีรีส์ก็จริงแต่มันไม่เหมือนกัน เพราะนี่คือการกลับมาหาบทที่...ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ่านมากี่ปีแล้ว ฉันอายุ 15 ตอนเล่นหนังภาคแรก เพราะฉะนั้นมันเหมือนยาวนานชั่วชีวิตเลย ฉันรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้างซึ่งฉันคิดว่าเราทุกคนก็คงรู้สึก แต่พอเริ่มต้นไปแล้ว เราก็พบจังหวะที่ลงตัวได้เอง ทิมชัดเจนในรายละเอียด แต่เขาก็เปิดรับความเห็นของคนอื่นด้วยซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่งดงามในตัวเขา เขาอาจลงลึกในทุกๆ รายละเอียดแต่ก็ยังคงเปิดกว้างรับแนวคิดหรือวิธีการในการเล่นฉากแต่ละฉาก ทำให้นักแสดงรู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในเนื้องานจริงๆ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้พบเห็นกันบ่อยๆ หรอก แต่การทำงานกับทิมมีความมหัศจรรย์อยู่ในนั้นจริงๆ ค่ะ ฉันคิดว่าเขาทุ่มเทใจให้งานนี้ และฉันได้เห็นว่าเขาเข้าใจในตัวละครลิเดียมากแค่ไหน ซึ่งฉันว่าน่าประทับใจมากเลย

คำถาม: ดูเหมือนว่าบีเทิลจู๊ดส์ยังคงหลงใหลในตัวลิเดีย การได้พบกับไมเคิลที่กลับมารับบทเป็นบีเทิลจู๊ดส์อีกครั้งเป็นอย่างไรครับ

วิโนนา ไรเดอร์: การได้เห็นเขาแต่งหน้าเป็นบีเทิลจู๊ดส์อีกครั้งเป็นประสบการณ์ที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ ตอนที่ถ่ายทำกับไมเคิลในห้องใต้หลังคาซึ่งเป็นฉากแรกที่เราเล่นด้วยกัน ฉันได้แต่คิดว่า “โว้ว นี่มันที่ไหนเมื่อไหร่กันเนี่ย นี่มันปีอะไรแล้ว” มันน่าตื่นเต้นมากค่ะ ทุกฉากที่ฉันเล่นกับเขามันน่าเหลือเชื่อ เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่พิเศษสุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย

อาจฟังดูแปลกหน่อยนะเพราะเขาเล่นเป็นบีเทิลจู๊ดส์และฉันเป็นลิเดีย แต่ฉันไม่เคยรู้สึกปลอดภัยกับนักแสดงคนไหนเท่านี้มาก่อนเลย เขาเป็นทุกอย่างที่คุณหวังว่าจะให้เขาเป็น ฉันคิดว่าไมเคิลเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แล้วเขาก็ยังคอยดูแลเราด้วย เขาคอยอยู่ข้างๆ เสมอ คอยหนุนหลังเราและดูแลให้เรารู้สึกสบายใจ ซึ่งบีเทิลจู๊ดส์ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน แต่ไมเคิลน่ะเขาเป็นคนอย่างนั้น เพราะฉะนั้นการที่เขาแปรสภาพไปเป็นตัวละครนั้นได้จึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง การทำหนังเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉันเลย ฉันอยากใส่ใจในทุกๆ ช่วงเวลาของหนังเรื่องนี้ เพราะอะไรแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประสบการณ์ที่พิเศษจริงๆ ค่ะ

คำถาม: ลิเดียมีลูกสาวชื่อว่าแอสทริด ซึ่งมีอายุเท่ากับลิเดียในหนังภาคแรก การทำงานร่วมกับเจนนา ออร์เทกาและสร้างความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง

วิโนนา ไรเดอร์: ฉันรักเจนนามากๆ เลยค่ะ เธอเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นชัดเจนมาก เป็นคนมีเสน่ห์น่าค้นหาและใจกว้างมากๆ ด้วย การได้เจนนามารับบทในหนังเรื่องนี้ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญเลย เจนนารับบทได้อย่างน่าทึ่งเพราะเธอไม่ใช่ลิเดีย เธอได้สร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา ฉันมักจะมองว่าเธอเป็นลูกสาวของลิเดียจริงๆ เพราะเธอได้รับมรดกจากลิเดียมาหลายอย่าง แต่เจนนาก็ได้สร้างบุคลิกตัวละครในแบบของเธอขึ้นมาด้วยซึ่งฉันชอบมากๆ

เราพบกันครั้งแรกที่บ้านของทิม ตอนนั้น “Wednesday” เพิ่งออกมา ฉันรู้ว่าการเล่นในซีรีส์ที่โด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมามันสร้างความรู้สึกท่วมท้นได้มากแค่ไหน ฉันเลยเข้าไปสวมกอดเธอและรู้สึกถึงความเป็นแม่ที่มีต่อเธอทันทีเลย ในการทำงานวันที่สามของฉัน ซึ่งเป็นวันที่เราถ่ายทำในห้องใต้หลังคา เราก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจัง และเหมือนกับว่าเมื่อประตูได้เปิดออกแล้ว มันก็จะไม่มีทางปิดลง นั่นเป็นวันที่เราได้ผูกสัมพันธ์กันทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง ฉันรู้สึกเหมือนได้เห็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่อายุยังน้อย เพียงแต่ว่าเธอเท่กว่าเป็นร้อยเท่าเลยค่ะ

คำถาม: ผู้ชมจะคาดหวังอะไรได้บ้างจากการชม Beetlejuice, Beetlejuice บนจอใหญ่ครับ

วิโนนา ไรเดอร์: ความคาดหวังของผู้ชมน่าจะสูงมากเลยนะคะ แต่ฉันก็มั่นใจว่าเราทำได้ตามความคาดหวังและเหนือกว่านั้นด้วย มันออกมาเกินความคาดหวังของฉันค่ะ ทั้งที่ความคาดหวังของฉันก็สูงมากเหมือนกัน มันเป็นผลงานที่สนุกมากและแน่นอนว่าสมควรที่จะได้รับชมผ่านจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ และฉันคิดว่าคนทุกรุ่นจะได้พบอะไรบางอย่างที่ตัวเองชื่นชอบในหนังเรื่องนี้ มันยอดเยี่ยมแน่นอนสำหรับแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของทิม ฉันรู้ว่าแฟนๆ มีความคาดหวังสูงและความคาดหวังของฉันก็สูงมากเหมือนกัน การทำได้ตามความคาดหวังและทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกให้ความรู้สึกที่วิเศษมากเลยล่ะค่ะ

คำถาม: คุณมีปฏิกริยาอย่างไรเมื่อได้อ่านบทหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

แคเธอรีน โอ ฮารา: กลัวค่ะ [หัวเราะ] เปล่าหรอก ฉันตื่นเต้นมากเลยตอนที่อ่านบท เพราะมันมีเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมและตัวละครใหม่ๆ เข้ามาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครของเจนนา ออร์เทกา และจัสติน เทอโรซ์

คำถาม: คุณเตรียมตัวอย่างไรในการกลับมารับบทนี้

แคเธอรีน โอ ฮารา: ฉันว่าจะดูหนังภาคแรกแล้วพอดีก็มีเพื่อนโทรมาบอกว่า “มันฉายอยู่นะ!” ฉันก็เลยเปิดทีวีดูแล้วยืนค้างอยู่อย่างนั้น ในใจก็นึกว่าจะดูสักนาทีนึง...แต่กลับไม่ได้ขยับไปไหนเลยค่ะ

ภาคแรกเป็นหนังที่ดีและสนุก มีทั้งความดาร์กและความตลก ทั้งดาร์กและเบาสมอง ฉันดีใจที่ได้ดูมันอีกครั้งนะ เพราะว่าพักหลังๆ ฉันรับบทเป็นตัวละครในซีรีส์ ทำให้น้ำเสียงของฉันมีความเป็นตัวละครที่โดดเด่นชัดเจน ฉันก็เลยกังวลว่าฉันจะยังติดน้ำเสียงแบบนั้นอยู่ แต่บทสนทนาในหนังเรื่องนี้แตกต่างออกไปมาก และการได้ดูหนังภาคแรกก็ช่วยได้จริงๆ ค่ะ เพราะเอาจริงๆ ตอนนั้นฉันก็พูดในแบบของตัวเอง ทีแรกฉันกังวลว่าตอนนี้เดเลียจะเป็นคนแบบไหน แล้วก็มาคิดว่า “นั่นสิ แล้วตอนนี้ตัวฉันเป็นคนแบบไหนล่ะ” การได้ฟังเสียงของตัวเองในภาคดั้งเดิม แล้วพบว่ามันไม่ได้ต่างจากวิธีการพูดของฉันเมื่อสมัยก่อนเลย ทำให้ฉันคิดได้ว่า “เอาล่ะ ตัวละครก็อายุมากขึ้นเหมือนกับตัวฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะใช้น้ำเสียงของตัวเองนี่แหละ แค่ว่าด้วยวิธีการมองที่แตกต่างออกไป” อาจจะไม่ได้ฉลาด ยอดเยี่ยม และเก่งกาจเท่าฉันหรอก เดเลียคงอยากเป็นฉันอยู่เหมือนกันแหละ

คำถาม: ถ้าย้อนกลับไปมองงานศิลปะของเธอ งานศิลปะของเดเลียเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไหมครับ

แคเธอรีน โอ ฮารา: ตอนนี้เดเลียทำงานมัลติมีเดียแล้วค่ะ สมัยก่อนเธอทำแต่งานประติมากรรม ในหนังเรื่องนี้คุณจะได้เห็นโชว์ของเธอที่แกลเลอรี แค่ตรง “ศิลปะพูดได้” ก็อัจฉริยะและฮาสุดๆ งานที่เดเลียทำอยู่เป็นงานที่สำคัญมากนะคะ ผลงานเหล่านี้พูดถึงตัวเธอ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของเธอ มันจึงมีความเฉพาะตัวมากๆ... แต่ขณะเดียวกันก็มีความเป็นสากลด้วย และฉันว่าผลงานเหล่านี้ดึงดูดทุกๆ คนได้และทำให้เรากลับไปนึกถึงเรื่องที่สำคัญๆ มันลึกซึ้งเลยทีเดียวล่ะ

คำถาม: รู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ได้กลับไปยังวินเทอร์ ริเวอร์อีกครั้ง

แคเธอรีน โอ ฮารา: มันต่างไปจากเดิมนะคะ ฉันกับวิโนนาเดินจับมือกันเข้าไปในฉากบ้าน สามีฉันเป็นคนออกแบบฉากในภาคแรก และนักออกแบบงานสร้าง [มาร์ค สครูตัน] บอกว่าเขาทราบเป็นอย่างดี เขามาคุยกับฉันเรื่องนี้ เพราะเขาเคารพในงานของโบ [เวลช์] แต่เขาก็สร้างฉากที่น่าทึ่งมากเช่นกันในภาคนี้ ทีมงานฝ่ายศิลป์สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างงดงาม ตอนที่เดินเข้าไปดูฉากภายในบ้าน ฉันกับวิโนนาต่างก็คิดว่า “มันจะมีหน้าตาเป็นยังไงนะ มันจะให้ความรู้สึกแบบไหน” พิมพ์เขียวตามแบบของเดิมก็ยังอยู่แหละ แต่มันได้รับการปรับปรุงใหม่เยอะทีเดียว และฉันเข้าใจว่าชาร์ลส์ [สามีของเดเลีย] ก็อาศัยอยู่ในบ้านนี้มานานหลายปี ขณะที่เดเลียน่าจะใช้เวลาอยู่ในเมืองและออกเดินทางมากกว่า บ้านหลังนี้ยังคงแปลกเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด แต่มันได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด สีผนังสวยมากค่ะ และเดเลียก็ได้มีส่วนในการตกแต่งบ้านด้วย ที่จริงมันสวยขึ้นกว่าคราวก่อนนะ แต่ก็ยังคงดูอยู่ไม่ค่อยสบายเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอดนั่นแหละ

คำถาม:  การถ่ายทำวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง

แคเธอรีน โอ ฮารา: วันแรกมักจะน่ากลัวนิดๆ เสมอค่ะ ก่อนที่เราจะเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก เรามักจินตนาการว่าอยากเปล่งเสียงออกมาอย่างไร แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาเวิร์ครึเปล่า แต่สุดท้ายแล้วเราก็สนุกไปกับมัน และทิมก็เปิดรับการทำงานร่วมกันอยู่แล้วด้วย เป็นเรื่องน่าวิเศษนะคะที่มีใครสักคนทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถนำเสนอสิ่งดีๆ ได้ และความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นทันทีที่เขาส่งบทให้เราเลย เขาต้องการความเห็นและอยากรู้ไอเดียทั้งหมดของเรา น่าดีใจค่ะที่ได้รู้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ครั้งนี้

คำถาม: คุณจะบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างเดเลียกับลิเดียอย่างไร

แคเธอรีน โอ ฮารา: ฉันว่าเดเลียกับลิเดียพบหนทางที่จะไปด้วยกันได้นะคะ มีประโยคหนึ่งในบทที่ฉันยังไม่รู้ว่าจะได้พูดหรือเปล่า มันบ่งบอกว่าเดเลียอาจรู้สึกอิจฉา ขณะเดียวกันเธอก็ยินดีไปกับลูกด้วยเหมือนกับที่พ่อแม่บางคนเป็น จริงอยู่ ลิเดียไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเดเลีย เดเลียเป็นแม่เลี้ยงเธอ แต่เธอก็ยินดีที่ลิเดียประสบความสำเร็จ

คำถาม: แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเดเลียกับแอสทริดล่ะครับ

แคเธอรีน โอ ฮารา: ตลกดีค่ะ เดเลียอาจมองว่าแอสทริดเป็นเหมือนลิเดียในเวอร์ชั่นใหม่ เป็นคนนิ่งๆ ดาร์คๆ และทำราวกับว่าโลกนี้ไม่เท่พอสำหรับคนอย่างเธอ แต่เธอก็เท่จริงนะ แอสทริดกับเดเลียพบวิธีสนุกๆ ที่จะเชื่อมสัมพันธ์กัน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างลิเดียกับรอรี่ ฉันคิดว่าทั้งคู่เข้าใจความจริงในเรื่องนั้น ดูเหมือนเราจะปล่อยให้ลิเดียไปค้นหาหนทางของตัวเอง ฉันคิดว่าลิเดียก็มองว่าแอสทริดตลกเหมือนกัน บันเทิงดีด้วย ในแง่หนึ่งมันก็บันเทิงดีนะที่ได้เห็นลิเดียต้องมาเจอเรื่องป่วนๆ จากแอสทริด เหมือนกับที่เดเลียเคยรับมือกับลิเดียมานั่นแหละ

คำถาม: มีการด้นสดระหว่างถ่ายทำเยอะไหมครับ

แคเธอรีน โอ ฮารา: ใช่ค่ะ เวลามีบทดีๆ อย่างเรื่องนี้ มันช่วยให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆ ถ้าหากบทเขียนมาไม่ดี มันจะทำให้สมองคุณตัน แต่เวลาบทเขียนมาดีและมีไอเดียที่สร้างแรงบันดาลใจอยู่ในนั้น มันจะทำให้เราอยากทดลองหลายๆ แบบ แล้วมันก็สนุกดีด้วย ไมเคิล [คีตัน] ทดลองกับบทพูดและเพิ่มอะไรใหม่ๆ ลงไปได้ดีมาก ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีบทที่ดีแล้วเรานำมันไปพลิกแพลง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราทำค่ะ

คำถาม: โดยรวมแล้ว ประสบการณ์ที่คุณได้รับจากหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร

แคเธอรีน โอ ฮารา: วิเศษเลยค่ะ ฉันโชคดีที่ได้มีชีวิตและโชคดีที่ยังทำงานอยู่...แต่ยิ่งโชคดีเป็นพิเศษเลยที่ได้ทำงานในหนัง Beetlejuice อีกครั้ง

Beetlejuice Beetlejuice บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์” 5 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ, 4DX, Screen X Dolby Atmos และสัมผัสประสบการณ์จอยักษ์บน IMAX

 

 

จากรุ่นสู่รุ่น!! เจนนา ออร์เทกา แท็กทีม วิโนนา ไรเดอร์ และ แคทเธอรีน โอ’ฮารา ครอบครัวดีทซ์ 3 เจน พร้อมบุกโลกหลังความตาย เผชิญหน้าเจ้าผีขี้จุ้ยจอมเจ้าเล่ห์ใน “BEETLEJUICE BEETLEJUICE”