บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังครองผลประกอบการบวกในไตรมาส ที่สองต่อเนื่อง

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังครองผลประกอบการบวกในไตรมาส ที่สองต่อเนื่อง

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังครองผลประกอบการบวกในไตรมาส ที่สองต่อเนื่อง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของการดำเนินธุรกิจระยะยาว ในตลาดไทย 

พร้อมร่วมกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการสนับสนุนบุคลากรทางแพทย์และคนไทยผ่านหลากหลายโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

     - ยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยูยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนส่งมอบของบีเอ็มดับเบิลยู 5,037 คันมินิ 536 คันและบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด 623 คัน โตขึ้น 33% 40% และ 1% ตามลำดับจากปีก่อนหน้า

     - บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มีสถิติยอดส่งมอบสูงกว่าตลาดรถยนต์นั่งในภาพรวมช่วงครึ่งปีแรกที่ 120,351 คัน คิดเป็นการเติบโตที่ 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า

     - บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีสถิติการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 31.4% เทียบกับปี 2562 และ 35.5% เทียบกับปี 2563

     - การลงทุนเพิ่มในบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ช่วยขยายเครือข่ายการผลิตในประเทศ

     - จำนวนผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการ ที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (SHA) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยกระดับด้านมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ประเทศไทยและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ

     - ด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับโควิด-19 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยร่วมกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย เช่นการบริจาคน้ำและอาหารโดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการการจัดให้บริการรถรับ-ส่งให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป เพื่อเดินทางไปรับบริการฉีดวัคซีนโดยบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ผ่านแอปพลิเคชัน HAUP แคมเปญร่วมบริจาคสองต่อเพื่อสนับสนุนกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 การสนับสนุนด้านยานยนต์ให้แก่ชมรมแพทย์ชนบทโดยความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และพันธมิตรต่าง ๆ และกิจกรรมระดมทุนการกุศล “We Care, We Share” โดยมูลนิธิแคร์ ฟอร์ วอเตอร์

บีเอ็มดับเบิลยู X1 และมินิ Countryman ที่ใช้ในการให้บริการแก่ชมรมแพทย์ชนบท สำหรับการปฏิบัติภารกิจในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4-11 สิงหาคม ที่ผ่านมา

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงครองผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในตลาดรถยนต์พรีเมียมของไทย สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2564 ด้วยจำนวนส่งมอบทั้งบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5,573 คัน โตขึ้น 34% ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรถยนต์นั่งโดยรวม ซึ่งมีการเติบโตอยู่ที่ 0.5% ด้วยยอดส่งมอบ 120,351 คัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยที่มีต่อตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยในระยะยาว รวมถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าไทยทั่วประเทศที่มีต่อทั้งสามแบรนด์

สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยูและมินิมียอดส่งมอบรถ 5,037 คัน และ 536 คันโตขึ้น 33% และ40% ตามลำดับ ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็มียอดส่งมอบ 623 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

ในด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังสามารถเพิ่มการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้ถึง 31.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในระหว่างเดือนมกราคมถีงมิถุนายน ปี 2562 และเพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปี 2563 แม้จะมีความผันผวนทางเศรษฐกิจในปี 2563 และ 2564 ซึ่งเป็นผลจากจำนวนการสั่งจองอย่างต่อเนื่อง พร้อมความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการส่งออก

เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทยยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของการดำเนินธุรกิจในไทยในระยะยาว ผ่านการลงทุนใน บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยโดยการขยายเครือข่ายการผลิตภายในประเทศครั้งนี้ รวมถึงการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดกลยุทธ์หลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะทำให้บริษัทสามารถเสริมประสิทธิภาพในด้านปฏิบัติการได้อย่างสูงสุด และช่วยให้กระบวนการด้านโลจิสติคส์มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพด้านทรัพยากรบุคคล โอกาสในการจ้างงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนาทักษะแรงงาน

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในไตรมาสที่สองของปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประเทศไทยได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ได้มีเพียงด้านการผลิตและการขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเติบโตในระยะยาว ความใส่ใจที่มีต่อลูกค้าและสังคม ทีมงานยังแสดงถึงการยืนหยัดและไม่ยอมแพ้กับความท้าทายช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยได้ปรับและเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็นไปตามความต้องการช่วงนิวนอร์มัลนี้ การปรับตัวของเราทำให้ยังคงเชื่อมต่อกับผู้จำหน่ายและลูกค้าเพื่อมอบโซลูชั่นที่พร้อมด้วยนวัตกรรมต่างๆและตัวเลือกในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นใจในการมอบความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าแล้วเรายังทุ่มเทความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนสังคมโดยรวมในหลาย ๆ ด้านเพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาวะทั้งทางกายและจิตใจในช่วงที่สถานการณ์ต่างๆ มีความไม่แน่นอนนี้”

จากผลกระทบที่รุนแรงของสถานการณ์ระบาดที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์การให้บริการของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนในด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ในระหว่างไตรมาสที่สองบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทยยังคงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างต่อเนื่อง ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการขาย การเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ และงานอีเว้นต์ต่างๆ การปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีเช่นที่เห็นได้จากงานบีเอ็มดับเบิลยู พรีเมียม ซีเล็คชั่น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยยังเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยข้อเสนอพิเศษ พร้อมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู X1 พร้อมขยายระยะเวลาสำหรับแพคเกจ BSI นานถึง 10 ปี บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์2 GC Sport ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาทเท่านั้น และข้อเสนอสำหรับการไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์สําหรับรถยนต์ทุกรุ่นนอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทยยังได้ปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อให้เป็นไปตามข้อปฏิบัติในยุคนิวนอร์มัลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบริการให้ทดสอบรถถึงที่บ้านของลูกค้า บริการส่งและรับรถที่มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อเป็นการมอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ลูกค้าจากบรรดาผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย(Safety and Health Administration (SHA))ซึ่งยังมีผู้จำหน่ายอีกหลายรายในหลายสาขาที่กำลังทยอยได้รับการอนุมัติมาตรฐานดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อมอบความมั่นใจและสบายใจให้แก่ลูกค้าในเวลาที่เข้ารับบริการ

ในช่วงไตรมาสที่สองบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทย ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการสนับสนุนแก่ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 “บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปประเทศไทย และ ผู้จำหน่ายมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือผู้คนในช่วงการระบาดของโควิด-19 นี้เราได้ร่วมมือกับหลากหลายองค์กรในการระดมทุนผ่านหลายโครงการ พร้อมบริการต่าง ๆเพื่อส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยให้แก่คนไทยทุกคน เราเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 นี้ เราก็ยังพร้อมที่จะสู้ ปรับเปลี่ยนและพัฒนาธุรกิจและการให้บริการของเราต่อไปเพื่อให้ความช่วยเหลือและนำเสนอทางออกแก่คนไทยทุกคน”มร. บารากาสรุป

กิจกรรมจากผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางแพทย์ในการดำเนินภารกิจทั่วประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังครองผลประกอบการบวกในไตรมาส ที่สองต่อเนื่อง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของการดำเนินธุรกิจระยะยาว ในตลาดไทย