อาร์เจนตินา พบกับ ฝรั่งเศส ใครจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว โดยเป็นการแข่งขันระหว่าง อาร์เจนตินา พบกับ ฝรั่งเศส ที่สนาม ลูซาอิล สเตเดี้ยม คืนนี้ 18 ธันวาคม เวลา 22.00 น.
อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส (แชมป์เก่า) ทั้ง 2 ทีม ต่างมีแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 เป็นเดิมพัน โดยการแข่งขันรอบชิง ฟุตบอลโลก 2022 โดยที่ฝรั่งเศสยังเป็นการลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ เป็นแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยทีมสุดท้ายที่เคยป้องกันแชมป์ได้คือ บราซิล ที่ทำได้ในปี 1958 ต่อด้วยในปี 1962 และทางฝั่งอาร์เจนตินา ก็ลุ้นคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 อีกทั้งยังเป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ ลิโอเนล เมสซี ก่อนที่เขาจะอำลาทีมชาติ ต้องบอกเลยว่าเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ที่สำคัญต่อทั้ง 2 ทีม มากๆ โดยในวันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของทีมชาติอาร์เจนตินา และฝรั่งเศส ในทัวน์นาเม้นท์ฟุตบอลโลกในแต่ละครั้งที่ผ่านมากัน
ทีมชาติอาร์เจนตินาแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย
สมัยที่ 1 ในปี 1978 จัดขึ้นที่ประเทศอาร์เจนติน่า โดยนัดชิงชนะเลิศเจ้าภาพอาร์เจนติน่าเอาชนะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ (ฮอลแลนด์) ด้วยสเกอร์ 3-1 และ
สมัยที่ 2 ในปี 1986 จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดของอาร์เจนตินา เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในวงการลูกหนังเมื่อ ดิเอโก มาราโดนา คือนักเตะคนสำคัญที่พา “ทัพฟ้าขาว” คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ อาร์เจนตินาเอาชนะโดยทีมชาติเยอรมันตะวันตกด้วยสเกอร์ 3-2 โดยในตอนนี้ทีมชาติอาร์เจนตินา เคยผ่านเข้าเข้ารอบชิงชนะเลิศมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง คือ
ปี 1930 (อุรุกวัย 4-2 อาร์เจนตินา) รองชนะเลิศ
ปี 1978 (อาร์เจนตินา 3-1 เนเธอร์แลนด์) ชนะเลิศ
ปี 1986 (อาร์เจนตินา 3-2 เยอรมันตะวันตก) ชนะเลิศ
ปี 1990 (เยอรมันตะวันตก 1-0 อาร์เจนตินา) รองชนะเลิศ
ปี 2014 (เยอรมัน 1-0 อาร์เจนตินา) รองชนะเลิศ
ฟุตบอลโลกปี 2022 อาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี่ ที่หวังจะได้ชูถ้วยแชมป์โลกเป็นการส่งท้ายในการรับใช้ทีมชาติ นักเตะขุนพล "ฟ้าขาว" พร้อมเล่นทุ่มสุดกำลังเพื่อเขา แต่เมื่อขุนพลนักเตะทัพอาร์เจนตินาลงสนามเกมแรกกลับออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก โดยอาร์เจนตินา แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 แต่หลังจากพ่ายแพ้ต่อซาอุดีอาระเบียไปนั้น อาร์เจนตินา ก็สามารถแข่งชนะรวดมาได้หลายเกมติดต่อกันโดยเอาชนะ ออสเตรเลีย , เนเธอร์แลนด์ และ โครเอเชีย มาได้ในเกมล่าสุด
ผลการแข่งขันก่อนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม C)
แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2
ชนะ เม็กซิโก 2-0
ชนะ โปแลนด์ 2-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ชนะ ออสเตรเลีย 2-1
รอบก่อนรองชนะเลิศ
ชนะดวลจุดโทษ เนเธอร์แลนด์ 4-3 (เสมอ 2-2 ใน 120 นาที)
รอบรองชนะเลิศ : ชนะ โครเอเชีย 3-0
มาดูทางฝั่งทีมชาติฝรั่งเศสกันบ้าง ทีมชาติฝรั่งเศสแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย
การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกของฝรั่งเศศเกิดขึ้นเมื่อปี 1998 ซึ่งก็เป็นฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพในปีนั้น จากนั้นแชมป์สมัยที่ 2 เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด 2012 โดยคนที่พาทัพ “ตราไก่” คว้าแชมป์ได้ก็คือ กุนซือของฝรั่งเศสในตอนนี้อย่าง เดส์ชองส์ นั่นเอง หลังจากที่คว้าแชมป์ได้ในปี 1998 พวกเขาก็ต้องมาตกรอบแบ่งกลุ่มในปี 2002 ไปแบบน่าเสียดายเพราะเป็นแชมป์เก่า และในปี 2006 ก็สามารถผ่านเข้ามาเถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ต้องไปแพ้การดวลจุดโทษให้กับทีมชาติ อิตาลี่ จากนั้นในปี 2010 พวกเขาก็ต้องมาตกรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้ง และต้องรอถึง 8 ปีก่อนที่จะมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
ทีมชาติฝรั่งเศสแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย
ฝรั่งเศสเคยผ่านเข้าเข้ารอบชิงชนะเลิศมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง คือ
ปี 1998 (ฝรั่งเศส 3-0 บราซิล) ชนะเลิศ
ปี 2006 (อิตาลี 5-3 ฝรั่งเศส) ดวลจุดโทษ องชนะเลิศ
ปี 2018 (ฝรั่งเศส 4-2 โครเอเชีย) ชนะเลิศ
ทางฝั่งทัพ “ตราไก่” มีนักเตะ เอ็มบัปเป้ ผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มเด่นสุด วัย 23 ปี เขาคือความหวังของทีมชาติฝรั่งเศส จากผลงาน 5 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ และถึงแม้ว่าทีมแชมป์เก่าฝรั่งเศส ที่ขาดนักเตะสตาร์หลายรายมาช่วยทีมในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ อย่างเช่น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ , คาริม เบนเซม่า และ ปอล ป็อกบา แม้ว่าฝรั่งเศสจะขาดนักเตะคนสำคัญหลายราย แต่ก็สามารถผ่านเข้ารอบเป็นทีมแรกของทัวร์นาเมนต์ หลังชนะรวดใน 2 นัดแรก พอผ่านเข้ามาถึงรอบรอบน็อกเอาต์ ก็ยังสามารถเอาชนะ โปแลนด์, อังกฤษ และโมร็อกโก เจ้าของฉายา ชาติม้ามืดขวัญใจมหาชนในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยฝรั่งเศสสามารถเอาชนะม้ามืดอย่างโมร็อกโก ไปได้ 2-0 ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
ผลการแข่งขันก่อนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์กลุ่ม D)
ชนะ ออสเตรเลีย 4-1
ชนะ เดนมาร์ก 2-1
แพ้ ตูนิเซีย 0-1
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ชนะ โปแลนด์ 3-1
รอบก่อนรองชนะเลิศ
ชนะ อังกฤษ 2-1
รอบรองชนะเลิศ
ชนะ โมร็อกโก 2-0
แม้ว่าฝรั่งเศสจะขาดกองกลางคนสำคัญไปอย่าง ก็องเต้ และ ป๊อกบา ที่ตำแหน่งหน้าที่ของก็องเต้คือไล่บดขยี้และทำลายเกมรุกคู่แข่ง ทำให้ป๊อกบาที่เป็นกองกลางสายเปิดบอลแม่นยำ ไม่ต้องหวงแผงหลังในเกมรับ สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างเต็มที่เพราะมีคู่หูอย่างก็องเต้คอยปัดกวาดเกมรับให้นั่นเอง และแม้ว่าฝรั่งเศสจะขาด 2 นักเตะคนสำคัญนี้ไป แต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบมาจนถึงนัดชิงชนะเลิศได้ ต้องขอชม ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เลย สามารถหานักเตะใหม่มาแทนที่ เป็นการผสมผสานกันระหว่างนักเตะชุดเก่าที่คว้าแชมป์โลกครั้งก่อน กับนักเตะชุดใหม่ได้อย่างลงตัว โดยนักเตะชุดนี้คนที่ต้องชมเลยคือ อ็องตวน กรีซมาน ที่ขยับมาเป็นกองกลางตัวรุก เพื่อคอยสร้างสรรค์เกมให้กับกองหน้า ชิรูด์ กองหน้าสุดคม ที่ทำหน้าที่แทน เบนเซม่า ได้อย่างดีทีเดียว ส่วนทางฝั่งปีกก็มี เอ็มบัปเป้ คอยปั่นป่วนแนวรับคู่แข่ง แต่ถ้าดูจากผลการแข่งขันในนัดที่ผ่าน ๆ มาแม้ว่าแนวรุกฝรั่งเศสจัดว่าครบเครื่อง ใช้งานได้หลากหลาย แผงหลังก็มี วาราน คอยบัญชาเกมรับ แต่ผลการแข่งขันหลายนัดกลับเสียประตูตลอด ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อว่าในนัดนี้ จะเป็นนัดอำลาของเมสซี่ ถ้าเมสซี่ระเบิดฟอมร่างทอง ร่างเทพเจ้า มนุษย์ต่างดาว ออกมาอย่างเต็มที่ แผงหลังของฝรั่งเศสคงยากจะรับมือไหว จะ 3 คน 4 คน ก็เอาไม่อยู่แน่นอน แต่ว่าถ้าเมสซี่ เล่นไม่ออกเลย ไม่ใช่ร่างเทพเจ้าจุติ ถ้าเทียบกันตำแหน่งต่อตำแหน่งแล้ว คิดว่าฝรั่งเศสจะครบเครื่องมากกว่า เพราะนักเตะส่วนใหญ่เป็นชุดทีมแชมป์ครั้งที่แล้ว ประสบการณ์ การรับมือกับเกมรุกคู่แข่งน่าจะมีคุณภาพมากกว่า การปลุกขวัญและกำลังใจ ไม่น่าจะประมาทอาร์เจนตินาง่าย ๆ แต่ทางฝั่งอาร์เจนตินา แม้ว่าการแข่งนัดนี้จะเป็นรองฝรั่งเศสอยู่นิดหน่อยก็ตาม ขอเพียงกัปตัน เมสซี่ พูดปลุกใจในห้องแต่งตัว นักเตะทั้งทีมก็พร้อมวิ่งไล่บอลกันอย่างบ้าคลั่งถวายชีวิตแน่นอน คือจะพูดไงดี ถ้ามองในมุมของโลกสวยแบบหนังละครเลย ก็อยากให้ เมสซี่ ได้แชมป์โลกไปครอง จะเป็นอะไรที่จบอย่างสวยงาม ของแฟนบอลอาร์เจนตินา และแฟนบอลของเขาทั่วโลกแน่นอน ที่สามารถคว้ารางวัลสูงสุดที่เขารอคอยมานานแสนนานได้เสียทร แต่ถ้าฟ้าไม่ประทานพร ไม่เข้าข้าง ก็ต้องจบอย่างน้ำตาแห่งความผิดหวัง คืนนี้เวลา 22.00 น เรามาคอยดูฟุตบอล และร่วมลุ้นกันว่าชาติไหน จะเป็นราชาแห่งลูกหนัง การฟุตบอลโลก 2022 กันครับ