หลังสร้างไอคอนนิค ‘เดเมียน ธอร์น’ บุตรแห่งซาตานประดับวงการฮอลลีวูดใน ‘The Omen อาถรรพ์หมายเลข 6’ พร้อมทิ้งปริศนาต้นกำเนิดอันคลุมเครือมานานนับตั้งแต่ปี 1976 และปีนี้ถึงเวลาแล้วที่จะไขปริศนาความลับอันดำมืดให้กระจ่างชัดใน “The First Omen กำเนิดอาถรรพ์หมายเลข 6”

The First Omen ว่าด้วยเรื่องราวของแม่ชีฝึกหัดชาวอเมริกัน ‘มาร์กาเร็ต เดโน’ ถูกส่งตัวมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ณ กรุงโรม ส่งผลให้เธอต้องเข้าไปผัวพันด้านมืดของศรัทธา กลุ่มลัทธิที่หมายมั่นให้กำเนิดบุตรแห่งซาตาน เพื่อท้าทายความเชื่อและศาสนาถึงขีดสุด

หากความสยองขวัญของ The Omen คือสไลต์อเมริกันฮอร์เรอร์คลาสสิกจากยุค 70’s ฝั่ง The First Omen คือการหยิบยกความคลาสสิกที่ว่านั้นมาใช้งาน อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญยุคนี้มุ่งเน้นไปที่ฉากตุ้งแช่ผลุบโผล่เป็นจุดขาย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกนำเสนอภาพความน่ากลัวให้เห็นกันแบบชัดเต็มตา ทั้งความน่าสะพรึงกลัว สยอดสยอง และชวนขยะแขยง จนเราคนดูนี่แหละที่ต้องเบือนหน้าหนีไปเอง

นอกจากนี้ The First Omen ยังหยิบยกความเป็นอเมริกันฮอร์เรอร์คลาสสิกจากยุค 70’s มาผสานกับวิธีการสร้างสรรค์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเคลื่อนกล้อง การลำดับภาพ องค์ประกอบศิลป์ ดนตรีประกอบ รวมไปถึงการแสดง ซึ่งเมื่อทุกสิ่งหลอมรวมกันอย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือการยกระดับความสยองแบบคลาสสิกให้ดูรวมสมัยได้อย่างแท้จริง คุณจะสัมผัสได้ถึงความเก่าแต่กลับไม่เชย เหมือนจะสโลว์เบิร์นแต่พอเครื่องติดปุ๊ป นรกแตกปั๊ป ซึ่งมันทำงานกับความรู้สึกของผมระหว่างดูได้ดีมาก ๆ กลายเป็นงานที่ถูกที่ถูกเวลา และเซอร์ไพรส์แบบสุด ๆ

ด้านเนื้อหา ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยดูภาพยนตร์ต้นฉบับมาก่อน มีเพียงแค่การอ่านข้อมูลคร่าว ๆ แบบพอสังเขป แต่ก็ทำให้ผมค้นพบว่ามีหลายองค์ประกอบที่อ้างอิงถึง The Omen และเผยให้เห็นกันจะ ๆ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องเลยทีเดียว จนอดคิดไม่ได้เลยว่าแฟนรุ่นเก่าน่าจะชอบอกชอบใจอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ The First Omen ยังมีโครงสร้างเรื่องที่แข็งแรง แม้จะเป็นเรื่องราวภาคก่อน แต่คนที่ไม่เคยดูภาคต้นฉบับก็สามารถเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น และมีศักยภาพเพียงพอที่จะกำเนิดเป็นไตรภาคใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งถ้าภาคนี้ทำเงินได้มากพอ ภาคต่อคงมาแน่นอนครับ

สรุปแล้ว The First Omen คืองานที่เคารพต้นฉบับ โดยที่คนดูรุ่นใหม่สามารถเอนจอยกับมันได้ แถมยังหยิบยกองค์ประกอบความสยองจากยุคเก่ามาใช้งานได้อย่างร่วมสมัย ในยุคที่ความสยองขวัญแบบตุ้งแช่ครองตลาด นี่คือรสชาติตัดเลี่ยนที่อยู่ถูกที่ถูกเวลา และคุ้มค่าที่จะรับชมจริงๆ ครับ