ตะวัน ศมพู อัสสเมทางกูร นักแสดงช่อง One 31 เวลาเสียใจ ผิดหวัง ผมมองเป็นสิ่งดี
“เวลาเสียใจ ผิดหวัง ผมมองเป็นสิ่งดี เพราะแปลว่าเรายังแคร์ความรู้สึกตัวเองอยู่ สำหรับผมเราแค่ถอยออกมาและมองภาพรวมกับความเป็นจริง จากนั้นก็เอามาปรับปรุงให้ทุกอย่างดีขึ้น”
แนะนำตัวเองพร้อมผลงาน
สวัสดีครับ ตะวัน ศมพู อัสสเมทางกูร นักแสดงช่อง One 31 ครับ ตอนนี้มีละครที่กำลังออนแอร์ทางช่อง One ชื่อเรื่อง สิเน่หาส่าหรี รับบทเป็นมาโนช เป็นทหารของพี่ฌอห์ณ จินดาโชติ คาแรกเตอร์ของมาโนชคล้าย ๆ ผม อายุเท่ากัน เป็นตัวละครที่น่ารัก เหมือนเป็นตัวดึงความเครียดจากเรื่องราวในละครได้ดี นิสัยเป็นคนโผงผาง
จากเด็กวิศวะหรือเล่นกีฬาฟุตบอลมาก่อน แต่พอทราบว่าได้เข้าสู่วงการบันเทิง ได้แสดงละคร โมเมนต์นั้นคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
ท้าวความนิดนึง ตอนนั้นผมเรียนมัธยมปลาย และได้เจอกับผู้จัดการได้พาไปแคสละครทางช่อง One ผ่านมาปีกว่าถึงสองปีกว่าจะได้เล่นละคร โมเมนต์ที่ทางช่องโทรมาบอกว่าแคสผ่านก็ตกใจและตื่นเต้น เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่า วงการบันเทิงเขาทำงานกันยังไง ก็โทรบอกคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็ตกใจ แต่ถือว่าโชคดีที่ผมได้ทำงานในวงการ เพราะได้ประสบการณ์ ทำให้ผมโตขึ้นมากครับ
เล่าให้ฟังว่า ตะวัน ตอนเด็ก ๆ เป็นยังไง ที่บอกว่าแสบ แสบเบอร์ไหน
ถ้าจะให้รีวิวตัวเอง ผมไม่ใช่เด็กแสบเลยครับ ถือเป็นเด็กเรียบร้อยนะครับ มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนแค่ครั้งเดียว เป็นเด็กทั่วไปเลยครับ แต่จะแอ็กทีฟ ชอบทำกิจกรรม เป็นพิธีกร เป็นนักฟุตบอล จะมาสายกิจกรรม
ตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบัน คิดว่าตัวเองมีจุดพลิกผันตอนไหนบ้าง
จุดเปลี่ยนจะเป็นช่วงมัธยมปลายที่ผมต้องเข้าโรงเรียนสาธิตมหิดลอินเตอร์ เพราะเราต้องเข้าสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ เปลี่ยน Mindset ออกจาก Comfort zone เลย พออยู่มัธยมปลายก็ต้องเตรียมเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัย รวมไปถึงการเข้าวงการ มันมีพาร์ทของการทำงานและการเรียนไปด้วย อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนก็คือ การมาเป็นนักแสดงช่อง One ส่วนช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยผมเรียนวิศวะลาดกระบังอาจจะถือว่าเป็นการปรับตัวมากกว่า และผมถือว่าเป็นคน Introvert หน่อย ๆ ไม่ได้ง่ายในการปรับตัวซะทีเดียว ใช้เวลาพอสมควรครับในการปรับตัว เพราะว่าผมอาจจะชวนคุยไม่เก่ง กว่าจะเจอคนที่สบายใจค่อนข้างใช้เวลา แต่หลัง ๆ ก็เริ่มดีขึ้นเพราะเราก็เจอคนเยอะขึ้นด้วย
เวลาที่เราเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด คาดหวัง หรืออาจจะเสียใจ คุณบอกตัวเองยังไง และก้าวผ่านเวลานั้นมาได้อย่างไร
ผมก็เจอความเสียใจ ผิดหวังอยู่บ้างนะครับ ซึ่งผมมองเป็นสิ่งที่ดีถ้าเรายังมีความรู้สึกกับสิ่งนั้นอยู่ เพราะแปลว่าเราแคร์กับความรู้สึกตัวเองและสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา การที่เราเศร้า ผิดหวัง ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเจอและจะทำให้เราโตขึ้นไปอีกขั้น เรื่องหนักคือ คุณตาเสียชีวิต ผมเศร้ามาก แต่พอผ่านไป ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ หรืออย่างเรื่องการแคสติ้ง แรก ๆ ก็ผิดหวัง มีคิดว่าเราเล่นไม่ดีเหรอ แต่พอผ่านไป เราก็มองว่า อาจเป็นเพราะความเหมาะสม มันมีหลายองค์ประกอบ ผมมองว่าเราผิดหวังได้ พอเรารู้สึก เราก็แค่ต้องถอยหลังออกมามองภาพรวมว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร โอเคถ้ามันเป็นความผิดตัวเอง เราก็เอามาปรับปรุง ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวที่สอนผมมาแบบนี้ด้วย เขาไกด์ให้เราเข้าใจความผิดหวังความเศร้า บวกด้วยความมชอบอ่านหนังสือแนวจิตวิทยาด้วย เลยค่อนข้างรับมือกับความผิดหวังได้ครับ
ตะวันในสายตาของพ่อแม่หรือเพื่อนสนิทเป็นอย่างไร
ถ้าสายตาของคุณพ่อคุณแม่ ผมเป็นคนเรียบร้อยตอนที่พ่อกับแม่ทราบว่าจะเล่นละคร เขาก็ถามว่าจะเล่นได้เหรอ เพราะเราดูเป็นคนไม่ได้แสดงออกขนาดนั้น ส่วนในสายตาของเพื่อน ผมก็จะกวน ๆ กวนมาก ๆ
คุณเป็นคนมั่นใจในตัวเองรึเปล่า
ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองครับ อย่างเช่นการออกไปหน้ากล้อง เราก็ไม่รู้ว่าเราดูดีรึเปล่า แต่พอหลัง ๆ เราก็ต้องบอกตัวเองว่า ต้องมั่นใจกว่านี้เพราะมันไม่มีใครมาบอกเรา หรือมาติเราหรอก พอเราไม่มั่นใจเราก็จะเกร็งบุคลิกก็ดูไม่ดี
วงการบันเทิง สิ่งแรกเลยคือต้องดูแลตัวเองให้ดีเสมอ คุณมีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ออกกำลังกายครับ นอนเยอะ ๆ ดื่มน้ำมากหน่อย นอนให้เต็มที่ ไม่เครียดครับสำคัญเลย
เป้าหมายในชีวิตและในวงการบันเทิง
เป้าหมายชีวิตหลักคือ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ ส่วนงานในวงการแพลนของผมก็ไม่แน่ชัดเท่าไหร่ว่าจะมุ่งด้านการเรียนหรือละคร แต่ผมจะโฟกัสเรื่องเรียนเป็นหลัก งานละครเป็นรองครับ แต่เมื่อผมเรียนจบถ้ามีละครต่อ ผมก็จะมุ่งด้านละครและจะดูว่าเราสามารถไปได้ไกลกับมันได้แค่ไหน จะทุ่มให้เต็มที่ แล้วว่ากันในเรื่องอนาคตครับ