กรรมกรข่าวไม่มีวันหยุด! การกลับมาของพิธีกรข่าวอันดับ 1 “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”

กรรมกรข่าวไม่มีวันหยุด! การกลับมาของพิธีกรข่าวอันดับ 1 “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”

 

แฟนสรยุทธ แห่ให้กำลังใจล้นหลามในโลกโซเชี่ยล กับการกลับมาคืนจอครั้งแรกในวันแรงงาน เห็นภาพของกรรมกรข่าวที่ไม่มีวันหยุด ถือเป็นการตอกย้ำถึงคำว่ากรรมกรข่าว เพราะเขาเลือกที่จะออกรายการในฐานะพิธีกรข่าว เริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวันกรรมกร (วันแรงงานแห่งชาติ) 

เพราะกรรมกรเป็นตัวแทนของการทำงานอย่างหนัก เราจะเห็นได้ว่าเขาทุ่มเทค้นคว้าหาข้อมูล เพราะมีเอกสารวางกางอยู่เต็มโต๊ะ อัดแน่นเต็มไปด้วยข้อมูล ทำให้เราไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นเบอร์หนึ่ง...ของคนข่าวเมืองไทย

ที่สำคัญไม่ใช่แค่ภาพการทำงานอย่างหนัก แต่ยังมีความครีเอทีฟในการนำเสนออย่างชาญฉลาด นำทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นเคยนำเสนอมาแล้วกลับมารวบรวมสรุป พร้อมนำเสนอได้อย่างแตกต่างและมีประโยชน์อย่างน่าประทับใจ สมศักดิ์ศรี พิธีกรข่าวอันดับหนึ่งของเมืองไทย

คุณสรยุทธคือพิธีกรและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชาวไทย ที่มีชื่อเสียงในการสัมภาษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์มาอ่านในรายการโทรทัศน์พร้อมวิจารณ์ข่าวไปด้วยในคราวเดียวกัน หรือที่เรียกว่าเล่าข่าว (News Talk) มีผลงานที่เป็นที่รู้จักหลายรายการ เช่น เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ คุยคุ้ยข่าว และ ถึงลูกถึงคน วันนี้เขาได้กลับช่อง 3 ทำหน้าที่และกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง หลังจากได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษ หลังจากเป็นผู้ต้องขังตามคำพิพากษาศาลฎีกา

          

เขาเริ่มทำงานเป็นนักข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 โดยทำข่าวสายรัฐสภาเป็นเวลาสองปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาลอีกสองปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้ประจำในกองบรรณาธิการ ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และในปี พ.ศ. 2537 ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ในปี พ.ศ. 2540 ได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ สุดท้ายเป็นรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น

จากนั้นเขาทำรายการวิเคราะห์ข่าว โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางไอทีวี และช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี ก่อนจะมาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเมื่อมาทำรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 (รายการเริ่มเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546)

นอกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการแล้ว สรยุทธยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ผลิตรายการโทรทัศน์) และบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด (รับจัดงานและกิจกรรม)

 

ย้อนกลับไปดูกันหน่อยว่าทำไมเขาถึงต้องโทษในคดีไร่ส้ม

"คดีไร่ส้ม" นั้น เริ่มเป็นที่สนใจในช่วงปี 2549 เมื่อสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ตรวจพบว่า บ.ไร่ส้ม จก. ที่มี "นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา" พิธีกรข่าวชื่อดัง เป็นกรรมการผู้จัดการ, น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ้ม เป็นกรรมการบริษัท เข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับ อสมท ระหว่างวันที่ 1 ก.พ.48 จนถึงวันที่ 15 ก.ค. 49

ร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-13.00 น. ครั้งละ 60 นาที (รวมเวลาโฆษณา) โดย อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บ.ไร่ส้มฯ ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท อัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท

และทำสัญญาร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. ครั้งละ 30 นาที (รวมเวลาโฆษณา) โดย อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ บ.ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 240,000 บาท


ต่อมาพบว่า บ.ไร่ส้มฯ ค้างรายได้จากค่าโฆษณาเกินเวลาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท โดยเมื่อ ก.ค.49 "นางพิชชาภา หรือ ชนาภา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต" เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม และเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บเงินจาก บ.ไร่ส้มฯ สารภาพต่อหน้าผู้บริหาร อสมท ในขณะนั้นว่า บ.ไร่ส้มฯ โฆษณาเกิน และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง โดย นางพิชชาภา ใช้ "น้ำยาลบคำผิด" ลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของ บ.ไร่ส้มฯ ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท เพื่อปกปิดความผิดตามคำแนะนำของ นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บ.ไร่ส้มฯ ก่อนจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดสรยุทธ ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด สำหรับคดีดังกล่าว เริ่มจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สน.ห้วยขวาง เมื่อปลายปี พ.ศ. 2550 ให้ดำเนินคดีกับพนักงาน บมจ.อสมท จำนวน 2 คน ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และไร่ส้มของสรยุทธในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท และ สน.ห้วยขวาง ได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550

พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกสรยุทธ 13 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญา และปรับเงินไร่ส้มอีก 8 หมื่นบาท โดยสรยุทธ ได้อุทธรณ์สู้คดีต่อวางหลักทรัพย์ประกันตัว 200,000 บาท

20 มกราคม พ.ศ. 2563 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกสรยุทธเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

อย่างไรก็ตาม จากความหวาดวิตกกังวลของผู้ต้องขังในเรือนจำต่อสถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย จนเกิดเหตุการณ์ผู้ต้องขังหนีออกและเผาเรือนจำที่จังหวัดบุรีรัมย์ กรมราชทัณฑ์จึงต้องกอบกู้ความน่าเชื่อถือ โดยให้คุณสรยุทธมาจัดรายการ "เรื่องเล่าชาวเรือนจำ" เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ต้องขัง ทำให้สถานการณ์ในเวลาต่อมาดีขึ้น

ทำให้ในเวลาต่อมา เขาได้เลื่อนชั้นเป็นผู้ต้องขังชั้นเยี่ยม ได้รับการลดวันต้องโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้ง และได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2564

แม้เขาจะต้องโทษในคดี แต่เขาไม่เคยหลบหนี และกล้าต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม เมื่อรู้ว่าผิดก็ยอมรับผิดแต่โดยดี มีความเป็นลูกผู้ชายเต็มเปี่ยม ถือว่าน่ายกย่องในเรื่องความรับผิดชอบ และวันนี้ 1 พฤษภาคม 2564 คืออีกหนึ่งวันที่วงการสื่อมวลชนของเมืองไทยต้องจดจำ...


กรรมกรข่าวไม่มีวันหยุด! การกลับมาของพิธีกรข่าวคนดังอันดับ 1 “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”