สัพเพเฮฮา ประสาตำรวจ ตอน ตามรอยเท้า
สัพเพเฮฮา ประสาตำรวจ ตอน : ตามรอยเท้า
ขึ้นชื่อว่าเป็นตำรวจ ไม่ว่าจะอายุราชการน้อยหรือมาก หรือแม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ละคนล้วนมีความภาคภูมิใจในอาชีพการงานของตนเองกันทั้งสิ้น แต่ละคนล้วนมีเรื่องราวที่เป็นตำนานของตนเองในระหว่างดำรงประกอบอาชีพไว้ถ่ายทอดหรือเล่าสู่กันฟังต่อพี่น้อง ลูกน้อง หรือลูกหลาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตัวผู้เล่านั้น เล่ากี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ แม้ว่าบางครั้งผู้รับฟังจะฟังเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม
ความภาคภูมิใจในการเป็นตำรวจนั้น แต่ละคนมีมากมีน้อยต่างกันไป เมื่อมีการยิงถามคำถามออกไปว่า เสียใจไหมที่ได้มาประกอบอาชีพเป็นตำรวจ เสียงส่วนใหญ่ล้วนตอบออกมาว่า “ไม่เสียใจ” ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือเรื่องร้ายแค่ไหนคำตอบล้วนเหมือนเดิม แต่เมื่อยิงคำถามออกไปใหม่ว่า อยากให้ลูก ของแต่ละคนมาประกอบอาชีพเป็นตำรวจไหม..?? คำตอบที่ได้ส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดคือ “ไม่อยาก”
“ภูมิใจในหน้าที่ ในอาชีพตำรวจ แต่ไม่อยากให้ลูกหลานมาเป็นตำรวจ” ฟังดูแล้วขัด ๆ กันชอบกล แต่มันคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ครับ ขีวิตของข้าราชการตำรวจนั้นไม่ได้ราบเรียบ ไม่ได้ก้าวหน้าไปเสียทุกคน ทางที่แต่ละคนเดินนั้น แต่ละคนล้วนผ่านความลำบากมาแล้วทั้งสิ้น บางคนถึงขั้นสาหัส ประสบปัญหาเช่น โดนโยกย้ายอยู่ในท้องที่ที่ไกลห่างจากครอบครัว อยู่ในหน้างานที่ตนเองไม่ถนัด มิได้แสดงความสามารถตามความถนัดของตนเอง ไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ต้องแบกรับความรู้สึกกดดัน ต้องทนเห็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่ละคนก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
แต่ตนเองยังย่ำอยู่กับที่ ทั้ง ๆ ที่ตนเองนั้นความสามารถก็ไม่แพ้กัน และสุดท้าย โดนโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องล้วนพบเจอกันมาทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่มีเลือกลำดับชั้นยศครับ ตำรวจทุกนายล้วนมีโอกาสประสบปัญหาเหล่านี้ทั้งสิ้น บางนายสภาพจิตใจไม่เข้มแข็ง เลือกคิดสั้นกระทำอตวินิบาตกรรมตนเองระหว่างทางซึ่งก็มีให้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเชื่อผมไหมครับ ทุกครั้งที่ได้เห็นข่าวตำรวจฆ่าตัวตายแต่ละครั้ง ตำรวจทุกคนล้วนมีทิศทางความคิดไปในทางเดียวกันคือ รู้สึกหดหู่ใจ และเห็นใจคนที่อยู่ข้างหลังของตำรวจคนนั้นอย่างที่สุด และจากที่ผมได้ยกเรื่องมาทั้งหมด คงเป็นเหตุผลเพียงพอสำหรับคำตอบที่ว่า ทำไมตำรวจไม่อยากให้ลูกหลานมาประกอบอาชีพตำรวจเหมือนตนเองนั่นเอง
แต่หากเปลี่ยนมุมคำถามอีกครั้งเป็น “หากลูกหลานเลือกที่จะมาเป็นตำรวจ และสอบเข้ามาเป็นตำรวจได้จะภูมิใจไหม” คำตอบคือ ภูมิใจ ดีใจ ปลาบปลื้ม กันแทบทุกคน ... เพราะส่วนใหญ่ลูกของตำรวจที่เลือกที่จะมาประกอบอาชีพตำรวจนั้น ล้วนมองพ่อแม่ของตัวเองเป็นไอดอล เป็นความภาคภูมิใจของตนเอง และคิดว่าสักวันหนึ่งจะมาประกอบอาชีพอันทรงเกียรตินี้ ดูแลพ่อแม่และครอบครัวให้ได้อย่างที่พ่อและแม่เคยทำ
ผมเคยเห็นลูกน้องผมคนหนึ่งมียศเป็นเพียงชั้นประทวน อายุ 50 กว่า ๆ ตลอดอาชีพการเป็นตำรวจฝ่าร้อนฝ่าหนาวมามาก ไม่เคยกลัวโจรผู้ร้าย สิ่งที่กลัวอย่างเดียวคือกลัวลูกจะมาเป็นตำรวจเหมือนตนเอง ตัวเองไม่เคยปลูกฝังให้ลูกมาเป็นตำรวจเหมือนตนเองเลยสักครั้ง แต่แล้ววันหนึ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน กลับสอบได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร
เหล่าตำรวจ ตัวเองกลับดีใจพูดคุยโม้ไปทั่วไม่ขาดปาก และผมเองก็ได้เห็นน้ำตาลูกน้องนายดาบชั้นประทวนคนนี้ครั้งแรก ในวันที่ลูกชายของเขาเองเรียนจบ แต่งชุดขาวติดดาวรับกระบี่ วันนั้นเป็นวันที่ลูกชายก้มลงกราบพ่อที่แต่งชุดเครื่องแบบประทวนไปร่วมงานนั่นเอง การกระทำนี้ได้บ่งบอกอะไรหลาย ๆ อย่าง เด็กคนนี้รู้ดีในความลำบากของตำรวจ ได้เห็นพ่อของตนเองลำบากอย่างที่สุด เขาเข้าใจหน้างานและความลำบากตำรวจเป็นอย่างดี แต่ในทั้งหมดคือเขาภูมิใจความเป็นตำรวจของพ่อ และเลือกที่จะเป็นตำรวจเหมือนพ่อของเขานั่นเอง
ผมเองก็มีลูกชายคนหนึ่งอายุจะ 5 ขวบแล้ว และแน่นอนครับ ผมไม่อยากให้ลูกชายของผมคนนี้มาเป็นตำรวจเลยสักครั้ง อยากให้โตขึ้นไปลูกชายของผมเรียนจบประกอบอาชีพอะไรก็ได้ ที่เลี้ยงตัวเองได้แต่ไม่ใช่ตำรวจ แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเลือกที่จะเป็นตำรวจแล้ว ผมเองก็คงจะห้ามอะไรไม่ได้ แถมทุกวันนี้ก็มีทีท่าจะอยากเป็นเสียด้วยสิ ซึ่งลูกชายผมได้เห็นผมแต่งเครื่องแบบ ได้เห็นผมทำงานในบางช่วง ได้ยินผมพูดวิทยุสื่อสาร เขาเริ่มสังเกตอาชีพตำรวจ และเริ่มสนใจอยากเป็นตำรวจมากขึ้นทุกที ๆ จนทุกวันนี้เขาเริ่มสังเกตสิ่งรอบตัวแล้วพูดอะไรไปในทิศทางของตำรวจมากขึ้นอย่างเช่น เขาได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ขี่บนฟุตบาท เขาพูดว่ามอเตอร์ไซค์ขี่บนทางเท้าผิดกฎหมาย , รถคันนี้มีควันดำผิดกฎหมาย , รถคันหน้าขับเร็วอันตรายทำผิดกฎหมายต้องจับ เป็นต้น
แล้ววันหนึ่ง.. เขาได้เห็นตำรวจจราจรโบกรถอยู่ เขาสนใจจึงได้สนทนาถามผมขึ้นมาว่า
ลูก : ป๊า..!! ทำไมตำรวจต้องมาโบกรถด้วยล่ะป๊า..??
ป๊า : ตำรวจมีหลายหน้าที่ครับ แล้วแต่งานที่ได้รับมอบหมาย อย่างนี้เรียกว่าตำรวจจราจรครับลูก
ลูก : ป๊าเคยเป็นจราจรมั้ย..??
ป๊า : ช่ายยย ครับ ป๊าเคยเป็น ที่ภาษีเจริญ นี่ไง
ลูก : แล้วจราจร จับคนร้าย ได้มั้ยป๊า ..??
ป๊า : จับได้หมดครับลูก ถ้าพบเห็นคนกระทำความผิดก็จับได้
ลูก : อ่อวว แล้วถ้าคนร้ายหนีไปล่ะป๊า..??
ป๊า : โอเค..ตอนนี้คนร้ายจะเรียกว่า "ผู้ต้องหา" แล้ว เพราะเขาหนีไป ก็จะมีตำรวจอีกชุดนึงคอยไปไล่จับ เรียกว่า "ตำรวจฝ่ายสืบสวน"
ลูก : อ่อววว ..แล้วป๊าเคยเป็นสืบสวนมั้ย..??
ป๊า : เคยครับลูก...
ลูก : แล้วป๊าเคย "ทำร้ายผู้ต้องหา" รึเปล่า..??
ป๊า : อึ่กกกก... (ตอบไงดีวะเนี่ย)
ปล.1 : จากคำถามลูกหมายถึงเคยสู้กับคนร้ายรึเปล่าใช่มั้ยลูก..??
ปล.2 : ลูกเคยพูดว่า "อยากเป็นตำรวจเหมือนปะป๊า" ก็เลยสนใจถามเรื่องตำรวจบ่อยมาก ตัวเราเองก็พยายามอธิบายให้เข้าใจอย่างง่าย ใจหนึ่งก็รู้สึกภูมิใจ แต่อีกใจนึงก็ " หนีไปลู๊กกกกก "