The Marvels : สวนสนุกมาร์เวลเปิดทำการ แอคชั่นจัดว่าดี เคมีนักแสดงกลมกล่อม ครบเครื่องความสนุกแบบเฟสแรก | Film to Watch Short Review
นับตั้งแต่หลังโควิด-19 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ Marvel Studios ต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ยากจะหลีกเลี่ยง เริ่มตั้งแต่หลากปัญหาภายในที่ส่งผลกระทบต่อชิ้นงานโดยรวม การมุ่งเน้นปริมาณภาพยนตร์และซีรีส์มากกว่าคุณภาพจนแฟนๆ เริ่มเบือนหน้าหนี ไปจนถึงวิกฤติศรัทธาที่เหล่าคนดูมีต่อภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่คอมมิกอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้น ผมในฐานะตัวแทนของ MiX Magazine ก็อยากที่จะพิสูจน์ให้เห็นกับตาอยู่เหมือนกันว่า “The Marvels เดอะ มาร์เวลส์” ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากทาง MCU นั้น ยังควรค่าแก่การดู Day 1 อยู่หรือไม่ และคำตอบที่ได้รับก็คือ ภาพยนรเรื่องนี้ยังคงความบันเทิงในแบบที่เราคิดถึงจากมาร์เวลไว้อยู่ครับครับ
The Marvels เป็นการสานต่อเรื่องราวจาก Captain Marvel (2019) โดยมีชิ้นส่วนเรื่องราวเสริมบ้างเล็กน้อยจาก Avengers: Endgame (2019), WandaVision (2021), Ms. Marvel (2022) และ Secret Invasion (2023) ตามลำดับ ว่าด้วยการรวมทีมของ 3 ซูเปอร์ฮีโร่สาวพลังแสง ระหว่าง กัปตันมาร์เวล, กัปตันโมนิก้า แรมโบ และ มีสมาร์เวล ในฐานะ ‘เดอะ มาร์เวลส์’ เพื่อการหยุดยั้งมหันตภัยแค้นของ ดาร์-เบนน์ และชาวครี
สำหรับ The Marvels สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเคมีของทีมนักแสดงครับ เริ่มตั้งแต่ บรี ลาร์สัน ในบท กัปตันมาร์เวล, ทียอนาห์ แพร์ริส ในบท กัปตันโมนิก้า และ อิมาน เวลลานิ ในบท มีสมาร์เวล ที่เคมีของพวกเธอนั้นเข้าขากันสุดๆ ทุกครั้งที่อยู่ร่วมจอ หรือทุกครั้งที่ต้องสลับที่กันเมื่อใช้พลัง มันเป็นโมเมนต์ที่ทั้งสนุก ทั้งเฮฮา และชวนยิ้มเป็นที่สุด ถัดมาก็คือ ครอบครัวข่าน แม้ออกซีนไม่เยอะ แต่การมีอยู่ของพวกเขามันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจจนบอกไม่ถูก ซึ่งถ้าใครรู้สึกรำคาญน้อง กมล่า ข่าน แอนด์พ่อแม่จากตอนดูซีรีส์ ไม่รู้ว่าจะยังรู้สึกแบบเดิมในเรื่องนี้อยู่หรือไม่ แต่ส่วนตัวผมจอยกับเคมีนี้มากครับ
ส่วนที่ดีถัดมาของเรื่อง คือการดีไซน์ฉากแอคชั่นที่ต้องบอกเลยว่าโคตรสนุกเลย แม้ไม่ดุดันแบบเต็มข้อ แต่พอต้องบู๊ไป สลับที่ไป มันก็เลยกลายเป็นความอลม่านที่ลงตัว โบ๊ะบ๊ะที่สุด ยิ่งพอตัวละครหลักของเรามารวมทีมกันแล้ว การสลับที่กลายเป็นกิมมิกชั้นดีที่ชวนสร้างชุดคอมโบเซ็ตฉากแอคชั่นให้สนุกและดูมันส์ถึงใจ
ขณะเดียวกันใน The Marvels ก็ถือเป็นการทดลองสิ่งใหม่ใน MCU ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือการหยิบความเป็นมิวสิคัลมาใส่ไว้ในเรื่องแบบกำลังดี ถือเป็นการแต่งแต้มเฉดสีใหม่ๆ ให้กับจักรวาลนี้ได้โอเคเลย นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่คอมมิก-มิวสิคัลในอนาคตก็เป็นได้ครับ ใครจะรู้ล่ะ
นอกจากนี้ The Marvels ยังมีอีกกลุ่มตัวละครที่แย่งซีนแบบเต็มข้ออยู่ด้วย ซึ่งก็คือ กูส และเหล่าน้องๆ เฟลอร์เคน ทั้งหลาย ใครเป็นทาสแมวเตรียมฟินได้เลย
จากทั้งหมดที่กล่าวมานั่น นี่คือสิ่งที่ผมมองว่าเป็น ‘ส่วนที่ดี’ ของภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ ต่อไปเราจะมาพูดถึง ‘ส่วนที่น่าเสียดาย’ กันบ้าง เริ่มที่ตัวร้ายของเรื่องอย่าง ดาร์-เบนน์ นี่คืออีกหนึ่งเคสที่ตอกย้ำให้เห็นว่า MCU ใช้งานวายร้ายได้เสียของมาก ตัวละครนี้มีที่มาที่ไปโอเค มีแรงจูงใจที่โอเค แต่กลับดึงศักยภาพมาใช้งานได้อย่างผิวเผิน ส่งผลให้ ดาร์-เบนน์ กลายเป็นเพียงแค่ตัวร้ายที่ถือกำเนิดมาให้ซูเปอร์ฮีโร่ปราบแล้วก็จากไป ไม่ใช่คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้ออะไร ไม่น่าเกรงข้าม และไม่ทิ้งอะไรไว้ให้คนดูรู้สึก ‘น่าจดจำ’ ซึ่งนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์สุดเลวร้ายภายในเรื่องได้แบบ ‘เรียบง่าย’ ในช่วงท้ายอีกแล้ว
อีกหนึ่งความน่าเสียดายที่ต้องพูดถึงก็คือ ‘ดราม่า’ ครับ แน่นอนว่าไม่ใช่ภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องมีดราม่าชั้นดี แต่การที่ The Marvels มีหลากประเด็นที่น่าสนใจ และเพียงพอต่อการนำมาเล่าในเชิงนี้ เพื่อสร้างความเข้มข้นให้ภาพยนตร์ที่ออกมาดูกลมกล่อมเพิ่มมากขึ้น ทั้งประเด็นความสัมพันธ์ก็ดี ประเด็นการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็ดี และอื่นๆ ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลามราสั้นกระชับแค่ 1 ชั่วโมง 45 นาที ส่งผลให้พอโมเมนต์ดรามาเวลาผลิดอกออกผล ยังไม่ทันที่คนดูซึมซับมากเท่าไหร่ พี่เขาก็ข้ามผ่านเพื่อไปเล่าเรื่องอื่นต่อ พอไม่ขยี้ สิ่งดีๆ เหล่านี้ก็เลยถูกเล่าแบบเสียของอีกตามเคย
หากมองภาพรวมของ ถามว่า The Marvels สนุกมั้ย? ส่วนตัวขอตอบเลยว่าสนุกครับ เป็นความบันเทิงแบบมาตรฐานมาร์เวลเฟสแรก ทั้งเคมีของทีมนักแสดง (ซึ่งมาร์เวลเขาโดนเด่นเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไร) ฉากแอคชั่นที่จัดว่าดี นอกจากนี้ยังมีน้องแมวมาคอยแย่งซีนอีกตั้งหาก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งการตอกย้ำว่ามาร์เวลคือสวนสนุก เพราะ The Marvels เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเครื่องเล่นสร้างความบันเทิง มาพร้อมกับพล็อตย่อยง่ายไม่ซับซ้อน ดราม่าไม่ลึก ตัวร้ายไม่น่าจดจำ มีอุปสรรคที่สามารถคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย เน้นสร้างสถานการณ์เพื่อให้ฮีโร่ได้พิสูจน์ตัวเองเบาๆ (แม้ภัยร้ายจะใหญ่ระดับจักรวาล) จบแล้วก็จบไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรครับ เพียงแต่ช่วงวิกฤติศรัทธาแบบนี้ หากทำซ้ำเดิมต่อไป คนที่เขาเบื่อภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ เบื่อมาร์เวล คงอาจเบือนหน้าหนีมันมากกว่าเดิมก็เป็นได้ครับ
ปล. แม้ภาพรวมของ The Marvels จะดูบันเทิง สนุกสนาน แต่สิ่งที่ชวนว้าวจริงๆ กลับอยู่ที่ Mid-Credits ซึ่งปูทางไปสู่งความเป็น Multiverse Saga ได้โคตรน่าสนใจเลยครับ หวังว่านับจากนี้ หลังการประท้วงสิ้นสุดลงของสมาคมนักเขียนบทอเมริกาก็ดี สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และสมาพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุอเมริกันก็ดี จะช่วยให้ Marvel Studios เล็งเห็นถึงความสำคัญของชิ้นงานมากกว่าปริมาณ โดยเฉพาะตัวบทที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่ในอนาคตจักรวาล MCU จะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
ปล. 2 ส่วนตัวผมมีโอกาสได้ดู The Marvels รอบแรกในระบบ Screen X ซึ่งต้องบอกเลยว่าส่วนขยายจอข้างมีมาพอสมควร ช่วยเพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดี ส่วนรอบที่สองในระบบ IMAX with Laser อันนี้คือประสบการณ๋ขึ้นสุดมากในแง่ของเสียง กระหึ่มได้ใจ แรงจนเก้าอีสั่น ส่วนงานภาพและส่วนขยายยังไม่ค่อนเท่าไหร่ เว้นแต่ซีนในอวกาศ อันนี้ใหญ่เต็มตา เวิ้งว้างได้ใจมากครับ