Fallout : เนรมิตโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ได้ชวนตื่นตา ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เครื่องติดช้า แต่มากด้วยปริศนาน่าติดตาม | Film to Watch Short Review

Fallout : เนรมิตโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ได้ชวนตื่นตา ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เครื่องติดช้า แต่มากด้วยปริศนาน่าติดตาม | Film to Watch Short Review

Fallout หนึ่งในวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยท่ามกลางโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ สู่การดัดแปลงภายใต้วิสัยทัศน์ของ โจนาธาน โนแลน และ ลิซา จอย จากซีรีส์ Westworld ร่วมด้วย Prime Video และ ทีมผู้สร้างจากวิดีโอเกมต้นฉบับ กลายเป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ในชื่อ “Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู”

สำหรับ Fallout นี่คือซีรีส์ที่ได้รับการคอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลวิดีโอเกมต้นฉบับ ว่าด้วยเรื่องราวในปี 2296 ที่เปิดโอกาสให้คนดูอย่างเราได้ออกสำรวจในแดนร้าง ดินแดนบนพื้นผิวโลกที่เต็มไปความอันตรายและสารตกค้างจากนิวเคลียร์ หลังการล้มสลายของอารยธรรมเดิมกว่า 219 ปี ผ่านวิสัยทัศน์ของ 3+1 ตัวละครหลัก

เริ่มต้นที่ ‘ลูซี่’ ตัวแทนของความดีงามที่อ่อนต่อโลก เธอเป็นหนึ่งในผู้อาศัยในหลุมหลบภัยหมายเลข 33 หรือ วอลท์ 33 ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางสังคมในอุดมคติ พร้อมกฎเหล็ก “จงปฏิบัติกับผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณปฏิบัติกับตัวเอง” แต่หลังจากที่พ่อของเธอถูกลักพาตัวไปด้วยชาวพื้นผิวโลก ลูซี่จึงต้องออกผจญภัยสู่แดนร้าง โลกสุดอันตราย พื้นที่แห่งใหม่ที่เธอไม่เคยรู้จัก

‘แม็กซิมัส’ ตัวแทนของเฉดสีเทา ทหารหนุ่มผู้ยึดมั่นในการทำดีแต่ไม่เกี่ยงซึ่งวิธีการ เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเชื่อฝังหัวของ Brotherhood of Steel หรือ เหล่าภารดรแห่งเหล็กกล้า กองทัพที่ยึดมั่นใจภารกิจอันสูงทรงไม่ต่างกับเหล่าอัศวิน ก่อนที่การออกทำภารกิจในแดนร้างจะค่อย ๆ สั่นคลอนความเชื่อเดิมของเขา

‘คูเปอร์’ นักล่าค่าหัวชื่อเสียงเลืองลือ ผู้ได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์จนกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘กูล’ จนมีอายุยืนยาวมากกว่า 219 ปี เขาคือตัวแทนของความดำมืดผู้กลมกลืนกับความป่าเถื่อนของแดนร้าง และพร้อมท้าทายทุกความดีงามที่ลูซี่เคยรู้จัก

ปิดท้ายด้วย ‘นอร์ม’ หรือ ‘นอร์แมน’ น้องชายผู้หมดแพสชั่นของลูซี่ ตัวแทนของผู้อาศัยภายในวอลท์ กับการออกตามล่าหาความจริง หลังทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป

สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของผมหลังดูจบ ซีรีส์ Fallout ใช้เวลา 2 ตอนแรกไปกับการเซ็ตติ้งโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ได้ชวนตื่นตาดีครับ ไม่ว่าจะเป็นสังคมในวอลท์ 33 และแดนร้าง กฎพื้นฐานต่าง ๆ ของโลกใบนี้ รวมถึงหลากตัวละครหลักที่ทำให้เราได้เห็นปูมหลัง ลักษณะนิสัย ความเชื่อ และวิธีคิดแบบพอสังเขป ที่อัดแน่นด้วยงานสร้างฟอร์มยักษ์ ความบันเทิง และความรุนแรงแบบเต็มข้อ ถัดมาในตอนที่ 3 ถึง 6 ตัวซีรีส์เริ่มที่จะเปรยปริศนาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับความเข้มข้นของเรื่องราวไปอีกขั้น ก่อนปิดท้ายด้วยการขมวดปมใน 2 ตอนสุดท้ายได้อย่างสวยงาม แต่..

การเล่าเรื่องในช่วง 2 ตอนแรกแม้จะชิลล์ไปหน่อย อันนี้เราพอเข้าใจได้ เพราะนี่คือการปูพื้นฐาน แต่ตอนที่ 3 ถึง 6 ยังคงจังหวะแบบเดิมไว้ไม่ผิดเพี้ยนเลย ดีตรงที่ทางทีมผู้สร้างเขาหย่อยปริศนาต่าง ๆ ไว้ได้ชวนติดตาม หลากตัวละครหลักก็เริ่มมีพัฒนาการทางคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้าง แถมปมที่วางไว้ก็ดูค่อย ๆ ทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ผมไม่รีรอขอไปต่อในอีก 2 ตอนสุดท้าย

สำหรับ 2 ตอนสุดท้าย บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ เพราะตอนที่ 7 ถึง 8 คือการขมวดปมความเข้มข้นได้ชวนติดตามแบบสุดๆ นี่คือหลักฐานของการมาช้าแต่มาชัวร์ เมื่อพัฒนาการของตัวละครดำเนินมาถึงทางแยกที่น่าสนใจมาก ๆ จิ๊กซอว์ที่โปรยทิ้งไว้ระหว่างทางเริ่มต่อเป็นรูปร่างจนน่าสะพรึง แถมเส้นเรื่องที่วางไว้ก็เดินทางมาบรรจบกันอย่างได้ลงตัว พร้อมกระตุ้มต่อมคนดูด้วยการเกริ่นถึงชะตากรรมคร่าว ๆ ของตัวละคร ลูซี่, แม็กซิมัส, คูเปอร์, นอร์แมน ที่อาจเป็นไปได้ในซีซั่นที่ 2 ซึ่ง Prime Video ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่า Fallout ได้ไปต่อเป็นที่เรียบร้อย แฟน ๆ ทั้งจากซีรีส์และวิดีโอเกมเตรียมลุ้นกันได้เลยครับ

 

Fallout หนึ่งในวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยท่ามกลางโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ สู่การดัดแปลงภายเป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ในชื่อ “Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู”