สสว. ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจ SME ไทยพัฒนาได้  ผ่านมาตราการ "SME ปัง! ตังได้คืน"

สสว. ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจ SME ไทยพัฒนาได้ ผ่านมาตราการ "SME ปัง! ตังได้คืน"

สสว. ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจ SME ไทยพัฒนาได้ ผ่านมาตราการ "SME ปัง! ตังได้คืน"

จากความมุ่งมั่นในการยกระดับผู้ประกอบการ SME ไทย ให้สามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพและสามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงทุ่มงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ออกมาตรการ “SME ปัง! ตังได้คืน” รวมบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ ผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ที่สมัครง่าย อนุมัติไว ตังได้คืน จากการช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการแบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วน 50–80% สูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ตามขนาดของธุรกิจ ล่าสุด สสว. จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร เพื่อพบผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมมาตรการ SME ปัง! ตังได้คืน ที่ได้รับการพัฒนาผ่านระบบ BDS ระหว่างวันที่ 14-15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา 

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า “มาตรการ SME ปัง! ตังได้คืน” เป็นมาตรการใหม่ของ สสว. ที่เกิดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจจากหน่วยงานชั้นนำต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยในปี 2565 มีบริการครอบคลุม 3 หมวด ได้แก่ หมวดการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ หมวดการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด และการพัฒนาตลาดต่างประเทศ  ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการ SME สมัครใช้งานผ่านระบบ BDS เพื่อขอรับบริการและขอรับการช่วยเหลืออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแล้วกว่า 2,000 ราย และ สสว. ตั้งเป้าว่าตลอดระยะโครงการจนถึงกันยายน 2566  จะมี SME เข้าร่วมกว่า 6,000 ราย”

ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการ และประโยชน์ที่ได้รับจึงจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร พาสื่อมวลชนลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมมาตรการ BDS พร้อมจัดกิจกรรมล้อมวงคุย เกี่ยวกับมาตรการ SME ปัง! ตังได้คืน ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจ SME ไทยในอนาคต  โดยครั้งนี้ สสว. จะพาลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการ SME ได้แก่ กระท่อมเห็ด ฟาร์ม (Mushroom Cottage Farm) และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ถาวรเมดไลน์

คุณนัยยา ยังเกิด เจ้าของ กระท่อมเห็ด ฟาร์ม เผยว่า เริ่มต้นธุรกิจนี้เมื่อ 10 ปีก่อน โดยทำควบคู่กับงานประจำเพื่อเป็นธุรกิจรองรับในยามเกษียณ โดยมองว่าอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตมีศักยภาพเป็นครัวโลกได้ โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจ เลือกปลูกเห็ด เพราะเห็ดเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้หญิงที่ไม่อยากโดนแดดกลางแจ้ง และค่อยๆ เรียนรู้ลงมือทำไป จนเมื่อเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบแต่สินค้าเกษตรกลับเป็นที่ต้องการ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาดูแลกระท่อมเห็ดอย่างเต็มตัว และเมื่อได้เห็น สสว. ออกมาตรการนี้มารู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆ เพราะกำลังมองหาหน่วยงานที่จะมาช่วยดูเรื่องการยืดอายุสินค้าแปรรูปจากเห็ด เนื่องจากเคยเสียโอกาสทางธุรกิจจากนักธุรกิจชาวฮ่องกงสนใจนำเห็ดทอดปรุงรสของเราไปขายแต่ด้วยอายุของอาหารสามารถเก็บได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ จึงทำให้พลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย 

กระท่อมเห็ด ฟาร์ม  จึงได้เข้าร่วมการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ ในด้านบริการทดสอบและศึกษาอายุการเก็บเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพสินค้า จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยมีเป้าหมายด้านการพัฒนาการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปให้มีอายุเก็บรักษายาวนานขึ้น คงความสดใหม่ เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้า และในอนาคตจะมีการใช้บริการในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานนำไปสู่การขยายตลาดต่อไปในอนาคต

คุณอารยา ชูผกา กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ถาวรเมดไลน์ กล่าวว่า ถาวรเมดไลน์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเกลือแร่ผงยี่ห้อ ตองเค (TONK-K) สตรองเค (STRONK-K) และ โอร่าซาลาย (ORA-SALINE) และกำลังวางแผนออกโปรดักส์ใหม่ แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 จึงต้องปรับแผนใหม่ และหลังจากโควิด-19 ผู้บริโภคใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น จึงมองเห็นโอกาสของสินค้าที่ตอบโจทย์สุขภาพ เป็นจังหวะเดียวกับ สสว. ออกมาตรการ “SME ปัง! ตังได้คืน" จึงสมัครใช้บริการด้านการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ ในเรื่องของการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหาร (บริการทดสอบ/ตรวจวิเคราะห์) จากศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนำไปพัฒนาฉลากโภชนาการให้ได้มาตรฐานบ่งบอกข้อมูลของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นด่านแรกของการยื่นขอมาตรฐาน อย. ต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการยกระดับคุณภาพ-มาตรฐานสินค้าและบริการ การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและการตลาดทั้งในและต่างประเทศ และยังได้รับการช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการรับบริการการพัฒนาจาก สสว. รายละ 50 – 80% สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ต่อราย สามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการ “SME ปัง! ตังได้คืน” ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th) ที่สมัครง่าย อนุมัติไว ตังได้คืน 

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1301, 0-2038-5858 หรือ ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร หรือ OSS สสว. ในทุกจังหวัด  ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทางแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS หรือเว็บไซต์ สสว.

สสว. ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจ SME ไทยพัฒนาได้ ผ่านมาตราการ "SME ปัง! ตังได้คืน"