J JAZZSPER : Trap Esan on The Beat, This is I’m a Queen (Yepp!) อิหล่าหน้ามนคนเซ่อ สู่แร็ปเปอร์สาวมหัศจรรย์

J JAZZSPER : Trap Esan on The Beat, This is I’m a Queen (Yepp!) อิหล่าหน้ามนคนเซ่อ สู่แร็ปเปอร์สาวมหัศจรรย์

“อิหล่าหน้ามนคนเซ่อ มื้อนี้ผันโตมาเป็น Rapper ความฝันต้องสำเร็จในจักมื้อ AKA นั้นกะคือ J JAZZSPER” หลังเปิดตัวได้อย่างน่าจดจำด้วยโฟลว์สุด Turnt ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงการฮิปฮอปตั้งแต่รอบออดิชั่นในรายการ The Rapper 2 ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ เจนจ๋า จันทรลักษณ์ บูรณถาวรสม หรือ J JAZZSPER ศิลปินสาวลูกอีสานจะหวนคืนสู่สังเวียนการแร็ปอีกครั้ง Represent ตัวตนและอัตลักษณ์บ้านเกิดผ่านผลงานเพลงสไตล์ Trap อีสาน พร้อมด้วยบทสัมภาษณ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของสาวน้อยหน้ามนคนนี้ ผู้สร้างโอกาสให้ตัวเองด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านการประกวด ค่อย ๆ เติบโตผ่านการล้มลุก สู่การเป็นแร็ปเปอร์สาวมหัศจรรย์แห่งค่าย High Cloud Entertainment

 

Intro

J JAZZSPER : พูดถึง J JAZZSPER คนส่วนมากก็จะแบบว่าหน้าเกาหลีแต่ทำไมร้องอีสาน แบบทำไมยูถึงเป็นอย่างนี้ มันไม่เข้ากันหรือเปล่านะ แต่หนูภูมิใจนะคะที่ทำเพลงแนวนี้เพราะหนูเป็นคนอีสาน ชอบเพลงอีสานแล้วก็รักบ้านเกิดมาก ๆ ค่ะ นอกจากนี้หนูก็ชอบเพลงฮิปฮอป ชอบเพลงที-ป๊อป มีการทำเพลงผสมผสาน มิกซ์กันเป็นสไตล์ใหม่ ๆ ในแบบของหนู

ระหว่างที่ผมได้ทำการสัมภาษณ์เจนจ๋า หรือ J JAZZSPER เมื่อถึงบทสนทนาดำเนินมาถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเธอ เจนจ๋าก็มักจะพูดถึงความเป็นอีสานด้วยความภาคภูมิใจอยู่เสมอ แม้ว่าความเป็นจริงเธอเกิดที่กรุงเทพมหานครบ้านเกิดของคุณพ่อ แต่ไม่นานหลังจากนั้นครอบครัวของเธอก็ได้ย้ายถิ่นฐานไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์บ้านเกิดของคุณแม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หล่อหลอมให้เธอเติบโตขึ้นมาเป็นคนอีสานแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ความเป็นเด็กต่างจังหวัดก็ทำให้เจนจ๋าคุ้นชินกับบทเพลงแนวลูกทุ่งที่นิยมฟังกันในละแวกบ้าน ซึ่งกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจเส้นทางสายดนตรีควบคู่ไปกับสำนึกรักความเป็นอีสานบ้านเกิด

J JAZZSPER : หนูชอบฟังเพลงและชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ ตอนนั้นฟังเพลงผ่านวีซีดีเพราะที่บ้านมีเยอะมาก มีเป็นคลังเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวลูกทุ่ง ฟังแผ่นของคุณแม่พุ่มพวง ดวงจันทร์คุณแม่สุนารี ราชสีมาคุณแม่คัฑลียา มารศรี ฟังแนวนี้มาตลอดเลย

Track 1 : สู่เวทีประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง

J JAZZSPER : หนูเริ่มประกวดเวทีแรกตอนอายุประมาณ 8-9 ขวบ เป็นงานประกวดร้องเพลงลูกทุ่งของคลื่นวิทยุที่จัดขึ้นในภาคอีสาน หนูเลือกร้องเพลง “สยามเมืองยิ้ม” ของคุณแม่พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผลการประกวดหนูน่าจะได้ประมาณที่ 3 ตอนนั้นป่วยเป็นหวัดลงคอ ไม่มีเสียงเลย แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นจุดประกายให้หนูรู้สึกว่านี่ฉันก็ร้องเพลงได้นะ

คุณแม่พาหนูไปประกวดตามงานวัด งานประจำอำเภอ งานประจำจังหวัดต่าง ๆ ในแทบภาคอีสาน เช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดข่อนแก่น พอประกวดได้สักระยะเราเริ่มรู้สึกว่าต้องขยับขยายแล้วนะ หนูก็เลยเข้าร่วมการประกวดตามรายการทีวี เช่น รายการชิงช้าสวรรค์ไมค์ทองคำ, รายการ The Voice Kids Thailand, รายการ Dream Come True Thailand ซึ่งทำให้หนูได้มีโอกาสไปเป็นเทรนด์ที่ประเทศเกาหลีค่ะ

 

หลังเข้าร่วมรายการ Dream Come True Thailand เจนจ๋าได้รับเลือกให้เดินทางไปฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะการร้อง การเต้น ปรับบุคลิกภาพ เทรนด์ความสามารถต่าง ๆ ที่ประเทศเกาหลี โดยมีศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปวง G.Friend, วง Berry Good และบุคลากรผู้มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ ก่อนบินกลับมาแสดงความสามารถที่ไทยในช่วง 3 เดือนให้หลัง

J JAZZSPER : สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนหลังการเทรนด์ที่เกาหลีหนูคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของความมั่นใจค่ะ คือแต่ก่อนหนูเป็นคนที่ขาดความมั่นใจมาก ๆ เวลาขึ้นเวทีก็จะลนตลอดเวลา ไม่กล้าทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วหนูมีปัญหาทางสุขภาพด้วย เป็นคนป่วยง่ายไม่ค่อยแข็งแรง เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะไปแข่งงานไหนก็ไม่สบายตลอด พอไปอยู่ที่นั่นมันมีออกกำลังกาย มีการซ้อมเต้นที่หนัก เราก็เลยแข็งแรงขึ้น ร้องเพลงได้แข็งแรงขึ้น ได้ฝึกฝนเรื่องของเทคนิคต่าง ๆ ความสามารถก็พัฒนาขึ้นมาเยอะเลย ทำให้หนูเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะทำในสิ่งที่อยากทำบนเวทีมากขึ้นค่ะ

Track 2 : จุดเปลี่ยนสู่วงการแร็ป

J JAZZSPER : ความสนใจเกี่ยวกับแร็ปน่าจะเริ่มตอนที่หนูย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ ตอนอยู่ต่างจังหวัดก็จะฟังเพลงลูกทุ่ง อีสาน อินดี้ ประมาณนี้ แต่พอมาอยู่ที่นี่เพื่อน ๆ เข้าฟังเพลงต่างไปจากเรา ฟัง Shawn Mendes, Justin Bieber, Post Malone แล้วพอเรามีโอกาสได้ฟังบ้างก็รู้สึกแบบ เอ๊ะ มีการแร็ปในเพลงด้วย น่าสนใจจัง เท่จัง อยากทำอย่างนี้ได้บ้าง แต่ว่าตอนนั้นเราแค่ฟัง ยังไม่ได้เริ่มเขียนแร็ป

ทีนี้หนูมีโอกาสได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่งของเกาหลี School Rapper ซีซั่น 1 ที่ Young B เป็นแชมป์ มันเริ่มจุดประกายฝันใหม่ให้กับหนูว่านอกจากนักร้องแล้ว เราก็อยากจะเป็นแร็ปเปอร์ด้วยนะ เริ่มศึกษาเกี่ยวกับแร็ป นั่งดูรายการแร็ป ไม่ว่าจะเป็น Show Me The Money ของเกาหลี, The Rap of China ของจีน แล้วก็ The War Is On ของ Rap Is Now ที่เป็นรายการอันเดอร์กราว ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี The Rapper หรือ Show Me The Money Thailand ระหว่างนั้นหนูก็เริ่มฝึกเขียนเพลงไว้บ้าง

หลังจากที่หนูกลับมาจากการเทรนด์ที่เกาหลี โปรเจ็กต์นั้นก็คือไม่ได้ทำต่อ โดนเคว้งไปแล้ว ตอนนั้นหนูเลิกร้องเพลงไปประมาณเกือบ 2 ปี ไม่มีความฝัน ไม่รู้จะทำอะไรต่อ พอมีรายการ The Rapper ซีซั่น 2 ก็เริ่มจุดประกายฝันใหม่ให้หนูอยากจะกลับมาชาเลนจ์ตัวเองอีกที

หนูมาเริ่มฝึกแร็ปฝึกเขียนไรม์จริง ๆ ก็ตอนที่รายการเขาเปิดรับสมัคร คือเริ่ม ณ ตอนนั้นเลย ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ในการเขียนไรม์แรกแล้วถ่ายคลิปส่งออดิชั่น มันเหมือนกับว่าเราแข่งไปฝึกฝนตัวเองไปในตัว ซึ่งเราถือว่าเป็นผู้แข่งขันที่ค่อนข้างหน้าใหม่พอสมควร เพราะทุกคนที่ไปแข่งก็เป็นศิลปินแล้ว มีผลงานในวงการฮิปฮอปกันมาก่อนแล้ว ถือว่ากดดันมาก ๆ ในตอนนั้น แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ

Track 3 : จากความฝันสู่การเป็นศิลปิน

J JAZZSPER : ที่มาของ J JAZZSPER ตัว J มาจากเจนจ๋า JAZZ มาจาก อืม...หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวค่ะ (เพลงของ แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก) ล้อเล่นค่ะ (ฮา ๆ) อันนี้มุกนะคะ JAZZ มาจากเพลงแจ๊ส คือมีช่วงที่หนูชอบฟังเพลงแจ๊ส ส่วน PER มาจากแร็ปเปอร์ รวมกันเป็น J JAZZSPER ค่ะ

หนูใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากเป็นศิลปิน อยากมีซิงเกิล หนูพยายามที่จะเอาตัวเองเข้าไปประกวดตามเวทีต่าง ๆ ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด คุณแม่ไม่มีทุนที่จะส่งไปเรียนหรือฝึกฝนทางด้านดนตรี หนูเลยใช้เวทีประกวดเป็นคุณครูฝึกสอน ฝึกซ้อม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ นำมาปรับปรุงพัฒนา และศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง โตเริ่มขึ้นมาหน่อยก็เรียนรู้เพิ่มเติมจากคนรู้จักบ้าง จาก Youtube บ้าง ในตอนที่ประกวดก็มีแมวมองมาทาบทามหนูเข้าสังกัด ได้รับโอกาสเป็นศิลปินฝึกหัด ได้ทำเพลงสไตล์ลูกทุ่งด้วยแต่ไม่มีโอกาสได้ปล่อยผลงานออกมาค่ะ

หลัง The Rapper สิ่งที่ได้รับจากรายการนี้น่าจะเป็นเรื่องกระบวนการทำงานค่ะ ทำให้หนูรู้วิธีการทำเพลงมากขึ้น จากเดิมหนูเป็นคนที่ไม่เคยเรียนดนตรีมาก่อน ไม่มีความรู้ในด้านนี้ แต่หนูสามารถทำเพลงได้ เขียนเพลงได้ กดบีทได้ ทุกอย่างที่ได้รับเป็นเหมือนประสบการณ์ เป็นเหมือนคุณครูที่สอนหนูให้หนูพัฒนาแล้วก็ทำทุกอย่างได้อย่างหลากหลาย

ช่วงที่เราเริ่มเป็นศิลปินอิสระ ด้วยความที่ยุคนี้แบบใคร ๆ ก็สามารถทำเพลงลงแชนแนลของตัวเองได้ และเราเคยอยู่ค่ายมาประมาณ 3 ค่ายแล้ว หนูเลยอยากที่จะลองทำเพลงเองดูบ้าง ทีนี้พอเราได้ลองแล้วก็รู้สึกว่ามันยากมาก ค่อนข้างหนักเลยค่ะ เราทำคนเดียวทุกกระบวนการ ทั้งเขียนเพลง ติดต่อประสานงาน ขอสปอนเซอร์ซึ่งมันยากมาก ทั้งดูแลเรื่องการถ่ายเอ็มวี ติดต่อสถานที่ เรื่องงบประมาณ ซึ่งมีคุณแม่เข้ามาคอยช่วยอีกที หนูก็เลยคิดว่างั้นเราหาตัวกลางเข้ามาช่วยเราดีไหม แบบลองไปอยู่ค่ายดูเผื่อเขาสนับสนุนเราได้

ตอนนั้นมีค่ายมาติดต่ออยู่ประมาณ 3 ค่าย ด้วยความที่หนูไม่กล้าตัดสินใจเพราะเราเจ็บมาเยอะ เราอยากเลือกค่ายที่โอเคที่สุด เลือกค่ายที่เขาสามารถผลักดันเราไปได้จริง ๆ

มีวันหนึ่งพี่กอล์ฟ F.HERO (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) ติดต่อมาบอกว่าเขาจะทำค่ายนะ อยากมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ด้วยความที่หนูกับพี่กอล์ฟรู้จักกันอยู่แล้วจากรายการ The Rapper มีทำเพลงด้วยกัน มีคอนเสิร์ตที่เจอกันก็เลยได้รู้จักกันมากขึ้น ตอนนั้นหนูไม่ลังเลเลยค่ะที่จะมาอยู่ด้วย เพราะเชื่อมั่นในพี่กอล์ฟว่าเราจะต้องผลักดันเพลงไทยไปสู่สากลได้อย่างแน่นอนก็เลยได้มาอยู่ที่ High Cloud Entertainment ค่ะ

ถามว่าพอเป็นศิลปินแล้วภาพมันต่างจากความฝันตอนเป็นเด็กไหม มันต่างกันค่ะ เพราะเราวาดฝันไว้ตอนนั้นว่าจะเป็นศิลปินลูกทุ่ง เราถูกปลูกฝันว่าต้องทำเพลงแนวนี้นะ แต่พอโตขึ้นได้ลองค้นหาตัวเอง จริง ๆ แล้วเราอาจจะชอบอีกแนวมากกว่า ความฝันที่อยากจะเป็นก็เลยเป็นศิลปินอีกแบบแทน

Track 4 : จากศิลปินเดี่ยว สู่สมาชิกวง Bear Knuckle

หลังเปิดตัวเป็นศิลปินภายใต้สังกัด High Cloud Entertainment อย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าวเปิดค่ายเพลง J JAZZSPER ร่วมด้วยสองแร็ปเปอร์หนุ่มมีชื่อแห่งวงการฮิปฮอปอันเดอร์กราว M-PEE และ DREAMHIGH ก็ได้รวมตัวกันฟอร์มวงทรีโอ้ที่มีชื่อว่า “Bear Knuckle” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์วาไรตี้แดนซ์ และปล่อยผลงานเพลง “เอวติดไฟ (HIPS ON FIRE)” โชว์สเต็ปแดนซ์กันอย่างสนุกสนาน สร้างสีสันในกับวงการเพลงที-ป๊อปที่เริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นในบ้านเราเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

 

J JAZZSPER : กระแสตอบรับของ Bear Knuckle มีหลายคนชอบหนูก็ดีใจค่ะ ล่าสุดมีคนบอกว่าเพลงติดหูมากเลยนะ แบบเราชอบฟังเพลงนี้มาก ๆ ตั้งแต่ที่ปล่อยออกมาทีแรกเลย ดีใจค่ะที่มีคนชอบและติดตามผลงานของพวกเรา อยากให้ติดตามฟังเพลงพวกเราต่อไปอีกเรื่อย ๆ จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะคะ

การเติบโตในฐานะศิลปิน ตอนนี้หนูคิดว่าน่าจะเรื่องของการทำงานและการแบ่งเวลาค่ะ หนูยังเป็นนักศึกษาอยู่ เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน คณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ใกล้จบแล้วค่ะ คือการอยู่ค่ายช่วยให้หนูสามารถแบ่งเวลาระหว่างการเรียนกับการทำงานได้ดีขึ้น มีทีมงานคอยซัพพอร์ตเรื่องการบริหารจัดการ รู้สึกว่าการทำงานมันเป็นระบบมากขึ้นต่างจากตอนที่เราทำคนเดียว แล้วด้วยความที่เรามีวงด้วยก็เลยมีความรับผิดชอบมากขึ้น มีสมาชิกตั้ง 2 คน แล้วหนูก็ไม่เคยทำวงมาก่อน เราต้องมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน ต้องมีการปรับตัว มีการจูนเข้าหากันด้วยค่ะ

Track 5 : หวนคืนสู่ Trap อีสาน         

J JAZZSPER : จริง ๆ แล้ว “ซางมันเถาะ” คือเพลงแรกที่หนูมีโอกาสได้ทำร่วมกับค่าย เป็นการร่วมงานกับพี่มิกซ์ VKL (เพทาย วงษ์คำเหลา) กับพี่ Roony (รณชัย ตรีนุภาพ) ที่เป็นโปรดิวเซอร์ ก่อนหน้านั้นเราได้มีการพูดคุยกันว่าจะทำเพลงประมาณไหนดี ด้วยความที่ในรายการ The Rapper เราทำเพลงแนว “Trap อีสาน” ใช่ไหมค่ะ แล้วที่นี้ในรายการหนูเจอกระแสดราม่าค่อนข้างเยอะ เจอคอมเมนต์แย่ ๆ ด้วยเรื่องความสามารถ เรื่องหน้าตา เรื่องสไตล์ของเรา แต่ว่าเรายังอยากที่จะทำมันแบบใครจะว่ายังไง แม้ผิดหวังอีกหลายครั้งแต่ก็ยังจะทำมันต่อไป คืออยาก Represent ความเป็นตัวเอง ความเป็นอีสาน บอกเล่าเรื่องราวที่อยากจะเล่าลงไปในเพลง เนื้อหาของเพลงนี้ก็เลยให้กำลังใจคนที่ผิดหวัง มีเขียนเกี่ยวกับเรื่องของความรักเข้ามาแบบถึงแม้จะอกหักก็ไม่เป็นไร อยากให้ทุกคนรักตัวเองมาก ๆ ซึ่งในเพลงไม่ได้เล่าแค่เฉพาะความฝันหรือความหวังอย่างเดียว

พี่มิกซ์ VKL หนูรู้จักและสนิทกันอยู่แล้ว เพราะมีโอกาสทำผลงานเพลงร่วมกันมาก่อนหน้านี้ รู้สึกดีใจมาก ๆ ค่ะที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนพี่ Roony โปรดิวเซอร์ที่กดบีทได้แบบสุดยอดมาก บอกเลยว่าพี่เขาเป็นคนที่เก่งมาก ๆ เพราะนอกจากกดบีท เขายังแร็ปได้เก่งมาก ๆ ค่ะ รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกันการร่วม

งานกับพี่มิกซ์ พี่ Roony เราคุยกันลงตัวมาก มีการเสนอไอเดียแชร์กัน พี่มิกซ์เขาก็จะมีความครีเอทีฟ คอยแนะนำแบบเนียเจนจ๋า ท่อนฮุคอยากทำให้มันติดหูนะ เราลองมาใช้คำซ้ำ ๆ กันไหม ด้วยโฟลว์ที่วนอยู่ในหูคนแบบ ‘ซาง ซาง ซางมันเถาะ ซางมันเถอะ ซางมันเถอะ’ แล้วพี่ Roony ก็จะแนะนำเกี่ยวเรื่องของบีท เสนอไอเดียแบบในจังหวะที่ใช้เสียงแร็ปแบบนี้ เราลองมาตัดบีทเงียบกันดูไหม ให้มันเกิดเป็นความแปลกใหม่ขึ้นมา

คือ Trap ก็เป็นหนึ่งในสไตล์ของเพลงฮิปฮอปที่มี Old School มี Drill เราหยิบเอามันมาผสมผสานกับเครื่องดนตรีกับเมโลดี้อีสาน เหตุผลที่หนูเลือกทำเพลง Trap มาผสม เพราะหนูคิดว่าสิ่งที่โดดเด่นเพลงแนวนี้น่าจะเป็นเรื่องของโฟลว์ค่ะ แต่อันที่จริงหนูก็อยากลองทำทุกแนวดูนะคะถ้ามีโอกาส อยากลองชาเลนจ์ตัวเองในหลาย ๆ ด้านค่ะ

Track 6 : รสนิยมและการสร้างงาน

J JAZZSPER : สมมุติว่าเรามีรสนิยมในการฟังเพลงที่แตกต่างและหลากหลาย เราก็จะมีไอเดียในการทำเพลงที่แปลกใหม่มากขึ้น หนูเป็นคนที่ฟังเพลงหลากหลายแนวมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกทุ่ง อีสาน ไปตลอดจนเคป๊อป หรือว่าแจ๊ส ฮิปฮอป ฟังเกือบหมดเลยค่ะ ทำให้เวลาที่หนูแต่งเพลงก็จะสามารถแต่งได้ค่อนข้างหลากหลายค่ะ คือหนูนอกจากการเป็นศิลปินแล้ว หนูยังมีอีกหนึ่งจ๊อบคือเป็นนักแต่งเพลง เวลาทำงานมันก็จะมีโจทย์เพลงที่หลากหลายสไตล์เข้ามาให้เราได้ฝึกฝนประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวอีสาน ที-ป๊อป หรือว่าแนวอะไรก็ตาม หนูสามารถแต่งได้ค่ะ

ผลงานการแต่งเพลงที่ผ่านมา หนูมีโอกาสได้แต่งเพลง “ต๊ะต่อนยอน…Hurry Up!” ของ VYRA ที่ Feat. กับพี่ซันนี่ (Sunnee) คนไทยที่มีโอกาสได้ไปเดบิวต์เป็นศิลปินที่ประเทศจีนค่ะ แล้วก็มีโอกาสแต่งเพลงให้กับอัลบั้มแรกของ 4EVE อย่างเพลง “LIKE A BLING” และ “4EVER” ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงที่แต่งให้ศิลปินท่านอื่น ๆ อีกมากมาย อยากให้ลองติดตามกันนะคะ

Track 7 : “ความพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ”

J JAZZSPER : หนูเชื่อมั่นในความพยายามของทุกคนนะคะ อย่าท้อค่ะ แล้วก็อย่าหยุดที่จะพยายาม มีหลายคนมักถามหนูตลอดว่า พี่หนูท้อจังเลยหนูจะทำต่อดีหรือเปล่า หนูคิดว่าสิ่งที่มันเป็นความฝันของเราอย่างน้อยก็ทำให้มันเต็มที่ เราจะได้ไม่เสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำในตอนนั้น เพราะว่าหนูเชื่อว่าทุกคนมีวันของตัวเอง แค่วันนั้นยังมาไม่ถึงเฉย ๆ เราก็ต้องทำความฝันของเราต่อไป มันต้องมีวันหนึ่งที่มันสำเร็จแน่นอนค่ะ

สำหรับหนู หนูอยากจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด หนูคิดว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต เราทำให้เต็มที่กับทุกงานที่เราได้รับมันก็เต็มที่แล้วค่ะ ส่วนอนาคตก็ให้คุกกี้ทำนายกัน (ฮา ๆ)

Outro

J JAZZSPER : ขอฝากด้วยนะคะ ผลงานของ J JAZZSPER เจนจ๋าเอง “ซางมันเถาะ” ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ซาง ซาง ซางมันเถาะ ซางมันเถาะ ซางเถาะ” ไปฟังกันได้เลยที่สตรีมมิ่งของ Joox และสามารถดูเอ็มวีได้ที่ Youtube และในเร็ว ๆ นี้จะมีเพลงของ Bear Knuckle ที่เป็นโปรเจ็กต์พิเศษร่วมกับทาง Joox แล้วก็มีผลงานเพลงที่เขียนให้กับศิลปินอีกมายมากเลยค่ะ มีผลงานเบื้องหลังด้วย ไม่ขอสปอยแล้วกัน แล้วก็มีผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วย อยากให้รอติตามกันนะคะ มีอะไรมันส์ ๆ อีกแน่นอนค่ะในช่วงปลายปีนี้รวมไปถึงปีหน้าเลย

อ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติม

รู้จักตัวตนของ J JAZZSPER ผ่าน 5 ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจให้แร็ปเปอร์สาวมหัศจรรย์

 

รวมถึงขอฝากติดตามผลงานของศิลปินในสังกัด High Cloud Entertainment ด้วยนะคะ เรามีผลงานดี ๆ อีกมากมายเลยคะ กดกระดิ่งกดติดตามได้ทุกช่องทางทั้ง Youtube, Facebook, Twitter, Instagram และ Tik Tok เรามีผลงานเพลงปล่อยผลงานให้ฟังกันแทบจะทุกอาทิตย์เลย ซึ่งศิลปินมาร่วมงานด้วยนั้นทุกคนต้องตื่นเต้นกันอย่างแน่นอนค่ะ รอฟัง รอเซอร์ไพรส์กันได้เลย

สุดท้ายนี้ขอฝากกดติดตาม Youtube : J JAZZSPER ของเจนจ๋ากันด้วยนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีผลงานเพลงใหม่ ๆ ลงให้ฟังแต่ว่าจะพยายามนะคะทุกคน (บ๊ายบาย)

Follow Her

Instagram : jjazzsper
Facebook : High Cloud Entertainment
Youtube : J JAZZSPER
Youtube : High Cloud Entertainment

Photo : High Cloud Entertainment

J JAZZSPER : Trap Esan on The Beat, This is I’m a Queen (Yepp!) อิหล่าหน้ามนคนเซ่อ สู่แร็ปเปอร์สาวมหัศจรรย์