“อีซอนคยุน” นำทีมฝ่ามหันตภัยลูกโซ่ ในภาพยนตร์เรื่องส่งท้าย “Project Silence เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก” 29 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ระทึกทุกนาทีไปกับมหันตภัยระดับบิ๊กโปรเจกต์ส่งตรงจากเกาหลี “Project Silence เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก” ภาพยนตร์แอ็กชันภัยพิบัติฟอร์มยักษ์ซึ่งเป็นการรวมทีมงานมือฉมังที่เคยฝากผลงานอันยอดเยี่ยมอย่าง “Along with the Gods” (2017-2018) และ “Train to Busan” (2016) มาแล้ว รวมไปถึงทีมนักแสดงแถวหน้าไม่ว่าจะเป็น “อีซอนคยุน”, “จูจีฮุน”, “คิมฮีวอน”, “พัคฮีวอน” และ “พัคจูฮยอน” ที่ขอพลิกบทบาทครั้งสำคัญเพื่อมอบประสบการณ์ “คลั่ง” ครั้งใหม่ให้มันส์สะใจยิ่งกว่าเคย
โดยเฉพาะหนึ่งในนักแสดงนำ “อีซอนคยุน” ที่ได้ฝากผลงานการแสดงทิ้งท้ายอันน่าประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมและเข้าขากับเพื่อนนักแสดงได้เป็นอย่างดี เขาพิสูจน์ฝีมือมาแล้วในซีรีส์ยอดฮิต อาทิ “Coffee Prince” (2007), “Pasta” (2010) และ “My Mister” (2018) รวมถึงภาพยนตร์อย่าง “All About My Wife” (2012), “A Hard Day” (2014), “Parasite” (2019) และ “Sleep” (2023)
เราได้ยินมาว่าบทของคุณใน “Project Silence” นั้นท้าทายมาก คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวละครของคุณทีได้ไหม
แน่นอนครับ ใน “Project Silence” ผมรับบทเป็น “จองวอน” รองผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงประจำสำนักงานประธานาธิบดี และพ่อเลี้ยงเดี่ยวของลูกสาววัยรุ่นที่เริ่มห่างเหินขึ้นทุกวัน ขณะที่ไปส่งลูกสาวที่สนามบินเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาต้องเผชิญกับเหตุภัยพิบัติโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อสะพานสนามข้ามบินพังทลายเนื่องจากอุบัติเหตุต่อเนื่อง แถมสุนัขทดลองทางทหารที่รู้จักกันในชื่อ “เอ็กโค” (Echo) เปิดฉากอาละวาดฆ่าไม่เลือกหน้า จากวันปกติกลายเป็นความอันตรายซึ่งมีชีวิตเป็นเดิมพัน เขาถูกบีบให้ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยความความเยือกเย็น มุ่งมั่นปกป้องผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่เกรง แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคท้าตาย เขาก็ลุกขึ้นสู้และแสดงความเป็นผู้นำออกมา โดยใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญของเขาเพื่อแก้สถานการณ์เพื่อให้ทุกคนรอดกลับไปอย่างปลอดภัย
ได้ข่าวว่างานภาพและฉากคือไฮไลต์สำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้
ทีมงานโปรดักชันของ “Project Silence” ล้วนเป็นยอดฝีมือ ฉากถูกสร้างอย่างประณีตและสมจริงมาก มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนสะพานในวันที่มีหมอกหนาจนไม่สามารถมองเห็น พวกเขาได้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างกราฟิกที่สมจริงซึ่งผู้ชมจะไม่มีทางรู้ว่าจุดไหนถ่ายกันจริงจุดไหน CGI ไม่ว่าจะเป็นฉากเฮลิคอปเตอร์ตกและฉากสะพานพังซึ่งล้วนทำให้เห็นสเกลของภัยพิบัติครั้งนี้ แม้กระทั่งฉากที่สุนัขทดลอง “เอ็กโค” (Echo) เข้าจู่โจมผู้รอดชีวิต ผู้กำกับตั้งใจทำให้ภาพยนตร์ออกมาสมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้ผู้ชมตั้งคำถามเลยว่าที่ดูไปคือซีจีหรือถ่ายกันจริงๆ
ในการแสดงในภาพยนตร์ภัยพิบัติแบบนี้ คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนคุ้นชินในชีวิตประจำวัน แต่ผมต้องเตรียมตัวทางกายภาพและจิตใจ เข้ายิมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายเพราะในเรื่องผมต้องทั้งวิ่งและกลิ้ง และผมยังต้องศึกษาเกี่ยวกับการตอบสนองของคนในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย การทำความเข้าใจความคิดของคนที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ผมสามารถแสดงความกลัวและความกล้าหาญออกมาได้อย่างสมจริง
ในเมื่อ “Project Silence” เป็นการรวมตัวของนักแสดงและทีมงานระดับแนวหน้าของวงการ คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานในครั้งนี้
มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากครับ การได้ร่วมงานกับนักแสดงอย่าง “จูจีฮุน” และ “คิมฮีวอน” รวมถึงทีมงานที่มีความสามารถจากภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์หลายๆ เรื่อง ทำให้ผมได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปด้วย พวกเราทำงานกันอย่างเข้มข้นเพื่อทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบที่สุด
คุณคาดหวังอย่างไรกับการตอบรับของภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกตื่นเต้นและอินไปกับเรื่องราวครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีส่วนผสมของแอ็กชันและดราม่าที่เข้มข้น หวังว่าผู้ชมจะสัมผัสถึงความตั้งใจของเราที่ต้องการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยความหวัง และการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันไม่ทันตั้งตัว หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ ขอบคุณมากครับ
“Project Silence เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก” เล่าเรื่องราววิกฤตครั้งมโหฬาร เมื่อสภาพอากาศแปรปรวนบดบังทัศนวิสัยทำให้เกิดอุบัติเหตุวินาศสันตะโร ไต่ระดับสู่เหตุการณ์สะพานถล่มพังทางรอดให้พินาศลงต่อหน้า ท่ามกลางความอลม่าน “เอ็กโค” (Echo) อสุรกายเขี้ยวชีวะ สุนัขที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม ในโครงการ “Project Silence” ได้หลุดออกมาระหว่างการขนส่งลับ ทำให้ทุกคนบนสะพานต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดจากนักล่ากระหายเลือด เพราะพวกมันจ้องจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง พร้อมล่าทุกชีวิตบนสะพานปิดตายแห่งนี้ ความหวังเดียวคือ “ต้องหนีให้รอด” ห้ามพลาด! 29 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์