คลัสเตอร์ใหม่คลองเตย บ้านน้ำขิง และซีเอสพีสติลเซ็นเตอร์ ดันยอดคนติดเชื้อในไทยพุ่งอีก 43,925 ราย

คลัสเตอร์ใหม่คลองเตย บ้านน้ำขิง และซีเอสพีสติลเซ็นเตอร์ ดันยอดคนติดเชื้อในไทยพุ่งอีก 43,925 ราย

ถ้าจะบอกว่าประเทศไทยตอนนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็น่าจะจริง ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางใจของประชาชนในการบริหารจัดการของรัฐบาลไทยว่าจะควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ จนเกิดกลุ่ม “ย้ายประเทศกันเถอะ” ขึ้นในเฟสบุ๊คในระยะเวลาไม่ถึงสามวันยอดผู้เข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการย้ายประเทศก็พุ่งสูงถึง 600,000 ราย

ล่าสุดก็เกิดกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่จาก คลองเตย,​บ้านน้ำขิงบางแค และซีเอสพี สติลเซ็นเตอร์ ที่ดันให้ยอดคนติดเชื้อสะสมในไทยพุ่งถึง 43,925 ราย​ (ยอดวันที่ 4 พฤษภาคม 2564)

กลุ่มคลัสเตอร์คลองเตย

ชุมชนย่านคลองเตยพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 300 รายจากการตรวจเชิงรุก หวั่นเป็นสึนามิโควิด -19 เนื่องจากชุมชนนั้นมีคนอาศัยอยู่อย่างแออัดและมีอยู่กว่า 90,000 คน และมีการเดินทางไปทำงานทั่วกรุงเทพมหานคร จึงยากต่อการควบคุมโรค ทั้งนี้บางส่วนในชุมชนคลองเตยไปมาระหว่างพื้นที่ชุมชนคลองเตยและ คอนโด หอพักในพื้นที่อื่นของกรุงเทพมหานครอีกด้วย

ความกังวลในต่อกรณีนี้นอกจากการมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดระรอกใหม่ ยังต้องมองถึงกำลังของการรองรับผู้ป่วยโควิด -19 ของไทยที่กำลังประสบปัญหาในการจัดการอยู่เช่นกัน โดยการเกิดคลัสเตอร์ครั้งนี้เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ทองหล่อ มีประชาชนในชุมชนท่านหนึ่งได้เข้าไปสัมผัสเชื้อจากสถานที่ท่องเที่ยวย่านทองหล่อ สังสรรค์กับเพื่อนฝูง นำกลับมาติดในครอบครัวตนเองและแพร่สู่ชุมชนในที่สุด

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงกรณีติดเชื้อคลองเตยทางเพจหลักความว่า

กรณีการแพร่ระบาดของโควิดที่เขตคลองเตย ผมได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โดยมีผู้ติดเชื้อไปแล้วเป็นจำนวนมาก หลายรายอยู่ในชุมชนแออัดที่แพร่ระบาดในครอบครัว และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เมื่อวานนี้ในช่วงบ่าย ผมจึงได้เรียกประชุมกับทีมแพทย์ที่ปรึกษา กรุงเทพมหานคร รวมทั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. อย่างเร่งด่วน เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์ดังนี้ครับ

1. ให้มีการตรวจเชิงรุกในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้ง 39 ชุมชน เน้นไปที่ที่ 20 ชุมชนที่เกิดการระบาด โดยเร่งตรวจชุมชนที่มีการติดเชื้อ ให้ได้อย่างน้อย 1,000-1,500 คนต่อวัน โดยหน่วยเคลื่อนที่ และรถเก็บตัวอย่างชีวะนิรภัยพระราชทาน โดยจะตรวจเชิงรุกให้ได้อย่างน้อยทั้งหมด 20,000 คน ซึ่งได้ดำเนินการทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

2. หากพบผู้ติดเชื้อ ให้มีการแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนตามระดับอาการ เขียว เหลือง แดง เพื่อให้ศูนย์เอราวัณส่งตัวต่อเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลสำหรับกลุ่มนั้นๆ โดยเบื้องต้นจะถูกส่งตัวไปที่ศูนย์แรกรับ-ส่งต่อ ที่สนามกีฬานิมิบุตร หรือศูนย์พักคอยการส่งตัว ที่วัดสะพาน เขตพระโขนง หรือโรงพยาบาลสนาม ที่ จ.สมุทรสาคร

3. กลุ่มสีแดง หรือกลุ่มติดเชื้อและมีอาการหนัก จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของ กทม. ทันที ซึ่งผมมีความเป็นห่วงผู้ป่วยในกลุ่มนี้มากที่สุด จึงได้เร่งรัดให้มีการเตรียมโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหนักเพิ่มเติมให้เร็วที่สุด เมื่อวานนี้ ได้มีการเปิดโรงพยาบาลสนาม ICU ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นอีก 432 เตียง และเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ผู้ป่วยหนักได้รับการรักษาได้อย่างทันการณ์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้

4. ส่วนกลุ่มผู้เสี่ยงสูงที่ยังไม่พบว่าติดเชื้อ จะต้องกักตัวในบ้านจนกว่าจะได้รับการแจ้งผล และให้ผู้นำชุมชนช่วยเป็นผู้ประสานงาน ส่งอาหารให้ผู้กักตัว

5. วันนี้จะมีการระดมกำลัง 10-20 จุด เพื่อฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด วันละ 1,000-3,000 คน รวมให้ได้อย่างน้อย 50,000 คน ภายใน 2 สัปดาห์ และจะฉีดต่อไปให้ได้ถึง 60% ของประชาชนในชุมชนแออัดคลองเตย หรือประมาณ 80,000 คน

6. นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เพิ่มเติม โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงกลาโหม ที่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

7. ให้มีการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนในการส่งอุปกรณ์ป้องกันโรค อาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นอื่นๆให้หน่วยงานที่ต้องลงพื้นที่

8. ให้ทุกเขตใน กทม. เตรียมการเชิงรุก โดยใช้รูปแบบ Model คลองเตยนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคต

ทั้งหมดนี้ได้ทำไปแล้ว โดยผมได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการขยายวงของการแพร่ระบาด และให้รายงานความคืบหน้ากับผมโดยตรง ผมจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความจำเป็นในการปรับแผนการควบคุมสถานการณ์หากมีความจำเป็น เป้าหมายคือการจำกัดวงการแพร่ระบาดให้เล็กที่สุดและควบคุมให้ได้เร็วที่สุด เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคนครับ

กลุ่มคลัสเตอร์บ้านน้ำขิงบางแค

จากโพสของประชาชนในชุมชนบ้านขิงท่านหนึ่ง ที่โพสถึงสถานการณ์ในชุมชนว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด -19 กว่า 50 คนแต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนให้ความช่วยเหลือ จึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบหาความจริง ชุมชนบ้านน้ำขิงนั้นเป็นชุมชนใหญ่ ตั้งอยู่ในซอยเพชรเกษม 69 ย่านบางบอน 3 ในชุมชนบ้านขิงมีประชากรอยู่ทั้งสิ้น 174 หลังคาเรือน มีหลายท่านทำงานในห้างใหญ่ฝั่งธน เช่น เดอะมอลล์บางแค ผู้ป่วยรายแรก ๆ ในชุมชนตรวจพบเชื้อหลังช่วงสงกรานต์ ผู้นำชุมชนแจง ขอล็อคดาวน์ชุมชนชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมขอความช่วยเหลือบริจาคข้าวสารอาหารแห้งแก่ผู้อาศัยในชุมชน และขอความช่วยเหลือจากภาครัฐในการรักษาผู้ป่วย อีกทั้งอยากให้ตรวจเชิงรุกในชุมชนให้ได้มากที่สุด

กลุ่มคลัสเตอร์ซีเอสพีสติลเซ็นเตอร์

พบผู้ติดเชื้อจากโรงงานเหล็ก ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ ติดเชื้อกว่า 128 คน บิ๊กป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณออกโรงสั่ง รมว.แรงงาน เร่งประสานให้จัดหารถมารับ นำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการรักษาเร็วที่สุด

ทางบริษัทซีเอสพี สตีลเซนเตอร์ ได้ออกแถลงถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อความว่า

ตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรก ทางบริษัทฯได้ดําเนินการจัดการอย่างถูกต้อง และประพฤติตามคําแนะนํา ของสํานักงานสาธารณสุข จ.สมุทรปราการ และกรมควบคุมโรค รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยบริษัทฯได้ จัดให้มีการดําเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อดังตัวอยางต่อไปนี้

• บริษัทฯประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาฉีดพ่นฆ่าเชื้อในส่วนของโรงงานผลิต คลังสินค้า หอพักอาศัย และบริเวณโรงงาน สาขาสมุทรปราการทั้งหมด (Big cleaning and sanitizing service) รวมถึงดําเนินการเพิ่มเติมเป็นพิเศษสําหรับทุกจุดสัมผัสในบริเวณ ที่พนักงานผู้ติดเชื้อปฏิบัติงานหรือไปติดต่องานด้วย (ดําเนินการหลายครั้งอยางต่อเนื่อง)

• บริษัทฯได้ทําการตรวจหาเชื้อไวรัสของพนักงานเชิงรุก ตั้งแต่การสัมภาษณ์ การคัดกรอง การเฝ้าระวังติดตาม มีการตรวจเชื้อซํ้าโดย สถานพยาบาลที่ได้รับรองการทดสอบความชํานาญทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ทําการแยกผู้ติดเชื้อทั้งหมดไปยังสถานที่ กักตัว  และกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงสูง ที่สัมผัส  หรือใกล้ชิดผู้ป่วย เพื่อป้องกันและยับยั้งโรคดังกล่าวมิให้เกิดการแพร่ระบาด กระจายตัวเป็นวงกว้าง รวมถึงคัดแยกและประสานงานส่งตัวผู้ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลที่รองรับ

• ประกาศปิดทําการโรงงานสาขาสมุทรปราการ และสังห้ามพนักงาน ที่อาศัยในหอพักของบริษัทฯ ห้ามเดินทางออกนอกสถานที่โดย เด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ยกเว้นบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งตามประกาศของโรงงานที่มีหน้าที่ในการติดต่อกับหน่วยงานราชการและผู้มีหน้าที่จัดหาสวัสดิการอาหารและยาให้กับพนักงานที่กักตัว  

• ประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อสั่งการให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด และมีบทลงโทษ อย่างชัดเจน  

• ประสานงาน ปฏิบัติตาม ให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ สำนักงานสาธารณสุข จ.สมุทรปราการและกรม ควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง เคร่งครัดและโปร่งใส เพื่อหารือร่วมกันในการจัดการป้องกันไม่ ให้เกิดการแพร่เชื้อออกไปสู่สาธารณะ รวมถึงเพื่อให้โรงงานสามารถกลับมาดําเนินการได้อยางปกติโดยเร็ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha 

 

คลัสเตอร์ใหม่คลองเตย บ้านน้ำขิง และซีเอสพีสติลเซ็นเตอร์ ดันยอดคนติดเชื้อในไทยพุ่งอีก 43,925 ราย