เปิดตัวเป็นครั้งแรกแล้ว สำหรับ iPhone 14 เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน 2565 โดยในครั้งนี้มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องรุ่นย่อย ฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

iPhone 14 และ  iPhone 14 Plus

- มีขนาดจอ 6.1 นิ้ว มาพร้อมกับรุ่นใหม่ iPhone 14 Plus จอใหญ่ 6.7 นิ้ว

- ดีไซน์เดิมเหมือน iPhone 13

- กล้องหน้า TrueDepth ใหม่

- ระบบ Photonic Engine จัดการแสงสีของภาพให้สวยงามยิ่งขึ้น

- Action Mode กล้องกันสั่นแบบละเอียดกว่าเดิม ถ่ายไปวิ่งไปได้

- ชิป A15 Bionic มาพร้อม GPU 5-core เป็นชิปเดียวกับที่ใช้บน iPhone 13 Pro

- คุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน Crash Detection

- ระบบ SOS ขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียมสุดล้ำ (แต่ยังไม่เปิดใช้ในไทย)

- แบตใช้ได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone

iPhone 14 Pro และ Pro Max

- ได้รับการอัปเกรดมากสุด

- ตั้งแต่การดีไซน์ที่คาดว่าจะปรับรอยบากให้อยู่ในรูปแบบแคปซูลโฉมใหม่

- เพิ่มไฟ LED สำหรับแจ้งเตือน

- คู่กับไฟแสดงสถานะความเป็นส่วนตัว

- ตัวเครื่อง 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม และสีม่วง

- มีเอฟเฟกต์ไล่เฉดสีเข้ม-อ่อนตามแสงที่ตกกระทบ

- คาดว่าจะรองรับฟีเจอร์ ProMotion สามารถแสดงผลได้ที่ค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 120Hz

- ใช้เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ LTPS OLED

- รองรับฟีเจอร์ Always On Display

- ใช้ชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดของปีอย่าง Apple A16 Bionic

- ความจุที่อาจมีให้เลือกมากถึง 2TB

- เพิ่มความจุแบตเตอรี่

- กล้องตัวหลักที่ด้านหลังเป็นความละเอียด 48MP

- เทคโนโลยี Pixel-Bining รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 8K

- กล้องหน้า TrueDepth รองรับระบบ Autofocus

iPhone 14 เริ่มต้น 32,900 บาท

iPhone 14 Plus เริ่มต้น 37,900 บาท

iPhone 14 Pro เริ่มต้น 41,900 บาท

iPhone 14 Pro Max เริ่มต้น 44,900 บาท

เริ่มวางจำหน่าย

16 กันยายน 2565 (ไทย ขยับขึ้นเป็นกลุ่มประเทศ Tier 1 ส่งผลให้สามารถซื้อเป็นกลุ่มแรก ร่วมกับอีก 30 ประเทศ)

ข้อที่ควรรู้

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ยังคงใช้ชิป A15 Bionic (แต่ระบุว่า ได้รับปรับปรุงเทียบเท่า iPhone 13 Pro) และยังคงมีช่องต่อแบบ Lightning ไม่ใช่แบบ USB-C

ขอบคุณข้อมูลจาก apple.com