ปรับเกณฑ์ใหม่ ! เบี้ยผู้สูงอายุ เช็กคุณสมบัติผู้ที่ได้รับสิทธิ์ล่าสุด
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 และยกเลิกกฎหมายเดิมทั้งหมด โดยระเบียบดังกล่าวมีการปรับจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ คนที่จะได้รับเงิน 600 บาท ต้องมีคุณสมบัติและรายละเอียดดังนี้
คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาท
- มีสัญชาติไทย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตองค์กรปกครองส่วนท้อนถิ่น
- อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นผู้ที่ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
ซึ่งแตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมที่ระบุว่า ผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินผู้สูงอายุ จะต้องเป็นผู้ที่ไม่รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการ และผู้ป่วยเอดส์ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพของอค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548
ขั้นตอนการยืนยันสิทธิ รับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท
ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้ยืนยันสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยไม่ต้องลงทะเบียน และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำนวยความสะดวกโดยการแจ้งไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิ หากผู้สูงอายุมีความประสงค์ที่จะรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูล เพื่อยืนยันสิทธิตนเองไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังต่อไปนี้
- แบบยืนยันสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับผู้ที่ต้องการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร
- ถ้าผู้สูงอายุไม่สามารถแจ้งความประสงค์รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลอื่นเป็นผู้แจ้งความประสงค์แทนได้
การสิ้นสุดรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในกรณีดังนี้
- ตาย
- ขาดคุณสมบัติตามที่นำเสนอมา
- แจ้งสละสิทธิการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นหนังสือต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิ
กรณีระงับสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนสั่งระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสำหรับบุคคลดังกล่าว หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียน และรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป
มีผลบังคับใช้วันไหน?
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ คือ นับจากวันที่ 11 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป