มาเซราติจัดงานสุดพิเศษพร้อมการปรากฏตัวของคนดังระดับโลกอย่าง David Beckham พร้อมเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ Fuoriserie One Off 3 เวอร์ชั่น
มาเซราติกรันทูริสโมเฉิดฉายที่เมืองมิลานเทศกาลดีไซน์วีค
มาเซราติจัดงานสุดพิเศษพร้อมการปรากฏตัวของคนดังระดับโลกอย่าง David Beckham และ Hiroshi Fujiwara เพื่อร่วมฉลองมาเซราติกรันทูริสโมโฉมใหม่พร้อมเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ Fuoriserie One Off 3 เวอร์ชั่น และรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี
มาเซราติได้จัดงานเปิดตัวมาเซราติกรันทูริสโมรุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 19 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาณโชว์รูมมาเซราติแห่งใหม่ใจกลางเมืองแฟชั่นระดับโลกของประเทศอิตาลีโดยภายในงานฯนอกจากจะมีการรวมตัวของเหล่าบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแวดวงแฟชั่นวงการบันเทิงกีฬาและดนตรีแล้วยังมีการเปิดตัวมาเซราติกรันทูริสโมรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปีและรุ่นพิเศษอีก 3 คันได้แก่มาเซราติกรันทูริสโม One Off Prisma กับกรันทูริสโม One Off Luce ที่ออกแบบโดย Maserati Centro Stile และกรันทูริสโม One Off Ouroboros ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจสุดแรงกล้าของ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชั้นนำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น
พร้อมกันนี้ David Beckham ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของมาเซราติยังได้เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วยเพื่อร่วมสัมผัสมาเซราติกรันทูริสโมรุ่นใหม่อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Dardustนักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอิตาลีและ Matilda De Angelis นักแสดงสัญชาติอิตาลีเพื่อร่วมกันฉลองความสำเร็จของการเปิดตัวซูเปอร์คาร์ระดับไอคอนรุ่นดังกล่าวแห่งค่ายตรีศูลโดยมาเซราติกรันทูริสโมได้ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 2490 พร้อมความโดดเด่นในด้านการขับขี่ระยะทางไกล
สำหรับรถมาเซราติกรันทูริสโม One Off ตัวต้นแบบทั้งสามคันที่ถูกออกแบบภายใต้โปรแกรม Fuoriserie จะมีทั้งรถยนต์คันจริงและในรูปแบบ 3D ในขณะที่มาเซราติกรันทูริสโมรุ่นครบรอบ 75 ปีจะมีการตกแต่งด้วยดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่นเพื่อยกระดับความหรูหราและความพิเศษมากยิ่งขึ้น
มาเซราติกรันทูริสโม One Off Prisma นับเป็นผลงานฝีมือสุดประณีตขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเน็ททูโน (Nettuno) เบนซินวี 6 สูบสะท้อนถึงต้นกำเนิดของรถรุ่นนี้โดยทุกรายละเอียดของตัวรถผ่านฝีมือการรังสรรค์ที่มีความประณีตในการการเลือกเฉดสีและการตกแต่งด้วยตัวอักษรกว่า 8,500 ตัวที่บอกเล่าชื่อรถยนต์รุ่นต่างๆของมาเซราติโดยตัวรถแต่งแต้มด้วย 14 เฉดสีโดย 2 เฉดสีจากทั้งหมดจะบ่งบอกถึงพลังแห่งอนาคตในขณะที่ 12 เฉดสีเป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอดีตของมาเซราติกรันทูริสโมอาทิสีแดงAmarantoอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Maserati A6 1.500 ปี 2490 หรือสีทอง Oro Longchampsของรุ่นMaserati Khamsin ปี 2516
มาเซราติกรันทูริสโม One Off Luce ที่พัฒนาขึ้นจากนวัตกรรมซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้ารุ่นFolgoreซึ่งบ่งบอกถึงการค้นคว้าและการวิจัยอย่างต่อเนื่องของมาเซราติการตกแต่งภายนอกมีการเคลือบด้วยสีสะท้อนแบบกระจกที่ตัวถังพร้อมแกะสลักลวดลายด้วยเลเซอร์และลงสีด้วยสีที่ทำให้รถดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบข้างส่วนวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในได้นำเสนอสัมผัสแห่งอนาคตด้วยการใช้ไนลอนชนิดพิเศษ ECONYL® ที่มอบความสวยงามและยังโดดเด่นด้วยตกแต่งด้วยสีน้ำเงินแบบโมโนโครมตามสีของท้องทะเลภายในมีความโดดเด่นด้วยเส้นสายลายกราฟิกบริเวณคอนโซลกลางและการใช้เลเซอร์สร้างลวดลายแบบไล่ระดับสีที่เบาะพนักพิงผลลัพธ์ที่ได้คือการตกแต่งขั้นสูงที่สร้างความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณของมาเซราติพร้อมด้วยความงดงามของการดีไซน์ที่น่าอัศจรรย์
Klaus Busse หัวหน้าแผนกดีไซน์ของมาเซราติเผยว่า “มาเซราติกรันทูริสโม Prisma คือผลงานที่มีความโดดเด่นและรวบรวมทุกความสำเร็จของมาเซราติตลอด 75 ปีและกรันทูริสโมรุ่น Luce คืออนาคตของเรารถทั้งสองคันนี้ถือเป็นความสมดุลและความสมบูรณ์แบบด้านนวัตกรรมส่วนกรันทูริสโมรุ่น Prisma แสดงถึงความงดงามและความเป็นเลิศในด้านศิลปะที่ผสานความเชี่ยวชาญตามแบบฉบับช่างฝีมือชาวอิตาลีในขณะที่กรันทูริสโมรุ่น Luce เน้นการสื่อให้เห็นถึงอีกขั้นของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผสานวิสัยทัศน์และความสร้างสรรค์ของชาวอิตาลีเข้าไว้ด้วยกัน”
และจากการที่มาเซราติเป็นพันธมิตรกับ Fragment แบรนด์ดีไซน์เนอร์สัญชาติญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2564 ก็ได้เปิดตัวกรันทูริสโม One Off Ouroboros กรันทูริสโมดีไซน์แบบ 3D ที่ถูกออกแบบด้วยฝีมือของ Hiroshi Fujiwara ผู้นำสตรีทแฟชั่นโดยเน้นการตีความร่วมสมัยของกรันทูริสโมในรูปแบบของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมสื่อถึงการเชื่อมโยงและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดย Hiroshi Fujiwara ได้ผสมผสานการออกแบบโดยอาศัยองค์ประกอบที่โดดเด่นของมาเซราติรุ่นต่างๆ ในอดีตอย่างการนำกระจังหน้าจากรุ่น A6GCS Berlinetta Pininfarina และช่องระบายอากาศข้างตัวรถจากรุ่น 3500 GT ซึ่งนับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามแห่งยุค 50 พร้อมด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบปิดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถแข่งในยุค 60 เช่นมาเซราติรุ่น Tipo 151 ในขณะที่ล้อฟอร์จได้รับแรงบันดาลใจจากล้อแม็กนีเซียมอัลลอยด์รุ่นบุกเบิกแบรนด์ Bora ในยุค 70 และแผงไฟท้ายที่มาจากการออกแบบที่ล้ำสมัยของรุ่นShamal ในช่วงยุค 80 และ 90
Hiroshi Fujiwara ผู้อยู่เบื้องหลังของแบรนด์ Fragment เผยว่า “มาเซราติกรันทูริสโมรุ่น Ouroboros คือภาพสะท้อนของวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงการออกแบบของมาเซราติในยุคต่างๆรวมถึงกรันทูริสโมในรุ่นปัจจุบันพวกเราทำงานร่วมกับมาเซราติเพื่อผสานองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและสมรรถนะขั้นสูงสุดในปัจจุบันของมาเซราติเข้ากับการดีไซน์ระดับไอคอนเพื่อขับเคลื่อนความเป็นตำนานให้คงอยู่ตลอดไป”
ส่วนหนึ่งของการทำงานร่วมกับแบรนด์ Fragment ในงานเปิดตัวครั้งนี้ Hiroshi Fujiwara ยังได้จัดแสดงสินค้าคอลเลคชั่นล่าสุดซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การเดินทางสุดหรูด้วยรถยนต์มาเซราติกรันทูริสโมพร้อมกับการเผยโลโก้ใหม่ที่ผสานกันระหว่างมาเซราติและแบรนด์ Fragment ที่ได้รับแรงบันดาลใจที่มีกลิ่นอายของโมเดน่าและโตเกียวเมืองบ้านเกิดของทั้งสองแบรนด์โดยสินค้าในคอลเลคชั่นนี้ประกอบไปด้วยเสื้อยืดเสื้อสเวตเตอร์กางเกงวอร์มสีขาวและสีดำหมวกแก๊ปพวงกุญแจมาเซราติรุ่นกรันทูริสโมรุ่น A6 1.500 คันแรกของโลกถุงผ้าแผนที่ประเทศอิตาลีที่ถูกออกแบบโดย YorgoTloupas สำหรับนักสะสมโดยเฉพาะนอกจากนี้ยังมีผ้าห่มที่ทำจากผ้าแคชเมียร์และเก้าอี้กับโต๊ะพกพาที่สร้างสรรค์ร่วมกับ Helinox คอลเลคชั่นนี้เหมาะสำหรับใช้ช่วงแวะพักระหว่างทริปการเดินทางด้วยมาเซราติที่ทั้งสมบูรณ์แบบและน่าจดจำซึ่งสินค้าทั้งหมดจะถูกวางจำหน่ายบนเว็บไซต์ Maserati.com และที่โชว์รูมมาเซราติที่ร่วมรายการตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2566 เป็นต้นไป
อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือมาเซราติกรันทูริสโมรุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีที่ได้สร้างความเย้ายวนใจอย่างยิ่งภายในงานฯโดยรถยนต์รุ่นพิเศษนี้มีให้เลือก 4 รุ่นเริ่มด้วยรุ่นเครื่องยนต์แบบสันดาบที่มีให้เลือกทั้งสีเทา Grigio Lamiera หรือสีดำ Nero Cometa และแบบเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Folgore สีน้ำตาล RameFolgore และสีน้ำเงิน Blu Inchiostro ซึ่งแต่ละสีจะผลิตขึ้นเพียงสีละ 75 คันเท่านั้น
โดยผลงานชิ้นเอกที่ถูกนำเสนอทั้งในรูปแบบรถคันจริงและแบบ 3D ทั้งหมดนี้ได้สะท้อนความมุ่งมั่นของมาเซราติที่พร้อมขับเคลื่อนไปสู่อนาคตและยังเป็นยนตรกรรมที่ถูกสร้างขึ้นแบบ Fuoriserie ที่ให้ลูกค้าได้แสดงตัวตนที่ชัดเจนผ่านการออกแบบและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครโดยหลังการเปิดตัวที่งาน Milan Design Week 2023 แล้วยนตรกรรมมาเซราติทั้งหมดนี้จะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อร่วมฉลองการเปิดตัวมาเซราติกรันทูริสโมและเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมของมาเซราติได้ร่วมสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด