ย้ายประเทศดีไหม? ถ้าประเทศไทยไม่ใช่คำตอบ
ความสำเร็จของกลุ่ม “โยกย้ายมาส่ายสะโพกโยกย้าย” หรือกลุ่มรวมตัวคนอยากย้ายประเทศของไทยที่ตอนนี้มีสมาชิกในกลุ่ม 880,000 คน ในระยะเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์หลังเปิดกลุ่ม สะท้อนถึงวิกฤติความเสื่อมศรัทธาในการบริหารของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง ระยะเวลากว่า 7 ปีแล้วที่ประเทศไทยถูกบริหารโดยรัฐบาลชุดปัจจุบันแต่ทำไมคนไทยเกือบ 1 ล้านคนถึงยังอยากจะย้ายประเทศกันนะ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยนั้นมีความเหลื่อมล้ำสูง การตั้งตัวในประเทศไทยนั้นไม่ได้ง่ายเลยจากค่าเฉลี่ยเงินเดือนขั้นต่ำของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่เริ่มเพียง 15,000 บาท ในขณะที่ค่าสาธารณูปโภคนั้นสูงลิบลิ่ว เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางรถสาธารณะอย่าง MRT BTS ทั้งที่ควรจะถูกเพื่อเอื้อให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะ ลดความแออัดบนท้องถนน หากไปกลับเพื่อทำงานต้องเสียเงินอย่างน้อย ๆ 300 บาทเกือบทุกวัน 1 เดือนคนไทยเสียเงินค่าเดินทางไปแล้วถึง 9,000 บาท (ในกรณีที่ต้องเดินทางทุกวัน) การมีรถเป็นของตัวเองอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ในขณะเดียวกันกับเมืองที่ไม่ใช่หัวเมืองใหญ่ก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน ทางเท้าที่เป็นปัญหาในการสัญจรไปมา การสร้างถนนที่ 10 ปีก็ยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะมีการพัฒนาคมนาคมเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง แต่ขนส่งสาธารณะนั้นก็ยังไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก ระยะเวลาที่ต้องรอนาน จำนวนรถที่น้อย ทำให้คนเลือกจะซื้อรถมาใช้เองมากกว่า และใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อรถได้ทุกคน เป็นต้น
หากยังไม่เห็นภาพ เราอยากให้ท่านลองจินตนาการตนเองเป็นผู้สูงอายุในประเทศไทยที่ได้รับเบี้ยคนชราเพื่อดำรงชีพเดือนละ 600 บาท หรือผู้พิการที่ได้รับเงินสนับสนุนการดำรงชีพจากรัฐเพียงเดือนละ 1,000 บาท เงินจำนวนเท่านี้สามารถดำรงชีวิตได้จริง ๆ หรือไม่?
นโยบายหลายอย่างที่เอื้อต่อนายทุนให้คนที่รวย รวยยิ่งขึ้น คนที่จนสร้างตัวได้ยากมากขึ้น บางครั้งการตั้งตัวไม่ได้อาจไม่ใช่เรื่องปัจเจกอย่างหลายคนเช้าใจ เช่น ความไม่ขยัน หรือความไม่เอาไหน ความไม่สู้ แต่พวกเขาได้สู้แล้ว สู้อย่างถึงที่สุด แต่ประเทศเราไม่เอื้อให้เราสามารถตั้งตัวหรือเปล่า?
ลองมองในเรื่องของการศึกษาไทยที่ดูบ้าง เราจะพบว่ากระทรวงศึกษาธิการเพิ่มภาระในการทำงานให้ครูผู้สอนจนไม่สามารถทุ่มเทกับการสอนได้เต็มที่ อาทิเช่น ครูไม่ทำหน้าที่เพียงสอนอย่างเดียวต้องทำงานพัสดุ ต้องเข้าเวร ต้องมีการทำภาระหน้าที่อื่นในโรงเรียน งานธุรการต่าง ๆ และวัดผลประเมินผลจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เปลี่ยนแนวทางตลอด เน้นแต่งานเอกสารไม่ปรับตัวตามยุคโลกาภิวัตน์
แม้แต่การคัดเลือกนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยทำไมประเทศไทยถึงได้เปลี่ยนรูปแบบการรับเข้าแทบจะทุกปี? นับตั้งแต่ระบบสอบเทียบ ระบบเอนทรานต์ ระบบ Gat pat ระบบ TCAS ทำไมเรายังไม่ค้นพบวิธีที่ดีและเหมาะสมแก่เยาวชนในประเทศเราเสียที?
ระบบประกันสังคมที่ไม่สามารถเบิกเงินได้ก่อนอายุ 55 ปี และนี่เรายังไม่ได้พูดถึงปัญหาคอรัปชั่นในองกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้คนมีชีวิตอยู่รู้สึกสิ้นหวังที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศนี้
โควิด-19 ตัวเร่งปฏิกิริยา
จากการที่เราเผชิญปัญหาเรื่อง โควิด-19 ผู้คนได้เห็นการแก้ปัญหาที่ล้าช่า ทั้งเรื่องวัคซีนที่ตอบอย่างขอไปทีของ รมว. กระทรวงสาธรณสุข การวางตัวของผู้นำ ภาวะผู้นำ การบริการและการตัดสินใจที่ทำให้เราไม่มั่นใจ ลังเลใจ จนเกิดเป็นความรู้สึก “อยากไปตายเอาดาบหน้า” ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้คือความผิดของประชาชนหรือไม่? คุณกำลังบอกว่ามันคือความบกพร่องของประชาชนอย่างนั้นหรือ? นี่คือวิกฤติศรัทธาที่ร้ายแรงที่สุดและรัฐควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาส กอบกู้ศรัทธาเหล่านี้กลับคืนมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เราเห็นอะไรในกลุ่มคนอยากย้ายประเทศ
ความน่าสนใจของกลุ่ม “โยกย้ายมาส่ายสะโพกโยกย้าย” สะท้อนถึงความหวังของผู้คนที่ใฝ่ฝันอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แม้พวกเขาจะไม่แน่ใจว่าการย้ายไปประเทศอื่นจะสามารถสร้างตัวได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ มันคือทางเลือกที่ดีกว่ากับการอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบันนี้แน่ ๆ
เราพบเห็นความช่วยเหลืออย่างเช่น การแชร์ประสบการเส้นทางการมาทำงานต่างประเทศ การจัดอบรมให้ความรู้การย้ายประเทศของแต่ละประเทศ มีการทำกำหนดการออกมาเพื่อให้คนได้เตรียมตัว เตรียมคำถามที่จะมาสอบถามผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศนั้น ๆ มีการจัดการสอนภาษาฟรี จากกลุ่มครูอาสาทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน มีการเชิญบุคคลมีความรู้ความสามารถอย่าง Richard Hallows อาจารย์ที่มีประสบการณ์การสอนมากว่า 25 ปี เป็นคนเขียนหนังสือสอน IELTS และใช่ ทั้งหมดนี่คือฟรี!
บรรยากาศในกลุ่มคือบรรยากาศที่สร้างความหวังให้แก่คนกว่า 880,000 คน มักจะมีคำพูดเชิงบวกและสร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้แก่สมาชิกในกลุ่มเสมอ “อย่าดูถูกตัวเอง” “ทุกคนมีดี” “เราคอยยืนอยู่ข้าง ๆ” “เราพร้อมช่วยเหลือคุณเสมอ”ความรู้สึกเหล่านี้ทำไมเราไม่เคยได้สัมผัสจากรัฐบาลไทยกันนะ? ประเทศที่เด็กมีฝันอยากไปจากที่นี่ คุณเองไม่คิดว่ามันผิดปกติเหรอ?