5 กีฬาแปลก ๆ ที่เคยถูกบรรจุไว้ในโอลิมปิก

ก่อนจะพาไปรู้จักกับกีฬาแปลก ๆ ที่เคยถูกบรรจุไว้ในโอลิมปิก เราขอพาไปรู้จักกับจุดเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬาระดับโลก "โอลิมปิก" กันก่อนครับ

ในปีค.ศ. 1889 ขุนนางบารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง ซึ่งเป็นขุนนางที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบในกีฬายิมนาสติก เรือพาย และการขี่ม้า นอกจากนั้นเขาก็ยังมีความสนใจเรื่องราวในอดีต ทั้งด้านประวัติศาสตร์ เรื่องราวของปัญหาทางการเมือง สังคม ขุนนางท่านนี้จึงได้เริ่มติดต่อเหล่าประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศฝรั่งเศส เพื่อที่จะกีฬาโอลิมปิกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาได้ใช้เวลานานกว่า 4 ปี โดยในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1892 ก็ได้เริ่มมีการฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สองปีต่อมาหลังจากนั้นเขาได้จัดคณะกรรมการกีฬาโอลิมปิกสากลขึ้นครั้งแรกในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ.1894 ซึ่งมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 204 ประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วม ในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1896 กีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่เกิดขึ้นครั้งแรกของโลกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

กีฬาโอลิมปิกถือเป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศที่สำคัญ มีทั้งกีฬาฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยมีนักกีฬากว่าพันคนเข้าร่วมการแข่งขันในหลายชนิดกีฬา กีฬาโอลิมปิกถูกมองว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีประเทศเข้าร่วมแข่งขันกว่า 200 ประเทศ ปัจจุบัน กีฬาโอลิมปิกจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยผลัดกันระหว่างโอลิมปิกฤดูร้อนกับโอลิมปิกฤดูหนาวห่างกันทุก 2 ปี แน่นอนว่ามีกีฬาหลากหลายชนิดถูกบรรจุเข้าไปในการแข่งขัน ซึ่งบางประเภท เราอาจจะไม่คิดว่าเคยมีการจัดการแข่งใน "ระดับโลก" มาก่อน เราขอพาไปรู้จักกับ 5 กีฬาแปลก ๆ ที่เคยถูกบรรจุไว้ในโอลิมปิก

1. ชักเย่อ

ปกติเราจะเห็นกีฬาชักเย่อในแบบเล่นกันเอง หรือในกีฬาสี แต่ในอดีตกีฬาชักเย่อถูกบรรจุเข้าไปในการแข่งขันอย่างจริงจังในระดับโอลิมปิก แต่ละทีมจะต้องมีผู้เข้าเเข่งขันทีมละ 8 คน และต้องดึงอีกฝั่งเข้ามาระยะ 6 ฟุต หรือเส้นที่กำหนดไว้ และหากไม่มีผู้ชนะหลังจากหมดเวลา จะใช้การตัดสินว่าฝั่งไหนถูกดึงเข้ามาไกลที่สุดจะเป็นฝ่ายแพ้ มีการแข่งขันในโอลิมปิกต่อเนื่องถึง 5 ครั้ง  ก่อนจะยกเลิกในปี 1920 ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1  ส่วนใหญ่อังกฤษจะคว้าเหรียญทองในการแข่งขันนี้ ในปัจจุบันยังมีการแข่งขันกีฬาชักเย่ออยู่

2. ยิงปืนเป้าบิน(ที่มีชีวิต)

กีฬายิงปืนเป้าบิน เราคงคุ้นตากับการยิงเป้าที่เป็นจานร่อน แต่ในอดีตก่อนที่จะมาเป็นเป้าบิน เชื่อหรือไม่ส่าในการแข่งขันกีฬาระดับโลกเคยใช้เป้าที่มีชีวิตมาก่อน.... เป้าที่ว่าคือนกพิราบนั่นเองครับ มีการจัดการแข่งขันครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อปี 1900 ปรากฏว่าในการแข่งขันครั้งนั้นครั้งเดียว มีนกพิราบต้องสังเวยชีวิตไปกว่า 300 ตัว ผู้ชนะทำสถิติยิงนกไปในการแข่งขันสูงสุด 21 ตัวและไม่มีใครลบล้างสถิตินี้ได้ ต่อมานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ต่างออกมาต่อต้านการแข่งขันนี้ และเปลี่ยนให้เป็นการยิงเป้าที่ทำจากดินเหนียวและพัฒนามาเป็นเป้าบินในปัจจุบัน

3. ว่ายน้ำวิบากและกีฬาดำน้ำ

กีฬาทางน้ำ 2 ชนิดนี้ เราขอมัดรวมกันเลยแล้วกันครับ กีฬาว่ายน้ำวิบาก จัดขึ้นที่แม่น้ำแซนที่เต็มไปด้วยดินโคลน ระยะทางรวม 200 เมตร นักกีฬาจะต้องปีนข้ามเสา! และปีนข้ามเรือ! ว่ายน้ำลงไปใต้ท้องเรือ! ก่อนจะว่ายน้ำไปปีนบันไดเข้าเส้นชัยในอีกฝั่ง แชมป์เหรียญทองได้แก่ชาวออสเตรเลียอย่าง เฟร็ด เลน กีฬาว่ายน้ำวิบากเเข่งขันกันในโอลิมปิกส์ปี 1990 เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะว่ามีข้อจำกัดเรื่องการหาแม่น้ำที่มีโคลนเหมือนครั้งนี้ได้นั่นเอง

การแข่งขันดำน้ำ ใช่ครับ....แข่งกันดำน้ำแบบที่เราเคยเล่นกับเพื่อน ๆ เวลาว่ายน้ำกันนั่นแหละครับ แต่นี่คือการแข่งขันดำน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพราะจัดการแข่งขันในโอลิมปิกและก็จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในการแข่งขันที่กรุงปารีสปี 1900 เหมือนกับกีฬาว่ายน้ำวิบาก กติกาการเเข่งขันคือการดำน้ำ และทะยานไปข้างหน้าในระยะ 60 เมตร โดยทุกครั้งที่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในใต้น้ำได้ระยะ 1 เมตรจะได้คะแนนครั้งละ 2 แต้ม ผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนั้นคือ ชาร์ลส์ เดอวานเดอวิลล์ ทีได้เหรียญทองจากการเก็บคะแนนได้ทั้งหมด 188.4 แต้ม ส่วนเหตุผลที่ยกเลิกก็คือกีฬาชนิดนี้ไม่ได้รับความสนใจจากคนดู เพราะคนดูจะไม่ได้เห็นอะไรเลยนอกจากผิวน้ำ 

4. การปั่นจักรยานคู่

การปั่นจักรยานคู่ที่ไม่ได้ปั่นคู่กัน แต่ต้องปั่นจักรยานคันเดียวกัน เหมือนจักรยานชมเมืองริมชายหาด ที่มีขาถีบสำหรับสองคน เริ่มต้นตั้งแต่โอลิมปิกปี 1908-1972 ผู้แข่งขันต้องปั่นจักรยานไปพร้อมเพื่อนร่วมทีมที่ระยะ 2,000 เมตร ก่อนที่กีฬานี้ถูกบรรจุอยู่ในการแข่งขันพาราลิมปิกแทน ในคลิปคือนักปั่นจักรยานคู่ชาวอิตาลี Sergio Bianchetto และ Giuseppe Beghetto ที่คว้าเหรียญทองไปในโอลิมปีกปีปี 1960

5. กีฬาดวลปืน

มันคือการดวลปืนสั้นแบบที่เราเห็นในหนังคาวบอย โดยถือว่าเป็นกีฬาสาธิตที่ไม่ได้รับการยอมรับจาก IOC ผู้แข่งขันจะต้องแต่งกายสมัยยุคโบราณประมาณในช่วง 1906  ใช้ปืนโบราณ(กระสุนปลอม) โดยการแข่งขันมีแบบสองระยะได้แก่ 20 และ 25 เมตร โดยกรรมการจะนับ หนึ่ง สอง สาม เพื่อให้สัญญาน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องยิงก่อนนับ 3 และกำหนดคะแนนเป็นการยิงหน้าอกและจุดตาย ใครโดนจุดตายกว่าก็ชนะ มันเคยจัดในโอลิมปิกในช่วง 1912 ก่อนที่จะถูกระงับ(อย่างถาวร) ไม่มีผู้แข่งขันได้เหรียญรางวัลจากกีฬาดวลปืน แต่การดวลปืนนี้คือการบุกเบิกกีฬายิงปืนรูปแบบต่าง ๆ ในโอลิมปิกเพราะหลังจากนั้นในปี 1912 ก็ได้มีการแข่งขันยิงปืนระยะ 30 เมตรขึ่้นมา