LAW IN LIFE ตอน สุดวิสัยหรือประมาท

LAW IN LIFE ตอน สุดวิสัยหรือประมาท

สมชายหนุ่มใหญ่วัยเกษียณ หลังจากออกจากงาน เพราะเหตุสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทําให้กิจวัตรคือ การพบแพทย์ แต่สมชายเองก็ยังขับรถไปไหนมาไหน ด้วยตนเองตลอด ทั้ง ๆ ที่แพทย์เองก็เตือนอยู่แล้วว่าโรคภัย ไข้เจ็บของเขานั่นไม่ควรจะขับรถเอง เพราะมีโอกาสวูบได้

แต่เขาก็ไม่เชื่อ จนวันที่เขาและอีกหลายคนต้องบันทึกและ จดจําเป็นอุทาหรณ์ไปอีกนานแสนนาน เมื่อเขาขับรถขึ้นทางด่วน เพื่อจะไปหาเพื่อนที่ไม่ได้พบปะกันหลายเดือนหลังจากเขา ออกจากงาน ในระหว่างทางเขาเกิดวูบขึ้นมาอย่างกระทันหัน เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ของเขาให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยได้ และเบี่ยงซ้ายกินเลนเข้าไปชนกับรถยนต์คันหนึ่ง ที่จอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทางที่มีคนยืนอยู่บริเวณด้านหน้า ของรถยนต์คันทีเสีย และทําให้คนดังกล่าวกระเด็นตกลงจาก บนทางด่วนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตหลังจากสมชายฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกตกใจและยังไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับผู้อื่น จึงสอบถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตํารวจว่าเกิดอะไรขึ้น

เจ้าหน้าที่ตํารวจ : คุณขับรถไปชนรถที่จอดเสียอยู่บนไหล่ทาง และทําให้มีคนกระเด็นตกลงจากทางด่วน ทําให้มีคนเสียชีวิตครับ

สมชาย : แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ ผมขับ อยู่ในเลนอยู่ดี ๆ และความเร็วก็ไม่เกิน กฎหมายกําหนดดูจากเข็มไมล์ก็ได้ครับ แล้วเกิดวูบทําให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น มันเป็นเหตุสุดวิสัยครับ ผมไม่น่าจะมี ความผิดอะไรใช่ไหมครับ

เจ้าหน้าที่นํารวจ : เรื่องอย่างนี้ผมคงยังตอบอะไรไม่ได้หรอกครับ คงต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน

Q : เอาล่ะครับ ถ้าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามอุทาหรณ์สมชายจะมีความผิด  หรือไม่อย่างไรมาดูกัน

A : จากข้อเท็จจริงปรากฏว่าสมชายเองมีสุขภาพที่ไม่สู้ดีอยู่แล้ว  และแพทย์เองก็แนะนําว่าไม่ควรขับรถยนต์ด้วยตนเองเพราะ อาจจะมีอาการวูบและประสบอุบัติเหตุได้ แต่เขาก็ยังฝืนที่จะขับ จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น การที่เขาจะอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะว่าวูบโดยกะทันหันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน โดยไม่มี บุคคลใดคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้น และไม่อาจป้องกันหรือ หลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ แม้ว่าจะได้ใช้ความระมัดระวังแล้วก็ตาม ไม่ได้เพราะสมชายเองทราบอยู่แล้วว่าเขามีสุขภาพไม่ดี และแพทย์ก็เตือนว่าไม่ควรขับรถยนต์ด้วยตนเองเพราะอาจจะวูบได้ เขาจึงสามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ จึงไม่เป็นเหตุสุดวิสัย เขาจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 291 ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การที่รู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าการกระทําบางอย่างอาจเป็นเหตุให้เกิด ผลร้ายต่อตนเองและผู้อื่นก็ไม่ควรจะฝืนอย่างเช่นกรณีของสมชาย เพราะนอกจากตนเองจะต้องรับโทษแล้ว ยังทําให้ผู้อื่นและคนใกล้ชิด ต้องได้รับผลร้ายอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 291 ผู้ใดกระทําโดยประมาท และการกระทํานั้น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

 

 

สมชายหนุ่มใหญ่วัยเกษียณ หลังจากออกจากงาน เพราะเหตุสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทําให้กิจวัตรคือ การพบแพทย์