BREAKING DANCE การเติบโตและความนิยมในปัจจุบัน
เบรกแดนซ์ (Breakdance) ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยมีประวัติความเป็นมาและความสำเร็จที่น่าสนใจดังนี้
เบรกแดนซ์ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ในสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มจากการเต้นตามจังหวะเพลงฮิปฮอป, ฟังก์ และแนวเพลงอื่นๆ ที่มีการรีมิกซ์ระหว่างเพลงพัก
ความนิยมในประเทศไทย: ในประเทศไทย เบรกแดนซ์เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงแรกๆ โดยมีกลุ่มผู้สนใจเพียงเล็กน้อยที่รวมตัวกันเต้นตามห้างสรรพสินค้า ชิน ชินวุฒิ จันทตรัตน์ เป็นหนึ่งในนักเต้นบีบอยที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และได้คว้าแชมป์หลายรายการ รวมถึง "Battle of the Year Thailand" และ "Battle of the Year South East Asia"การเติบโตและความนิยมในปัจจุบัน: ในปัจจุบัน เบรกแดนซ์ได้กลายเป็นกีฬาที่มีการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และมีการเติบโตของกลุ่มผู้ชื่นชอบการเต้นจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้เบรกแดนซ์กลายเป็นเทรนด์ที่ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นการบรรจุเป็นกีฬา: เบรกแดนซ์ได้รับการบรรจุเป็นกีฬาชิงเหรียญรางวัลในโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังได้รับการบรรจุเป็นกีฬาที่แข่งขันในซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ รวมถึงการเติบโตของกลุ่มผู้ชื่นชอบการเต้นในประเทศไทยผลกระทบต่อวงการกีฬา: การเพิ่มรายการแข่งขันกีฬาใหม่ๆ เช่น เบรกแดนซ์ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ชมที่อายุน้อยมากขึ้น และสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ
ด้วยความนิยมและความสำเร็จของเบรกแดนซ์ในประเทศไทย รวมถึงการบรรจุเป็นกีฬาชิงเหรียญรางวัลในโอลิมปิก ทำให้เบรกแดนซ์กลายเป็นกีฬาที่มีความสำคัญและได้รับความสนใจมากขึ้นในวงการกีฬาไทย
กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2024 ที่ปารีสได้นำเบรกแดนซ์หรือที่รู้จักกันในชื่อเบรกกิ้งมาเป็นกีฬาใหม่
การเปิดตัวในโอลิมปิก
การเปิดตัว: เบรกกิ้งเปิดตัวครั้งแรกในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2024 ที่ปารีส กลายเป็นกีฬาใหม่ชนิดแรกที่นำมาใช้ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในฝรั่งเศส
ประเภทกีฬา: โอลิมปิกมีการแข่งขันสองประเภท ได้แก่ ประเภทชาย (B-Boys) และประเภทหญิง (B-Girls)
รูปแบบการแข่งขัน
รอบแบ่งกลุ่ม: การแข่งขันเริ่มต้นด้วยการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยมีนักเบรก 16 คน (B-Boys 8 คนและ B-Girls 8 คน) แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน นักเบรกแต่ละคนจะแข่งกับอีกสามคนในกลุ่มของตน โดยสองอันดับแรกจากแต่ละกลุ่มจะได้ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ
รอบก่อนรองชนะเลิศถึงรอบชิงชนะเลิศ: รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศเป็นสามรอบในรูปแบบสายการแข่งขันแบบดั้งเดิม
ผู้ชนะเหรียญทอง: B-Girl Ami จากญี่ปุ่นคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกในการแข่งขันเบรกกิ้ง โดยเอาชนะ B-Girl Nicka จากลิทัวเนีย
ผู้ชนะเหรียญทองแดง: B-Girl 671 จากจีนคว้าเหรียญทองแดงโดยเอาชนะ B-Girl India จากเนเธอร์แลนด์
อิทธิพลทางวัฒนธรรมและวิวัฒนาการ: Breaking dance มีต้นกำเนิดใน Bronx, New York ในช่วงทศวรรษ 1970 แต่ต่อมากลายเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก ในเอเชีย กีฬานี้ได้รับการแนะนำโดยทหารอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งจุดประกายให้เกิดกระแส Breaking danceในเกาหลีใต้ กระแสนี้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นโดยผู้บุกเบิก K-pop และกลุ่มนักเต้นในท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่ยุคทองของ Breaking dance ในเกาหลีในช่วงทศวรรษ 2000 แม้ว่าความนิยมในกระแสหลักจะลดลง แต่ Breaking dance ก็ยังคงอยู่และกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยมีตัวแทนที่แข็งแกร่งในการแข่งขันระดับนานาชาติ
การถกเถียงเรื่องการละเมิดทางวัฒนธรรม: มีการถกเถียงกันว่าชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและผู้อื่นที่อยู่นอกบริบททางวัฒนธรรมเดิมสามารถเข้าร่วม Breaking dance ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดทางวัฒนธรรม บางคนโต้แย้งว่าการมีส่วนร่วมใน Breaking dance เป็นงานอดิเรกหรือกิจกรรมนันทนาการไม่ใช่การละเมิด เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน
การรวมและการเป็นตัวแทน: Breaking dance ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการเป็นตัวแทน ประเทศในเอเชียหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีทีม breaking dance ที่แข็งแกร่งและมีการแข่งขันสูง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทของตนที่มีต่อกีฬานี้
โดยรวมแล้ว Breaking dance ในเอเชียได้พัฒนาจากการนำเข้าทางวัฒนธรรมมาเป็นส่วนสำคัญทางวัฒนธรรม โดยมีการเป็นตัวแทนและการแข่งขันที่แข็งแกร่งในงานระดับนานาชาติ