พลังงานทดแทนและเชื้อเพลิงฟอสซิลแตกต่างกันอย่างไร?
พลังงานทดแทนและเชื้อเพลิงฟอสซิลแตกต่างกันอย่างไร
พลังงานทดแทน
• แหล่งพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ เช่น แสงแดด ลม น้ำ และความร้อนใต้พิภพ
• ไม่หมดสิ้นและสามารถเติมเต็มได้เองตามธรรมชาติ
• เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
• ต้นทุนการผลิตต่ำลงเรื่อยๆ
ตัวอย่างของพลังงานทดแทน ได้แก่
• พลังงานแสงอาทิตย์
• พลังงานลม
• พลังงานน้ำ
• พลังงานความร้อนใต้พิภพ
• พลังงานชีวมวล
เชื้อเพลิงฟอสซิล
• แหล่งพลังงานที่เกิดจากการสะสมของซากพืชและสัตว์ในอดีต เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ
• มีปริมาณจำกัดและไม่สามารถเติมเต็มได้เอง
• ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
• ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและน้ำ
• ต้นทุนการผลิตสูงและผันผวนตามอุปสงค์และอุปทาน
เชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil fuel) คืออินทรีย์สารใต้พื้นโลกที่เกิดจากการทับถมกันของซากพืชซากสัตว์ใต้ทะเลลึกเมื่อหลายพันล้านปีก่อนพร้อมกับได้รับความร้อนจากใต้พื้นพิภพ ทำให้ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันหนาแน่นใต้ชั้นหินตะกอนเกิดการย่อยสลายกลายเป็นแหล่งสะสมของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) ขนาดใหญ่ ที่มนุษย์นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและแหล่งกำเนิดพลังงานต่างๆ
• ของแข็ง: ถ่านหิน (Coal)
• ของเหลว: น้ำมันดิบ (Crude oil)
• ก๊าซ: ก๊าซธรรมชาติ (Natural gas)
พลังงานทดแทนคือแหล่งพลังงานที่ได้จากธรรมชาติและสามารถเติมเต็มได้เองตามธรรมชาติ เช่น แสงแดด ลม น้ำ ความร้อนใต้พิภพ และชีวมวล ซึ่งแตกต่างจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีปริมาณจำกัดและไม่สามารถเติมเต็มได้เอง
พลังงานทดแทนมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราในหลายๆ ด้าน ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน:
• พลังงานแสงอาทิตย์: แผงโซลาร์เซลล์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับบ้านเรือน ธุรกิจ และโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่
• พลังงานลม: กังหันลมใช้พลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับชุมชนและโครงการสาธารณูปโภค
• พลังงานน้ำ: เขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำใช้พลังงานน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับชุมชนและโครงการสาธารณูปโภค
• พลังงานความร้อนใต้พิภพ: โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพใช้ความร้อนจากใต้พื้นโลกเพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับชุมชนและโครงการสาธารณูปโภค
• พลังงานชีวมวล: โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลใช้พืชและของเสียจากสัตว์เพื่อผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิง
นอกจากการผลิตไฟฟ้าแล้ว พลังงานทดแทนยังใช้ในด้านอื่นๆ ของชีวิตประจำวัน เช่น:
• การขนส่ง: รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล
• การทำความร้อนและความเย็น: เครื่องทำความร้อนและเครื่องปรับอากาศพลังงานแสงอาทิตย์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้ความร้อนและความเย็นแก่บ้านเรือนและธุรกิจ
• การทำอาหาร: เตาพลังงานแสงอาทิตย์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อปรุงอาหาร
การใช้พลังงานทดแทนในชีวิตประจำวันมีส่วนช่วยในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น