คริปโตเคอเรนซี่ การเงินของโลกในอนาคต
ยุคนี้แม้แต่ระบบการเงินก็กำลังถูกท้าทายจาก คริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) เรามีเศรษฐีเกิดใหม่จากวงการ คริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่น ฉางเผิง จ่าว (Changpeng Zhao) ซีอีโอผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตัลที่ใหญ่ที่สุดโลกอย่าง “Binance” หรือ ซาโตชิ นากาโมโต( Satoshi Nakamoto) บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคริปโต บุรุษผู้สร้างบิทคอย แม้ตัวตนของเขาจะเป็นความลับ แต่กล่าวกันว่าซาโตชินั้นมีบิทคอยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญ และตอนนี้มูลค่าของมันอยู่ที่เหรียญละ 1,800,000 บาท!
คริปโตเคอเรนซี่คืออะไร
Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัล จัดเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ ความแตกต่างระหว่างคริปโตและเงินในปัจจุบันคือ คริปโตไม่ได้มีลักษณะกายภาพเหมือนเงินที่เป็นกระดาษหรือเหรียญ สินทรัพย์นี้ต้องมีการเข้ารหัส และมีหลายสกุล
การทำงานของคริปโตไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัททางการเงินใด ๆ ไม่มีการควบคุมราคาจากธนาคารหรือรัฐบาล แต่จะทำงานโดยตัวมันเองผ่านระบบที่เรียกว่า “บล็อกเชน” ทำให้มีการบันทึกในระบบไว้ว่าเหรียญไหนใครเป็นเจ้าของ มีการโอน ซื้อ ขาย เหรียญจากที่ใดไปสู่ที่ได้ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ข้อมูลแต่ละชุดนั้น จะมีการเข้ารหัสหรือที่เรียกว่า "Cryptography" ไว้ การที่ทุกคนสามารถเข้าถึง มีส่วนในการรับรู้ บันทึก และรับรองความถูกต้องของธุรกรรมทั้งหมดในเครือข่ายได้นั้น เราเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า "การบันทึกธุรกรรมแบบกระจายศูนย์"
แม้ว่าคริปโตเคอเรนซี่จะมีความโปร่งใสสูงจนหลาย ๆ บริษัทเริ่มรับสกุลดิจิตัลนี้มาเป็นตัวกลางในการใช้จ่าย แต่ก็ยังมีข้อกังขาในตัวของคริปโตเองที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่านี่คือแหล่งฟอกเงินของธุรกิจผิดกฏหมายรูปแบบนึง ปัจจุบันนักลงทุนจำนวนมากยังคงเน้นเก็งกำไรในตลาดคริปโต เน้นการซื้อมาขายไปเป็นหลัก ด้วยความผันผวนสูงทำให้มีโอกาสสร้างกำไรได้เยอะ แม้นี่จะเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ คริปโตเคอเรนซี่ก็สามารถเสกให้เกิดคนรวยได้และสูญเงินนับล้านได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ต้องศึกษาอย่างดีก่อนที่จะลงทุน
อนาคตของคริปโตเคอเรนซี่
มีนักวิเคราะห์มากมายมองว่าคริปโตนั้นจะเหมือนปรากฏการณ์ฺคลั่งทิวลิปในปี ค.ศ. 1637 เกิดการเก็งกำไรจากการค้าหัวทิวลิปสายพันธุ์ใหม่ เหตุการณ์นี้เกิดที่เนเธอร์เเลนด์เมื่อมีการเก็งกำไรทิวลิปมากจนเกินไป ทิวลิป ณ เวลานั้น ราคาสูงกว่าราคาบ้านที่ขายเสียอีก เเล้วเมื่อเกิดฟองสบู่จากการเก็งกำไรที่มากจนเกินไป ราคาของมันได้ตกฮวบลงมาอย่างฉับพลัน เขาคาดการณ์ว่าวันนึงราคาคริปโตก็จะกลับสู่ความเป็นจริง เเต่ขณะเดียวกันทางสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ได้เริ่มวางแผนจะออกหยวนแบบดิจิตอลเพื่อปรับระบบการเงินในประเทศของตนให้มีความรวดเร็วกว่าเดิม เสียงวิจารณ์จึงเเตกเป็นสองเสียง ในมุมหนึ่งคริปโตเองวก็อาจจะเข้ามาเป็นรูปแบบการทำธุรกรรมของอนาคต หรืออีกทางหนึ่งก็อาจเป็นเพียงสิ่งที่คน FOMO ช่วงสั้น ๆ ก่อนจะหายไปในที่สุด เเต่ใครล่ะจะรู้ว่าท้ายที่สุดเเล้วคริปโตจะไปทางไหนกันเเน่?