SAFETY DRIVING ชีวิตจริงบนถนน
เราได้พบกับยานยนต์ในสนามแข่งกันมาพอสมควรแล้ว คราวนี้กลับมาสู่สนามในชีวิตจริงกันบ้าง เราขอย้อนกลับไปในเรื่อง บ้านเมืองของประเทศไทยในสมัยร้อยกว่าปีก่อน ต้องบอกว่าก่อนที่ประเทศไทยจะมีถนนหนทางการจราจรที่สะดวกขนาดนี้สมัยก่อนเราเดินทางด้วยเรือและทางเท้า ก่อนที่พ.ศ. 2406 รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้มีการตัดถนนขึ้น และมาตัดถนนเพิ่มอีก ในรัชกาลที่ 5 โดยรถยนต์คันแรกของประเทศไทย ที่ใช้น้ำมันปิโตรเลียมเป็นเชื้อเพลิงมีการนำเข้ามาเมื่อไหร่ ไม่มีประวัติศาสตร์ ระบุอย่างแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าชาวต่างชาติเป็นผู้สั่งเข้ามาต่อมารถยนต์ ถูกส่งต่อให้้คนสำคัญในราชวงศ์
ต่อมาเมื่อเห็นว่าโลกกำลังพัฒนา กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์จึงนำเข้ารถยนต์ Mercedes Benz รุ่น 28 HP 4 สูบเครื่องยนต์ 35 ถวายรถยนต์พระที่นั่งแด่รัชกาลที่ 5 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวงการยานยนต์ไทย เพราะหลังจากนั้นรถยนต์ในประเทศไทยก็ถูกนำ เข้ามาเรื่อย ๆ กิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยานยนต์ก็เติบโตไปตามยุคสมัยมาถึงปัจจุบัน
เตรียมตัว ก่อนขับรถ
กลับเข้ามาสุ่ยุคปัจจุบันตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ประเทศไทยมีอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมากที่สุดอันดับสองของโลก เรียกว่าแค่ขับรถออกไปนอกบ้านก็เสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว ความจริงการออกจากบ้าน เพื่อเข้าสู่ถนนสาธารณะนั้นแทบไม่ต่างจาก การขับขี่บนสนามแข่งเลย โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยนั่นเอง ซึ่่งก่อนออกจากบ้านควร คำนึงถึงสิ่งต่อไปนีี้
- ร่างกายต้องพร้อม คือหากรู้ว่าต้องขับรถควรนอนหลับให้เพียงพอ หากมีอาการป่วย หรือดืมแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุต่อตัวเองและผู้ร่วมทางได้
- วงแผนการเดินทางให้ดีก่อนจะขับรถเราจำเป็นต้องรู้เป้าหมาย แล้วศึกษาเส้นทางที่จะให้เรียบร้อย เนื่องจากการขับรถในเส้นทางที่ไม่รู้จัก นอกจากจะเสียเวลาและค่าน้ำมันแล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงอุบัติกับเส้นทางที่เราไม่ คุ้นเคยได้
- ตรวจสอบสภาพรถก่อนใช้งาน อย่างแรกเลยคือเช็ครอบตัวรถว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ตามมาด้วยล้อและยางก่อนจะเปิดฝากระโปรงหน้า เช็คของเหลวเช่น น้ำมันเบรก หม้อน้ำแบตเตอรี่ น้ำมันเครื่่อง ฯลฯ เหล่านี้ เป็นพื้นฐานในการขับรถ เพราะถ้ารถพร้อมความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจะน้อยลง
- ทำให้ร่างกายสดชื่น เมื่อเราขับรถต้องตั้งสติให้อยู่ในความไม่ประมาท แต่พอขับนานต่อเนื่องร่างกายจะเกิดการล้าทำให้ง่วงได้สิ่งที่ควรทำอาจเปิดเพลง หาคนคุย อมลูกอม โป๊ะผ้้าเย็น และหาจุดพักรถแวะจะทำให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติขับรถได้อย่างปลอดภัยต่อไป