มาทำความรู้จักกีฬาชนิดใหม่ที่เรียกว่า เบรกแดนซ์ ซึ่งบรรจุในโอลิมปิก 2024
เบรกแดนซ์ หรือเบรกกิ้ง (Breaking) เป็นกีฬาที่มีถิ่นกำเนิดมาจากย่านบร็องซ์ (Bronx) สหรัฐอเมริกา เปิดตัวครั้งแรกในโอลิมปิกกับการแข่ง Youth Olympic Games ที่บัวโนสไอเรส ปี 2018 และถูกบรรจุในฐานะกีฬาประเภทใหม่ของ ปารีส 2024 ซึ่งเบรกแดนซ์ หรือเบรกกิ้ง จะแบ่งเป็นออก 2 ประเภท คือ ชายและหญิง โดยทั้ง 16 B-boy และ 16 B-Girls จะออกมาประชันโชว์ท่าอันน่าตื่นเต้นคิดกันสดๆ ตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิดให้ทัน เพื่อสะสมคะแนนให้ได้มากที่สุดในการผ่านเข้ารอบ โดยมีท่าบังคับ คือ Windmills, The 6-Step และ Freezes รวมอยู่ด้วย
สำหรับสนามที่ใช้แข่งขัน Breaking ทาง ปารีส 2024 วางแผนไว้ว่าจะใช้ La Concorde จตุรัสกลางกรุงปารีส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านแห่งยุคของฝรั่งเศสเป็นสถานที่แข่งขันหลัก ซึ่งฉากที่เห็นในวันจริงย่อมอลังการงานสร้าง แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่ทางประวัติศาสตร์และความรุ่มรวยทางศิลปวัฒนธรรมของฝรั่งเศสอย่างแน่นอน
กติกาและรายละเอียด Breaking หรือ เบรกแดนซ์ ในโอลิมปิก 2024
โดยไฮไลท์ของการแข่งขันอยู่ที่การผสมผสานท่าเต้นที่หลากหลายและน่าทึ่ง เช่น
Windmills: ท่าหมุนตัวบนพื้นโดยใช้ไหล่และหลังเป็นจุดหมุน
The 6-step: ท่าเต้นพื้นฐานที่ใช้มือและเท้าในการเคลื่อนที่เป็นวงกลม
Freezes: ท่าหยุดนิ่งในอิริยาบถที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการทรงตัวสูง
ความท้าทายของ Breaking อยู่ที่นักกีฬาต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเต้นและด้นสดให้เข้ากับจังหวะเพลงที่ DJ เปิด ซึ่งต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทางเทคนิค และไหวพริบในการแสดงออก
การตัดสินจะทำโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทางเทคนิค การแสดงออก และความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน และผู้ชนะจะได้รับเหรียญรางวัลโอลิมปิกสาขา Breaking เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
การเพิ่ม Breaking เข้าสู่โอลิมปิกไม่เพียงแต่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม แต่ยังเป็นการยกระดับศิลปะการเต้นรูปแบบนี้สู่การยอมรับในระดับสากล เปิดโอกาสให้นักเต้นทั่วโลกได้แสดงความสามารถบนเวทีระดับโลก และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาทักษะการเต้นของตนเองอีกด้วย โอลิมปิก 2024 จึงไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันกีฬา แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมและความหลากหลายผ่านศิลปะการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า Breaking นับเป็นก้าวสำคัญของวงการ Breaking และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกเลยก็ก็ว่าได้