กรประเสริฐ ช่างเขียน "ตี๋ใหญ่"
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่นิยมในพระเครื่องพระบูชาของไทย ด้วยหลงใหลในพุทธศิลป์ ประกอบกับศรัทธาในเกจิคณาจารย์ต่าง ๆ ซึ่งไม่นานมานี้ผมก็ได้ครอบครองเหรียญของเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ําแม่กลองเป็นเหรียญของหลวงพ่อสุด วัดกาหลง จัดสร้างในปี 2517 ที่เรียกกันว่า “เหรียญเสือเผ่น” เมื่อผมได้รับเหรียญมาไว้ในความครอบครองสวดอาราธนาขึ้นคอแล้ว แต่เมื่อผมได้ส่องพระของเกจิหลวงพ่อสุด วัดกาหลงที่ไร สมองก็คิดพาลให้นึกถึงเรื่องราวของลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งทุกครั้ง ซึ่งลูกศิษย์คนนี้มีประวัติไม่ธรรมดาเพราะเป็นถึงมหาโจร ลือชื่อ จอมโจรขมังเวทที่มีชื่อในวงการว่า “ตี๋ใหญ่”
“ตี๋ใหญ่” มีชื่อจริงว่า กรประเสริฐ ช่างเขียน เกิดเมื่อปลายปี พ.ศ. 2495 เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน อยู่ที่ อ.ดําเนินสะดวก จ.ราชบุรี เดิมมีชื่อว่า “ไพโรจน์” ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น กรประเสริฐ เป็นลูกชายคนโตในพี่น้องทั้ง 7 คน เดิมทีนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าตี๋ใหญ่จะกลายมาเป็นจอมโจรได้ เพราะด้วยอุปนิสัยเงียบ ๆ สุภาพ เรียบร้อย เป็นคนธรรมดา แต่เมื่อมีปัจจัยอื่น ๆ มากระทบ ก็อาจทําให้คนเราเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยและการดําเนินชีวิตได้อย่างในกรณีของตี๋ใหญ่ สิ่งที่ทําให้เขาเปลี่ยนนั้นเกิดขึ้นจากการที่เขาเดินทางเข้ามาในกรุงเทพเพื่อทํางานหาเลี้ยงครอบครัวแถบคลองมหานาค แต่กลับถูกนักเลงเจ้าถิ่นรังแก จากคนปกติที่ไม่สู้คนต้องปรับชีวิตของตัวเองให้สู้จนกลายเป็นเรื่องของการพลั้งมือฆ่าทําร้ายคู่อริ จริงๆ แล้วในขณะนั้นหนทางของตี๋ใหญ่ยังมีทางกลับตัว หากมอบตัวในขณะนั้นสู้คดี แต่ตี๋ใหญ่กลับเลือกที่จะเดินทางในอีกเส้นทางหนึ่ง ไปในหนทางของสายนักเลง สายโจร ก่ออาชญากรรม ไม่มีสิ้นสุด ซึ่งเมื่อพ่อของตี๋ใหญ่ทราบว่าลูกชายเป็นโจร ก็ประกาศตัดขาดความเป็นพ่อ-ลูกกัน และไม่ยอมให้ตี๋ใหญ่กลับเข้าบ้านอีกเป็นอันขาด
ตี๋ใหญ่เริ่มจากการเป็นนักเลง และเริ่มต้นการก่ออาชญากรรมเล็ก ๆ ด้วยการกระชากสร้อย จี้ชิงทรัพย์บุคคลที่ผ่านไปมา โดยเริ่มก่อเหตุในแถบพื้นที่ภาคกลางและบ้านเกิด ก่อนจะเริ่มลงมือปล้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2516 ด้วยการเข้าปล้นบ้านเศรษฐีคนหนึ่งที่ริมคลองดําเนินสะดวก แต่ภายหลังนั้นตี๋ใหญ่กระทําการปล้นแล้วฆ่าเจ้าทรัพย์อยู่บ่อยครั้ง ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และลามไปถึง ภาคเหนือ ทําให้ชื่อของตี๋ใหญ่เป็นที่น่าหวาดกลัวไปแทบทุกสารทิศ
ในปี 2518 นั้นชื่อเสียงของตี๋ใหญ่ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอีก ด้วยก่อเหตุปล้นร้านเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร แต่ในครั้งนั้นตี๋ใหญ่ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมและควบคุมตัวไว้ได้ แต่ด้วยตี๋ใหญ่ได้มีคดีอยู่ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ และทางเจ้าหน้าที่ตํารวจทางเชียงใหม่ได้ทําเรื่องอายัดตัว และขอให้ส่งตัวตี๋ใหญ่เพื่อมาดําเนินคดี ซึ่งในระหว่างการส่งตัวด้วยรถไฟนั้น ตี๋ใหญ่ซึ่งถูกล่ามโซ่ตรวนอยู่ก็ได้กระทําการกระโดดลงจากรถไฟหนีจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตํารวจ และทําลายโซ่ตรวนออกจากมือด้วยการซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานให้รถไฟทับให้ขาด เท่านั้นยังไม่พอในเวลาต่อมาหลังจากหนีหาย ยังมาบุกปล้นคุกเพื่อช่วยเหลือลูกน้องที่ติดคุกอีกด้วย
ตี๋ใหญ่นั้นได้ก่อเหตุอาชญากรรมยิงเจ้าหน้าที่ตํารวจเสียชีวิตหลายนาย ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งในขณะนั้นทางการได้ตั้งค่าหัวเป็นเงินรางวัลนําจับ สูงถึง 50,000 และขยับเป็นเงิน 1 แสน ในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นค่าหัวที่มีมูลค่าสูงมากในขณะนั้น หาเปรียบเทียบเป็นเงินปัจจุบันคิดจากราคาทอง ในสมัยนั้นที่มีมูลค่าไม่ถึง 1,200 บาท มีมูลค่าเงินรางวัลสูงถึง 2,500,000 บาทในปัจจุบันที่เดียว ซึ่งผลกรรมจากการก่ออาชญากรรม และด้วยค่าหัวที่สูงเป็นเหตุทําให้ตี๋ใหญ่ต้องหลบหนีการไล่ล่าของตํารวจตลอดเวลา เวลาจะนอนที่ใดต้องจุดธูปหนีบไว้ตลอดเวลา ทางด้านลูกน้องทั่วไปของที่ใหญ่ก็ไม่ทราบความเคลื่อนไหว จะไปที่ใดตี๋ใหญ่จะไม่ค่อยบอกใคร จะมีก็แต่ลูกน้องคนสนิทนับหัวได้ไม่กี่คน ซึ่งลูกน้องคนสนิทเหล่านี้ก็หาตัวเจอยากเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ปล่อยสายแฝงตัวไปในกลุ่มลูกน้องของตี๋ใหญ่ ผลที่ได้คือรู้ความเคลื่อนไหวของตี๋ใหญ่น้อยมาก หรือจะเรียกได้ว่าบางครั้งที่แฝงตัวเข้าไปแทบไม่มีผลเลย หลายครั้งที่ตี๋ใหญ่นั้นปะทะกับตํารวจ โดนล้อมจับล้อมยิง ก็คลาดแคล้วอยู่ทุกครั้ง เชื่อว่าการที่ตี๋ใหญ่เป็นโจรจอมขมังเวทมีคาถาอาคมกําบังหายตัวได้ จึงทําให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการมาโดยตลอด ซึ่งทุกอย่างก็มักจะกล่าวอ้างถึง พระกับตะกรุดของหลวงปู่สุดวัดกาหลงตี๋ใหญ่สวมใส่ ติดตัวอยู่โดยตลอด
และด้วยความนับถือหลวงปู่สุดวัดกาหลงอย่างแรงกล้าของตี๋ใหญ่ ก็เป็นจุดอ่อนที่สําคัญที่ทําให้วันดับชะตาของที่ใหญ่มาถึง ตํารวจสามารถแทรกซึมไปยังลูกน้องคนสนิทของตี๋ใหญ่ได้สําเร็จ วิธีการคือให้ลูกน้องตี๋ใหญ่ไปขโมยพระเครื่องและตะกรุดของตี๋ใหญ่ออกมา ซึ่งเมื่อตี๋ใหญ่ขาดที่พึ่งทางศรัทธา ก็จําเป็นต้องไปขอของขลังจากหลวงปู่สุดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าตี๋ใหญ่ต้องเดินทางมาที่จังหวัดสมุทรสงครามที่วัดนี้เวลานี้แน่ ๆ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2524 คือวันสิ้นชะตาเสือร้าย ตี๋ใหญ่ขับรถมากับลูกน้องคนสนิทตามเวลาที่ได้รับ แจ้งอย่างเป๊ะๆ ในขณะนั้นกล่าวกันว่าตี๋ใหญ่รู้ตัวแล้วว่ามีตํารวจซุ่มอยู่ และรู้ตัวแล้วเช่นกันว่าลูกน้องที่พามาด้วยหักหลัง แต่ไม่ทัน ตี๋ใหญ่ได้ถูกลูกน้องเพื่อนร่วมเดินทางหักหลังยิงตี๋ใหญ่จนตายแล้วรีบออกจากรถ พอตํารวจมาถึงรถที่ตี๋ใหญ่ตายอยู่ในรถก็ได้ระดม ยิงถล่มรถอีกครั้งโดยไม่รู้ว่าตี๋ใหญ่ได้ตายอยู่ในรถก่อนหน้านี้แล้ว นี่คือชะตากรรมของตี๋ใหญ่จอมโจรวายร้ายที่ก่อกรรมทําเข็ญมานับไม่ถ้วน แม้ไม่ตายด้วยน้ํามือตํารวจ แต่ก็ถูกลูกน้องหักหลังตายในสภาพศพไม่สมบูรณ์ถูกยิงเละทั่วร่าง เป็นเรื่องอุทาหรณ์สอนใจ ได้เป็นอย่างดี
ภายหลังจากการตายของตี๋ใหญ่ ได้มีการประโคมข่าวการเสียชีวิตผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แต่ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ความเชื่อ ความเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี รักพวกพ้อง มีภรรยาหลากหลาย คน และวีรกรรมการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ทําให้เรื่องราวของตี๋ใหญ่มีการพูดถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ในเวลาปัจจุบันก็ยังมีคนกล่าวถึงโดยตลอด จนมีผู้จัดละครนําไปสร้างเป็นละครทางทีวี รีเมคกันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตอนจบก็แตกต่างกันออกไปการแต่งกายเสื้อลายสก็อต กางเกงขายาว แว่นตา RayBan ผมยาว หนวดเครารุงรัง หรือที่เรียกว่าแฟชั่นตี๋ใหญ่นั้น เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นกําลังเรียน จนกระทรวงศึกษาได้มีออกประกาศให้โรงเรียน และสถานประกอบการศึกษาได้ออกประกาศเตือนนักเรียน หวั่นกลัวในพฤติกรรมเลียนแบบ โดยคําพูดที่กล่าวเตือนก็คือ เลียนแบบแฟชั่นการแต่งกายนั้นสามารถทําได้ แต่อย่าเลียนแบบพฤติกรรม โจรคือโจร จุดจบไม่มีดีสักราย
และด้วยจากตอนจบที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเวอร์ชัน ทําให้เกิดเรื่องเล่าที่ผิดแผกออกไปอีกเช่นกัน ทั้งในเรื่องที่เชื่อกันว่าตี๋ใหญ่นั้นยังไม่ตายแต่หลบหนีไปได้ บ้างก็ว่าหนีไปบวชเป็นพระอยู่ที่จังหวัดทางอีสานบ้าง ทางจังหวัดนครปฐมบ้าง บ้างก็ว่าหนีไปอยู่เมืองนอกมีชีวิตที่ประเทศอเมริกา แต่แท้จริงแล้วนิติวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่าตี๋ใหญ่ได้สิ้นชีพด้วยคมกระสุนไปแล้วนั่นเอง ไม่มีตํานานบทอื่น ๆ อีกต่อไป