หลังเปิดจักรวาล MonsterVerse ปล่อยให้เหล่าไททันได้ซัดกันครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางเรื่องราวฝั่งมนุษย์ที่ดราม่ากันยุ่งเหยิง ดูเป็นส่วนเกินในสายตาใครหลายคน ไล่มาตั้งแต่ Godzilla (2014), Kong: Skull Island (2017), Godzilla: King of the Monsters (2019) จนกระทั่งการมาถึงของ  ‘อดัม วิงการ์ด’ ในฐานะผู้กำกับ Godzilla vs. Kong (2021) ที่เข้ามาปรับทิศทางแฟรนไชส์ เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นบล็อกบัสเตอร์แบบเพียว ๆ และในวันนี้เขาก็ทำสำเร็จกับ “Godzilla x Kong: The New Empire ก๊อตซิล่าปะทะคอง 2 อาณาจักรใหม่”

หากมีโจทย์บังคับว่าต้องนิยาม Godzilla x Kong: The New Empire ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีที่มีทางเป็นของตัวเอง สำหรับผมบอกเลยว่านี่คือ ‘บล็อกบัสเตอร์ที่จริงใจ’ เพราะดูทรงแล้วผู้กำกับเขาทำการบ้านมาดีมาก สิ่งใดที่คนดูคาดหวัง สิ่งใดที่คนดูไม่ต้องการ อดัม วิงการ์ด จัดให้ตามคำขอ เริ่มตั้งแต่พล็อตเรื่องแบบหลวม ๆ ไม่ต้องผูกมัดอะไรมากความ ปล่อยจอยไปจนสุดขอบจินตนาการ วางเส้นเรื่องพร้อมดำเนินไปตาม 1-2-3-4 สอดแทรกฉากประจัญหน้าของเหล่าไททันตีกันแบบรัว ๆ สลับกับพาร์ทตัวละครมนุษย์ที่โดนตัดบทเหลือให้น้อยเท่าที่จำเป็น ผลที่ได้จึงตรงไปตามเฮดไลน์ของเรื่อง เป็นความมันส์ที่ทำถึงมากครับคุณน้า!!!

ถึงแม้เราจะบอกว่า Godzilla x Kong: The New Empire คือภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่เน้นฉากแอคชั่นแบบจัดเต็ม แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าพาร์ทความสัมพันธ์ของคนตัวละครมนุษย์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างคองกับซูโก (หรือมินิคอง) กลับมาเล่าออกมาได้อย่างกลมกล่อมกำลังดี  เป็นส่วนที่ช่วยเสริมให้กับภาพรวมของเรื่องราวดูมีชีวิตชีวา ก่อให้เกิดเป็นดราม่าที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในแฟรนไชส์นี้เลยก็ว่าได้

ด้านการอัพเกรดจากก็อตซิลล่าธรรมดาให้กลายเป็นร่างโรเซ่ ไหนจะคองที่เสริมออพชั่นจนหลายคนเริ่มครหาว่านี่มันอะไรกัน ขอบอกเลยว่าไม่ว่าจะเป็นก็อตหรือคอง สองตัวละครนี้ใช้คำว่าเท่ได้เปลืองมากในทุกครั้งที่ปรากฎตัว ด้านตัวละครใหม่อย่างซูโก มินิคองผู้น่ารัก จับตาดูเขาให้ดีเพราะนี่คือ MVP ที่แท้ทรู ขณะที่สการ์คิง วายร้ายหลักของเรื่อง แม้จะไม่ได้โชว์มิติอะไรมากมาย แต่ความร้ายของมันไม่ธรรมดา ทั้งดูเป็นเด็กช่าง มีความยียวน วางมาด กินขาดเรื่องเผด็จการ ก่อนที่บทสรุปของตัวละครจะทำให้เราพูดได้อย่างเต็มปากว่า ‘สมควรแล้วพี่’

จากทั้งหมดที่กล่าวมา Godzilla x Kong: The New Empire คือการนำพา MonsterVerse มุ่งหน้าสู่ทิศทางที่กลุ่มผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก แม้เนื้อหาดูปล่อยจอยไปบ้าง แต่บทจะฮุคด้วยดราม่า เขาก็เล่าออกมาได้อย่างลงตัว ถือเป็นจุดสูงสุดของแฟรนไซน์ในแง่ความบันเทิง และที่สำคัญ Filmed For IMAX ของเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ IMAX ช่วยยกระดับความบล็อกบัสเตอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถึงขีดสุด นั่งดูไททันซัดกันเบิ้ม ๆ บนจอยักษ์ คำรามแต่ครั้งดังสนั่นเบาะ ช่างเป็นประสบการณ์การรับชมที่มันส์ถึงใจจริง ๆ ครับ